ศึกแดงเดือดครั้งที่ 194 ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว เป็นทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่บุกมายัดเยียดความปราชัยให้ ลิเวอร์พูล ถึงรัง แอนฟิลด์ 1-0 ทำให้ "ปีศาจแดง" ชนะ "หงส์แดง" ได้ทั้งไปและกลับในซีซั่นนี้ แถม หลุยส์ ฟาน กัล ยังคงรักษาสถิติชนะศึกแดงเดือด 100% อีกต่างหาก

อย่างไรก็ดีทาง "เดอะ มิร์เรอร์" สื่อชื่อดังแดนผู้ดี ได้คัด 5 ประเด็นฮอตจากเกมดังกล่าวมาให้ติดตามกัน จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ไปติดตามกันเลย...

1. ยังมีกลิ่นอายของความ "เดือด" อยู่

แดงเดือดหนนี้ อาจจะไม่มีใบเหลืองใบแดงปลิวว่อน แต่แฟนๆก็ยังได้เห็นรูปเกมที่ดุเดือดอยู่บ้าง ในหลายจังหวะในการเข้าปะทะแย่งลูกมาครอบครอง และช็อตไฮไลต์อยู่ที่จังหวะที่ ลูคัส เลว่า ปะทะกับ มารูอาน เฟลไลนี่ ก่อนที่แข้งทั้งสองทีมจะกรูกันเข้ามาห้ามปรามกัน

2. แท็กติกของ ยูไนเต็ด สร้างปัญหาให้กับ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง

ถึงแม้ว่าเกมนี้ทางเจ้าบ้าน จะมีโอกาสมากมายในครึ่งแรก แต่กลับไม่สามารถใส่สกอร์เป็นประตูได้ โอกาสยิงเข้ากรอบมีถึง 7 ครั้ง ส่วนทีมเยือนโอกาสเป็นศูนย์

ทาง ลิเวอร์พูล ก็พยายามปรับเปลี่ยนหมากเตะระหว่างเกม จาก 4-3-3 มาเป็น 4-4-2 และ 4-5-1 แต่ก็ไม่สามารถใส่สกอร์ได้ ซึ่ง ยูไนเต็ด ทำได้ดีอีกครั้งกับการเจอคู่ปรับตัวฉกาจ ถึงเกมจะหวือหวาไม่เท่า แต่แท็กติกที่ จารย์หลุยส์ ติดตั้งให้ยังคงใช้ได้ผลเสมอและเปลี่ยนจากผู้ที่เกือบจะแพ้กลับกลายมาเป็นผู้ชนะในที่สุด

3. No De Gea No Party

เป็นอีกครั้งที่ ดาบิด เด เคอา นายด่านสแปนิช โชว์ความคลาสช่วยทีมได้อีกแล้วในรูปเกมแบบนี้ หากไม่มี "เดฟ" ช่วยเซฟจังหวะสำคัญๆ เอาไว้ เกมเมื่อคืน ยูไนเต็ด อาจจะเดินคอตกกลับบ้าน และถ้าไม่มีเขาที่ผ่านมา ทีมคงอาจจะป้นเปี้ยนอยู่แถวกลางตารางเป็นเพื่อนกับ ลิเวอร์พูล เป็นแน่

4. คล็อปป์ ปล่อยแผนสำรองช้าไป (นิดนึง)

กุนซือแดนไส้กรอก อาจจะคิดช้านิดหน่อยกับการปรับเปลี่ยนตัวสำรองลงมาหลังจากโดนนำ เขาเลือกปล่อย คริสติยอง เบนเตเก้ ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม และการโยน สตีเว่น คอลเกอร์ กองหน้าจำเป็นลงมานาที 90

ซึ่งหาก คล็อปป์ ปล่อยสองตัวนี้ลงมาต่อกรทางอากาศไวซักนิดนึง ก็อาจจะมีเซอร์ไพร์สเล็กๆในช่วงท้ายเกม เหมือนที่ไล่ตามตีเสมอ อาร์เซนอล 3-3 ก็เป็นได้

5. สูญเสียไปเท่าไหร่กับ ลูกเซ็ตพีซ

เป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หายเสียทีกับการป้องกันลูกทางอากาศยาน

7 ประตูเข้าไปแล้วที่ ลิเวอร์พูล เสียประตูจากลูกเตะมุมมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้

โรคร้ายที่ยังหายารักษายังไม่ได้หลังจากติดเชื้อมานาน แถมยังลุกลามไปถึงแดนหน้า ที่ไม่มีความคมในการจบสกอร์

คล็อปป์ เหนื่อยหน่อยนะกับการซ่อมแซมเครื่องจักรกลชิ้นนี้