เกิดอะไรขึ้นกับแมนฯ ยูไนเต็ด?

        เรียนตามตรงว่าท่านผู้ชมทางบ้านอย่างไอ้กระผมก็ "งง-งง" จนต้องขยี้ตาตอนตี 3 กว่าๆ (ตามเวลาประเทศไทย) พลางอุทานในใจว่า "เฮ้ย!...พวกมึงก็เล่นดีและทำตัวไม่น่าเบื่อเป็นเหมือนกันนี่หว่า"

        ถ้าเกมที่แพ้เซาธ์แฮมป์ตันแบบคาบ้าน คือเกมที่ห่วยแตกที่สุดของแมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลนี้ เกมที่ถล่มสโต๊ค ซิตี้ 3-0 นี่แหละคือเกมที่พวกเขาโชว์ฟอร์มได้ไฉไลเป็นบ้ามากที่สุดในฤดูกาลนี้เช่นกัน แถมเวลามันห่างกันเพียงแค่ 10 วันเท่านั้น

        ก่อนเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของคลับหม้อ สถิติการทำประตูที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้ของแมนฯ ยูไนเต็ด ช่างน่าอดสูยิ่งนัก

        11 นัดในพรีเมียร์ลีกที่บ้านตัวเองยิงได้แค่ 12 ประตูเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าทีมหนีตกชั้นอย่างนิวคาสเซิ่ล, ซันเดอร์แลนด์, นอริช และ บอร์นมัธ โดยยิงในครึ่งแรกได้แค่ 2 ประตู จากการทำเข้าประตูตัวเองของ ไคล์ วอล์คเกอร์ (สเปอร์ส) และ เมมฟิส เดอปาย

        เท่านั้นไม่พอ

        11 นัดติดต่อกันในทุกรายการแล้ว ที่ลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ไม่มีปัญญาทำประตูคู่แข่งในครึ่งแรก

        นอกจากนี้ 18 นัดในบ้านของทุกรายการจบลงด้วยการเสมอกันด้วยสกอร์ 0-0 ถึง 6 นัด และยิงประตูไม่ได้ถึง 7 นัด

        เกมฟาดแข้งที่โรงละครแห่งความฝันจึงน่าเบื่อชนิดที่ดูหมากัดกันยังมันกว่า

        แต่ทุกอย่างตรงกันข้ามกับเกมล่าสุดเหมือนประตูนรกเปิดขึ้นอีกครั้ง

        ก่อนอื่นเราไปดู 11 ตัวจริง และระบบการเล่นที่ หลุยส์ ฟาน กัล จัดและนำมาติดตั้งให้ลูกทีม

        ระบบการเล่นคือ 4-2-3-1 หลังเกมที่แล้วในพรีเมียร์ลีก ลุงอ้วนทิวลิปแอบเนียนวางระบบ 3-5-2 ให้ลูกทีม...ซะอย่างนั้น

        มัตเตโอ ดาร์เมียน หายเจ็บกลับมาประจำตำแหน่งแบ็กขวา คาเมร่อน บอร์ธวิค-แจ็คสัน แบ็กซ้าย ขณะคู่เซนเตอร์ฯ เหมือนเดิม คือ ไมค์ เอ๊ย! คริส สมอลลิ่ง กับ ดาเล่ย์ บลินด์

        มิดฟิลด์คู่กลาง มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน ถูกดร็อปออกไปเพื่อเปิดทางให้ ไมเคิ่ล คาร์ริค ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมาเล่นคู่กับ มารูยาน เฟลไลนี่

        ฆวน มาต้า ถูกส่งลงในตำแหน่ง "ผู้เล่นหมายเลข 10" อีกครั้ง ขนาบข้างด้วย อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ เจสซี่ ลินการ์ด

        ศูนย์หน้าตัวเป้าคือ เวย์น รูนี่ย์

        ดูแล้วมันก็ตัวเดิมๆ ตำแหน่งเดิมๆ ที่ใช้เป็นประจำนั่นแหละ ยกเว้น "คุณปลัด" กับ "พี่ฟู" ที่ไม่ค่อยได้ลงคู่กันในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางบ่อยนัก

        สิ่งที่แตกต่าง คือพลพรรคปีศาจแดงเล่นได้อย่างรวดเร็ว หนักแน่น และดุดันมากขึ้นในจังหวะโลหะมรณะ พวกเขาออกบอลกันฉับไว เคลื่อนที่และขยับหาที่ว่างตลอดเวลาพลางประสานกันอย่างยอดเยี่ยม ส่งผลให้เกมรุกมีความกะซวกไส้ดีนักแล

        แค่ 15 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ดมีโอกาสทำประตูถึง 5 ครั้ง ก่อนจะทำได้ 2 ประตูในครึ่งเวลาแรกเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้!

