"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เตรียมส่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ ลงปิดสกอร์เก็บชัยเพื่อลุ้นเข้ารอบ เกมเปิดบ้านรับ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน ที่เพียงแค่ผลเสมอก็จะทำให้พวกเขาเข้ารอบ ในศึกฟุตบอล แคปิตอล วัน คัพ (รอบรองชนะเลิศ นัดสอง) คืนวันพุธที่ 27 ม.ค. ศกนี้

ปรีวิวฟุตบอล แคปปิตอล วัน คัพ
(รอบรองชนะเลิศ นัดสอง)

วันพุธที่ 27 มกราคม 2559

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - เอฟเวอร์ตัน
(ผลนัดแรก เอฟเวอร์ตัน ชนะ 2-1)

ถ่ายทอดสด : Ten Action India (ดาวเทียม), เวลา : 02:45 น.

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

        แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ของกุนซือ มานูเอล เปเยกรีนี่ เพิ่งบุกเสมอ เวสต์แฮม 2-2 ในลีกเมื่อวันเสาร์ ทำให้กระเถิบขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงแล้ว ตามหลัง เลสเตอร์ 3 แต้ม

        ส่วนในรายการนี้ นัดแรกที่บ้าน เอฟเวอร์ตัน พวกเขาบุกแพ้มาก่อน 1-2 เฆซุส นาบาส อุตส่าห์ยิงตีเสมอ แต่ โรเมลู ลูกากู ก็มายิงประตูชัยหลังจากนั้น 2 นาที

        สภาพทีมยังขาด แว็งซ็องต์ ก็องปานี, เอเลียควิม ม็องกาล่า, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, วิลฟรีด โบนี่ และ ซามีร์ นาสรี่ โดยรายหลังสุดตั้งเป้ากลับมาเดือนมีนาคม

        การจัดทัพ ผู้รักษาประตูจะใช้ วิลลี่ กาบาเยโร่ มือ 2 ลงเฝ้าเสา เพราะลงเล่นถ้วยนี้มาตลอด โดยพัก โจ ฮาร์ท นั่งสำรอง

        แผงหลังปรับได้เพียงเล็กน้อย ส่ง ปาโบล ซาบาเลต้า ยืนแบ็กขวา ที่เหลือยังใช้ นิโกลัส โอตาเมนดี้, มาร์ติน เดมิเคลิส และ กาแอล กลิชี่ ต่อไป

        แดนกลางได้ แฟร์นันดินโญ่ ที่หายเจ็บกล้ามเนื้อกลับมามีชื่อสำรองเกมที่แล้ว จะกลับมาลงตัวจริงเกมนี้ คุมเกมคู่กับ ยาย่า ตูเร่

        แนวรุก ดาบิด ซิลบา ปั้นเกมร่วมกับ เควิน เดอ บรอยน์ และ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ โดยมีศูนย์หน้าตัวหลัก เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" เหมือนเดิม
 
        ด้าน เอฟเวอร์ตัน ของกุนซือ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ กำลังเจอปัญหารุมเร้าเพียบ เกมล่าสุดก็พ่ายคาบ้านต่อ สวอนซี 1-2 จมปลักอยู่อันดับ 12

        สภาพทีมเจอข่าวร้ายจากเกมล่าสุด มูฮาเหม็ด เบซิช กองกลางเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และ เควิน มิราลลัส ปีกเจ็บเส้นเอ็น พลาดช่วยทีมเพิ่ม

        นอกนั้นเป็นข่าวดี เชมัส โคลแมน ฟิตกลับมาลงสำรองนัดก่อนแล้ว พร้อมยืนแบ็กขวา เช่นเดียวกับ ฟิล จากีลก้า เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ฟิตเต็มที่ หลังได้พักในเกมล่าสุด

        อีกคนคือ เจมส์ แม็คคาร์ธี่ มิดฟิลด์ผู้ปิดทองหลังพระ ซึ่งพลาดลงเล่นไปร่วม 2 เดือนเพราะเจ็บสะโพก พร้อมกลับมาลงเล่นช่วงใดช่วงหนึ่งของเกมแล้ว

        การจัดทัพให้ โจเอล โรเบลส มือ 2 ลงเฝ้าเสาในรายการนี้ต่อเนื่อง พัก ทิม ฮาวเวิร์ด นั่งสำรอง

