ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่  29 พฤศจิกายน  2558

นอริช 1-1 อาร์เซน่อล

สนาม : แคร์โรว โร้ด
 

          นอริชได้เล่นในบ้านหลังจากนัดก่อนบุกไปแพ้เชลซีหวุดหวิด 1-0 และสลับโผผู้เล่น 11 คนแรกสามรายโดยที่เกรแฮม ดอร์แรนส์ , เวส  ฮูลาแฮน และลูอิส แกรบแบนถูกส่งลงเล่นก่อนหน้ายุสซุฟ มูลุมบู , เนธาน เร้ดมอนด์ และดิเมอร์ซี่ เอ็มโบกานี่
 

          ด้านอาร์เซน่อลเปลี่ยนนักเตะรายเดียวจากเกมเปิดบ้านทุบดินาโม ซาเกร็บ 3-0 ในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกนัดกลางสัปดาห์ให้อาร่อน แรมซีย์ลงเล่นแทนโจเอล แคมป์เบลล์
 

          เริ่มเกมมาได้แค่ 8 นาที ทีมปืนใหญ่ก็มีปัญหาเมื่อโลร็องต์ กอสซิแอลนีย์บาดเจ็บตั้งแต่หัววัน และเล่นต่อไม่ไหว ต้องเดินกระเผลกออกไปให้กาเบรียล เปาลิสต้าลงบู๊แทน
 

          อย่างไรก็ดี ทีมจากลอนดอนยังเดินหน้าบุกต่อ และหวิดได้สกอร์นำในนาทีที่ 17 จากการต่อบอลกันมาเป็นทอดๆแล้วจบที่นาโช่ มอนเรอัลเติมขึ้นไปป้ายบอลจากเส้นหลังฝั่งซ้ายเข้าเขตโทษให้เมซุต โอซิลซัดระยะ 10 หลาถูกเซบาสเตียน บาสซงแหย่ขาสกัดเปลี่ยนทิศออกเสาไกลไปแบบเฉียดฉิว

          ถัดมาในนาทีที่ 27 ซานติ กาซอร์ล่าบุกตะลุยขึ้นมาน่ากลัวก่อนป้ายบอลออกทางขวาให้อเล็กซิส ซานเชซกระทุ้งในกรอบเขตโทษระยะ 15 หลาเต็มข้อ ทว่าจอห์น รัดดี้ทุบทิ้งได้สำเร็จ

          และแล้วอีกสามนาทีให้หลัง อาร์เซน่อลก็ปลดล็อคจนได้จากจังหวะที่รัดดี้เตะบอลคืนส่งหลังไม่แรงพอ แถมแกรี่ โอนีลก็จับบอลหลุดไกลตัว ซานเซชจึงเข้าเก็บตกไหลเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้โอซิลหลุดเดี่ยวชิพจาก 15 หลาข้ามนายทวารนกขมิ้นที่พยายามออกมาบังมุมเข้าปะทะตาข่ายนิ่มๆเป็นประตูนำ 1-0 ของเดอะ กันเนอร์ส

          เกมยังเป็นของทีมเยือนข้างเดียว จวบจนท้ายครึ่งแรกในนาทีที่ 42 เจ้าบ้านซึ่งเริ่มเปิดเกมรุกได้มากขึ้นก็ได้เสียวจากการสับไกหน้าเขตโทษด้านซ้ายระยะ 23 หลาของร็อบบี้ เบรดี้ แต่ไม่ผ่านการพุ่งปัดของปีเตอร์ เช็ก

          ถัดมาอีกแค่นาทีเดียวกองเชียร์นกขมิ้นก็ได้เฮกันลั่นเมื่อเบรดี้ควบบอลจากกราบซ้ายตัดเข้ามาแล้วป้ายเข้าเขตโทษให้แกรบแบนสลัดหนีกาเบรียลหลุดเข้าแปบอลจากสิบหลาสวนทางกับเช็กเข้าประตู จึงเป็นอันว่านอริชตีเสมอเป็น 1-1

          เท่านั้นไม่พอ ช่วงทดเวลานกขมิ้นซึ่งโหมบุกหนักน่าจะแซงนำด้วยซ้ำเมื่อมาร์ติน โอลส์สันสาดบอลจากกราบขวาไปเสาไกล แต่ฮูลาแฮนปรี่เข้าซัดเหน่งๆห้าหลาไร้คนประกบโด่งข้ามคานอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรกทั้งสองทีมจึงเจ๊ากันไป 1-1