        เฟ็ดเฟ่!...นี่มันข่าวด่วนและข่าวใหญ่ระดับ "Breaking News" เลยนะเนี่ย

        เกมรับก็เหนียวแน่น คริส สมอลลิ่ง สกัดในจังหวะสำคัญได้ตลอด ขณะที่แบ็กซ้ายวัยยี่หมิบก็ไม่พลาดง่ายๆ เลยสักครั้งเดียว แถมยังเหิมเกริมถึงขั้นเติมขึ้นมาบรรจงเปิดบอลให้ เจสซี่ ลินการ์ด กระทุ้งประตูแรกอีกต่างหาก

        เวย์น รูนี่ย์ เหมือนเป็นคนละตัวกับปีที่แล้ว "ชายหมู" บนวัย 30 กะรัต กลับมาเป็นกองหน้าพันธุ์หมูเดือดตัวเดิมอีกครั้ง ที่เล่นด้วยความมั่นใจแบบเต็มประดา

        ผู้เล่นที่ฟอร์มตกลงไปอย่าง ฆวน มาต้า ก็สถาปนาตัวเองเป็นขุมพลังในการขับเคลื่อนเกมรุก

        และโดยไม่เว้นแม้แต่ มารูยาน เฟลไลนี่ ที่วิธีการเล่นค่อนข้างแตกต่างจากเกมที่ผ่านๆ มา

        ปกตินักเตะหัวฟูฟ่องและหยิกหยอยยิ่งกว่าฝอยขัดหม้อมักจะขยับขึ้นสูง ก่อนที่เพื่อนร่วมทีมจะพยายามตะบี้ตะบันวางบอลยาวมาที่เขา แต่เกมนี้รักษาตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางอย่างมีระเบียบวินัย ใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ขณะที่ ไมเคิ่ล คาร์ริค คุมจังหวะทั้งเกมรุกและเกมรับได้อย่างยอดเยี่ยม

        ส่วน อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล จัดเป็นตัวอันตรายที่สร้างความระทมกบาลให้เกมรับคู่แข่งมากที่สุด

        เมื่อพยายามเล่นเกมเร็วและหาจังหวะจบด้วยการทำประตู ไม่เน้นการครองบอลมากเกินไปแบบสโลว์ไลฟ์ด้วยการถ่ายบอลไปถ่ายบอลมา สลับกับส่งคืนหลัง มหรสพที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็เลยมีอัตราความสนุกสนานมากขึ้น ประหนึ่งดูหนังแอ็กชั่นเรื่องศึกมหายันตร์ยิงกันสนั่นจอ

        ทั้ง 3 ประตูของแมนฯ ยูไนเต็ด เกิดจากการประสานงานกันอย่างลื่นไหล แสดงให้เห็นถึงทีมเวิร์กจนดูเหมือนภาพเก่าๆ กลับมาอีกครั้ง

        คำถามคือ มันเกิดอะไรขึ้น?

        เหตุไฉน แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงเล่นดีแบบผิดหูผิดตาซะขนาดนี้

        ถ้าเธอทำดี เธอก็ควรจะได้รับคำชม แต่ถ้าทำฉันเจ็บ เธอก็ต้องเจ็บเป็นสองเท่า

        ...ว่าแล้วขอชื่นชม หลุยส์ ฟาน กัล ที่ดูเหมือนจะปรับทัศนคติของตัวเองให้เข้ากับดีเอ็นเอของปีศาจแดงมากขึ้น (อย่างน้อยก็ในเกมนี้) พลางจัดตัวผู้เล่น 11 คนแรกและวางตำแหน่งของผู้เล่นแต่ละคนได้อย่างเหมาะสมและลงตัวในระบบ 4-2-3-1