        แผงหลังได้ทั้ง โคลแมน และ จากีลก้า กลับมาผนึกกำลังกับ จอห์น สโตนส์ และ เลห์ตัน เบนส์

        แดนกลางหาก แม็คคาร์ธี่ ไม่ฟิตพอลงตัวจริง ก็จะใช้ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ปักหลักคุมกลางคู่กับ แกเร็ธ แบร์รี่

        แนวรุกพร้อมเรียก สตีเว่น พีนาร์ กลับมาเป็นตัวจริง ประสานงานกับ รอสส์ บาร์คลี่ย์ และ เคราร์ด เดวโลเฟว หน้าเป้ายังยึด โรเมลู ลูกากู

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        แมนฯ ซิตี้ : วิลลี่ กาบาเยโร่, ปาโบล ซาบาเลต้า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, มาร์ติน เดมิเคลิส, กาแอล กลิชี่, แฟร์นันดินโญ่, ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา, เควิน เดอ บรอยน์, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่, เซร์คิโอ อเกวโร่

        เอฟเวอร์ตัน : โจเอล โรเบลส, เชมัส โคลแมน, ฟิล จากีลก้า, จอห์น สโตนส์, เลห์ตัน เบนส์, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ (เจมส์ แม็คคาร์ธี่), แกเร็ธ แบร์รี่, เคราร์ด เดวโลเฟว, รอสส์ บาร์คลี่ย์, สตีเว่น พีนาร์, โรเมลู ลูกากู

        ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- แมนฯ ซิตี้ พลิกสถานการณ์ผ่านเข้าชิงชนะสำเร็จหลังแพ้นัดแรกเพียงครั้งเดียว โดยในปี 1976 พวกเขาชนะมิดเดิ้ลสโบรช์ 4-0 หลังพ่าย 0-1 ในนัดแรกก่อนคว้าแชมป์
- นี่เป็นเพียงครั้งที่ 2 จาก 5 ครั้งในรอบตัดเชือก ลีก คัพ ที่เอฟเวอร์ตันเป็นฝ่ายนำก่อนเล่นเกมสอง โดยพวกเขาชนะแอสตัน วิลล่า ในนัดแรกปี 1984 และผ่านเข้าชิงสำเร็จ
- เรือใบสีฟ้าไม่แพ้ในบ้านต่อเอฟเวอร์ตันในบอลถ้วย (ชนะ 3 เสมอ 1) โดยหนล่าสุดที่เปิดรังรับมือทอฟฟี่เป็นเกมเอฟเอ คัพ เมื่อมีนาคม 1981
- โรเมลู ลูกากู ทำ 4 ประตูจาก 5 เกมลีกคัพที่ลงสนามในฤดูกาลนี้
- ในเกมแรก เฆซุส นาบาส ทำประตูแรกของตัวเองให้แมนฯ ซิตี้ นับตั้งแต่กันยายน 2014 (พบเชฟฟิลด์ เว้นสเดย์) และสิ้นสุดการรอคอย 66 เกมในทุกรายการ
- เอฟเวอร์ตัน ชนะรวด 3 เกมที่เล่นนอกบ้านในลีก คัพ ฤดูกาลนี้ หลังจากที่แพ้รวด 4 เกมเยือนก่อนหน้านั้น
- อย่างไรก็ตาม เอฟเวอร์ตันแพ้ 5 จาก 6 เกมเยือนหลังสุดในรายการนี้ที่พบคู่แข่งจากพรีเมียร์ลีก ยกเว้นเพียงเกมชนะ 4-0 เมื่อปี 2009 เท่านั้น
- แมนฯ ซิตี้ ชนะ 5 จาก 6 เกมที่เล่นในบ้าน ถ้วยลีก คัพ (อีกเกมที่เหลือแพ้นิวคาสเซิ่ล 0-2) โดยในเกมเหล่านั้น พวกเขายิงได้ 27 ประตู (4.5 ลูกต่อนัด)
- แมนฯ ซิตี้ ยิงไม่ได้แค่นัดเดียวจาก 26 เกมอย่างเป็นทางการที่เล่นในบ้านปีที่แล้ว (นับจาก 25 มกราคม 2015) จากเกมเสมอเอฟเวอร์ตัน 0-0 ในพรีเมียร์ลีก เมื่อ 13 มกราคมที่ผ่านมา