          เริ่มครึ่งหลังแค่นาทีเดียว กาซอร์ล่าก็เจ็บทันทีในจังหวะประสานแข้งเล่นบอลโด่งแย่งกับโอนีล และต้องเขยกออกไปให้แพทย์เยียวยา ดีที่ว่ากลับมาเล่นต่อไหว

          ถึงนาทีที่ 54 กาซอร์ล่าก็ได้ใบเหลืองข้อหาทิ้งตัวล้มหมายได้ลูกฟรีคิกทั้งๆที่จอห์นนี่ ฮาวสันไม่ได้เข้าปะทะ แต่อีกสามนาทีต่อมาโอนีลรับใบเหลืองเช่นกันจากการทำฟาวล์แรมซีย์หน้าเขตโทษ แต่โอซิลปั่นลูกฟรีคิกระยะ 25 หลากระทบกำแพง

          ในที่สุด นาทีที่ 59 ซานเชซซึ่งเจ็บเอ็นหลังเข่าด้านขวาอยู่ก่อนแล้วก็เดี้ยงจนได้ในจังหวะสปีดเข้าหาบอลในเขตโทษเจ้าบ้าน และปะทะกับไรอัน เบนเน็ตต์ที่ถึงบอลก่อน ทำให้ต้องเดินออกจากสนามโดยมีแคมป์เบลล์ลงเล่นแทน

          เกมของปืนใหญ่ช็อตไปทันที และน่าจะเสียประตูอย่างยิ่งในนาทีที่ 70 เมื่อโอลสสันเปิดบอลยาวจากกราบขวาเข้าเขตโทษไปโดนหัวกาเบรียลพุ่งเข้าหาเสาสองเห็นๆแล้ว แต่เช็กไวทายาทกระโจนปัดได้เหลือเชื่อ

          และจากลูกเตะมุมทางขวาของนอริช เบนเน็ตต์ก็โขกบอลจากเสาไกลย้อนกลับมาให้ฮาวสันพักอกกลับตัวยิงระยะหกหลาหน้าปากประตูโด่งข้ามคานนิดเดียวก่อนที่เจ้าบ้านจะเปลี่ยนตัวทันทีโดยถอดฮาวสันออกให้เร้ดมอนด์ลงสนามพร้อมกับที่เดอะ กันเนอร์สใช้งานอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลนแทนแรมซีย์ในนาทีที่ 71

          นกขมิ้นพับสนามบุกแล้ว และทำเอาอาร์เซน่อลโอนไปเอนมา กระทั่งนาทีที่ 85 เจ้าบ้านก็ส่งคาเมร่อน เจอโรมกับวาดิส อ็อดยิดย่า โอโฟลงไปแทนฮูลาแฮนกับแกรบแบน และบุกแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่สุดท้ายก็คว่ำทีมเยือนไม่สำเร็จ จบเกมสกอร์จึงยุติที่ 1-1 อาร์เซน่อลต้องรั้งอันดับที่สี่ตามเดิม

          รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
 
          นอริช ซิตี้ : จอห์น รัดดี้ - ไรอัน เบนเน็ตต์, อันเดร วิสดอม, เซบาสเตียง บาสซง, มาร์ติน โอลส์สัน - ร็อบบี้ เบรดี้, แกรี่ โอนีล, ยุสซุฟ มูลุมบู, จอนนี่ ฮาวสัน, เวส ฮูลาแฮน - เลวิส แกร็บแบน
          สำรอง : เดแคลน รัดด์, รัสเซลล์ มาร์ติน, ยุสซุฟ มูลุมบู, นาธาน  เร้ดมอนด์, วาดิส โอชิชา-โอโฟเอ้, ดิเยอแมร์กชี่ เอ็มโบกานี่, คาเมรอน เจอโรม
 
          อาร์เซน่อล  : ปีเตอร์ เช็ก - เอคตอร์ เบเยริน, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, แพร์ แมร์เตซัคเคอร์, นาโช่ มอนเรอัล - มาติเยอ ฟลามินี่, ซานติ กาซอร์ล่า - อารอน แรมซี่ย์, เมซุต โอซิล, อเล็กซิส ซานเชซ - โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
 
          สำรอง : ดาบิด ออสปิน่า, มาติเยอ เดบูชี่, กาเบรียล เปาเลต้า, คาลั่ม แชมเบอร์ส, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เจฟฟ์ เรเน่, อเดเลด, โจเอล แคมป์เบลล์

 
          ผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์