        ปีก 2 ข้างใช้ความคล่องและความเร็วทะลุทะลวงในความหมายของปีกจริงๆ ขณะที่ ฆวน มาต้า ดูจะเหมาะกับสถานะ "หน้าต่ำ" มากกว่าตัวริมเส้นที่ชอบตัดเข้าในตลอดเวลา แม้จะพลิกบอลไม่เก่งพอๆ กับเชื่องช้า แต่ก็ได้การแจกจ่ายบอลอันชาญฉลาดที่คู่แข่งคาดไม่ถึงเข้ามาทดแทน

เกมล่าสุดคือเกมหนึ่งในฤดูกาลนี้ที่ดาวเตะค่าตัว 37.1 ล้านปอนด์ผู้นี้สวมบท "หน้าต่ำ" แล้วโชว์ฟอร์มได้กระฉูดแตก

        เฉพาะอย่างยิ่งจังหวะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูแรก เขาได้บอลทางริมเส้นด้านซ้ายแล้วลากตัดเข้าใน ก่อน "เทิร์นบอล" แบบ 360 องศา จ่ายบอลย้อนกลับไปทางซ้ายอีกครั้งให้ คาเมร่อน บอร์ธวิค-แจ็คสัน ที่สอดขึ้นมาถึงเส้นหลัง พลางบรรจงเปิดเข้ากลางให้ เจสซี่ ลินการ์ด เผด็จศึก

        วิธีการเล่นแบบนี้แหละ คือสิ่งที่คู่แข่งคาดไม่ถึง

        ฉะนั้น & ฉะนี้

        หากมึง เอ๊ย! คุณค้นพบทีมที่เล่นได้ดีและระบบการเล่นที่ลงตัว คุณก็ไม่ควรจะคิดมากให้มันสับสน แล้วสลับตำแหน่งหรือปรับระบบการเล่นให้มันวุ่นวายขายปลาช่อน

        อันดับต่อมา ขอบอกว่าเรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำ

        ย้อนกลับไปในตอนที่พ่ายเซาธ์แฮมป์ตันแบบคาบ้าน โดยตลอดทั้งเกมยิงตรงกรอบแค่ครั้งเดียว แถมตรงตัวผู้รักษาประตู เสียงโห่ก็ดังกึกก้องกัมปนาทมากที่สุดในโรงละครแห่งความฝัน

        สถานการณ์นั้น หลุยส์ ฟาน กัล ถูกกดดันอย่างจงหนักอีกครั้งว่าจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง

        เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแมนฯ ซิตี้ ประกาศแต่งตั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่เมื่อวันก่อน

        ใบหน้าโรคจิตของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็โผล่ขึ้นมาพลางยักคิ้วให้อย่างเยาะหยัน

        ทันใดนั้น ผู้เล่นสายพันธุ์อสูรก็แสดงความกระตือรือร้นและหื่นกระเหี้ยนในชัยชนะออกมาแบบเต็ม 80,000 ตีนถีบ ซึ่งพอจะตีความได้ 2 ประการด้วยกัน

        1. พวกเขารักและอยากให้ หลุยส์ ฟาน กัล เป็นผู้จัดการทีมต่อไป

        2. พวกเขาเหมือนไม่ค่อยอยากได้ โชเซ่ มูรินโญ่ มาเป็นเจ้านายใหม่

        อย่างไรก็ตาม

        ชัยชนะในนัดล่าสุดอาจเกิดจากการที่ผู้เล่นทุกคนโชว์ฟอร์มกระฉูดพร้อมกันพอดีโดยมิได้นัดหมาย แถมเมื่อจังหวะเป็นใจ ทำอะไรก็ไฉไลไปหมด

        เกมต่อไปที่ต้องยกโยธาพลากรไปทำการศึกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต่างหาก คือบทพิสูจน์แท้จริง

        หากเล่นกันตามทัศนคติเดิมเหมือนเกมล่าสุด โดยไม่ปอดแหกและไม่ยึดมั่นในปรัชญามากเกินไป ต่อให้ไม่ได้ผลการแข่งขันตามที่ตัวเองต้องการ ผมยังเชื่อมั่นว่าบรรดาผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจแดงทุกหมู่เหล่าคงจะเข้าใจและให้อภัยได้ไม่ยาก

        จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าดวงตาของ หลุยส์ ฟาน กัล จะมองเห็นธรรมว่าปีศาจแดงตัวจริงมันต้องเล่นแบบไหน?