ศึกพรีเมียร์ลีกคู่แรกประจำสัปดาห์ที่ 23 ก็เล่นเอาแฟนๆตัวยงของทั้งสองทีมและแฟนบอลเฉพาะกิจลุ้นระทึก หวาดเสียวกันถ้วนหน้าสำหรับคู่ของ "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" นอริช ซิตี้ เปิดรัง แคร์โรว์ โร้ด พ่ายต่อ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไปอย่างสุดหวิวฉิวเฉียด 4-5

โดยทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ น.18 เจ้าถิ่นมาตามตีเสมอได้สำเร็จจาก ดิเยอแมร์กซี่ เอมโบกานี่ น.29 ก่อนจะพลิกแซงนำจาก สตีเว่น เนสมิธ น.41 จบครึ่งแรกเจ้าบ้านนำด้วยสกอร์ 2-1

เข้าสู่ครึ่งหลังลูกทีมของ อเล็กซ์ นีลล์ หนีห่างเป็น 3-1 จากจุดโทษของ เวส ฮูลาแฮน น.54 แต่ดีใจไม่ทันไร จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ยิงไล่ตามทันควัน 2-3 น.55 ก่อนที่จะมาได้สองประตูรวดจาก ฟีร์มิโน่ น.63 และ เจมส์ มิลเนอร์ น.75

เข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ น.90+2 "เจ้านกขมิ้น" ยังไม่ตายง่ายๆ ไล่ตามตีเสมอสำเร็จ 4-4 จาก เซบาสเตียง บาสซง  แต่แล้วความดราม่าเกิดขึ้นหลัง อดัม ลัลลาน่า มากดประตูชัยให้ "หงส์แดง" ได้ใน น.90+5

ทาง "เดอะ มิร์เรอร์" สื่อชื่อดังจากแดนผู้ดี เลยจัด 5 ประเด็นเด็ดจากเกมดังกล่าวมาให้ได้เสพกัน จะมีอะไรน่าสนใจ ตามไปดูกันได้เลย

1. เกมนี้ ลิเวอร์พูล ทำได้!

หลังจากโดนนำไปถึง 3-1 เหล่าแข้งหงส์แดง ก็แสดงความกระเหี้ยนกระหือรือที่จะกลับมาสู่เกมให้ได้ หลังจากที่โดนไปถึง 3 ประตูหลังจากที่ขึ้นนำเจ้าบ้านอย่างไวตั้งแต่ต้นเกม

พวกเขาฉวยโอกาสที่กองหลังนอริชไม่รัดกุมเองและเปื่อยยุ่ย ยิงกลับมาแซง 4-3 แต่เจ้ากรรมก็ยังโดนตามตีเสมอมาอีก 4-4 เกมทำท่าจะจบด้วยสกอร์นี้ แต่ อดัม ลัลลาน่า ก็มาทำให้เกมนี้มีคำว่า แพ้ และ ชนะ

2. มี คล็อปป์ (อาจจะไม่) มี เบนเตเก้

แม้ว่ากุนซือเมืองเบียร์ จะยืนยันว่า คริสติยอง เบนเตเก้ ยังอยู่ในแผนการทำทีมของเขา แต่เกมนี้ หอกร่างยักษ์ ก็คงยังนั่งหงอยๆ อยู่ที่ม้านั่งสำรองเช่นเคย โดย "มิสเตอร์ เจเค" ก็ยังใช้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เป็นตัวเลือกในแนวรุกอันดับหนึ่งในตอนนี้

แม้ว่าจะได้โอกาสลงสนามมาเป็นตัวสำรองแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แต่เจ้าตัวก็ยังทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเช่นเคย

ถ้าหาก ดิว็อก โอริกี้ หรือแม้กระทั่ง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ กลับมามีส่วนร่วมกับทีมอีกครั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เบนเตเก้ จะถูกลดเป็นตัวเลือกลำดับไหน และซัมเมอร์หน้า จะได้รู้กันว่า เขาจะอยู่หรือไป

3. คิดดีแล้วหรือเปล่าที่ต่อสัญญาระยะยาวกับ ซิมง มิโญเล่ต์

นายด่านชาวเบลเจี้ยน เพิ่งจะได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปอีกถึงปี 2021 แต่เกมนัดนี้ทำให้แฟนๆครางแครงใจกันอีกคำรบนึงว่า ทีมคิดดีแล้วหรือเปล่าที่ให้สัญญาระยะยาวแบบนี้

มิโญเล่ต์ เจอลูกยิงของเจ้าบ้านไป 4 ครั้ง มันดันเข้าประตูไปถึง 4 ลูก แถมเจ้าตัวเซฟไม่ได้เลยด้วย

หากยังไม่ทำให้แฟนบอลมั่นใจในฝีมือได้ ไม่แน่เราอาจจะได้เห็นนายทวารมือหนึ่งคนใหม่ก็เป็นได้

4. แนวรับที่เปื่อยยุ่ยของ นอริช ซิตี้

ได้เปรียบที่ได้เล่นในถิ่น แต่กลับเสียประตูมากมายถึง 5 ตุง หากแนวรับทำงานได้ดีกว่านี้ ทีมอาจจะมีแต้มไปแล้ว ไม่ 1 ก็ 3 แต้ม

ที่น่าเจ็บใจคือ มีโอกาสได้สามแต้มแล้วแท้ๆ แต่กลับโยนมันทิ้งไปเองซะอย่างนั้น

กองหลังลิเวอร์พูลว่าแย่แล้วในเกมนี้ แต่ นอริช นั้นห่วยแตกมากกว่า

5. ในบรรดาแดนหลัง ไคลน์ คงเส้นคงวาที่สุด

ถ้าจะหาความคงเส้นคงวากับผู้เล่นแนวรับของ ลิเวอร์พูล...

เนธาเนียล ไคลน์ นี่แหละทำได้ดีที่สุดแล้วในบรรดาแข้งหลังบ้าน แบ็กขวาจอมบุก แม้ว่าจะยังทำประตูไม่ได้ อาจจะมีเผลอพลั้งพลาดเล็กๆน้อย แต่เจ้าตัวคือคนที่ลงสนามให้กับทีมทุกเกมในพรีเมียร์ลีก หลังผ่านไป 23 นัด รวมเวลาก็ 2,070 นาทีเข้าไปแล้ว

ถ้าไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไคลน์ คือตัวเลือกเบอร์หนึ่งในตำแหน่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย รวมไปถึงซีซั่นถัดๆไปด้วย