พรีเมียร์ลีกสัปดาห์แห่งความรักได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว ทาง "บีบีซี สปอร์ต" สื่อดังของอังกฤษ ได้คัดเลือก 11 ขุนแข้งยอดเยี่ยมประจำวีกที่ 26 มาให้ได้ติดตามกัน จะตรงใจคุณกันหรือไม่ มารับชมกันได้เลย

1. ผู้รักษาประตู : เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ (เซาธ์แฮมป์ตัน)

ยอดทีมจากแดนใต้เก็บชัยได้ 5 จาก 6 นัดหลังล่าสุด และ 6 นัดดังกล่าวไม่เสียประตูเลยด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้เครดิตจอมหนึบเลือดผู้ดีด้วย

ฟอร์สเตอร์ ปัดป้องสองเซฟสำคัญของเจ้าบ้าน และพาทีมบุกเฉือน สวอนซี ซิตี้ 1-0 ซึ่งเป็นการทำคลีนชีตได้เป็นเกมที่ 6 หลังจากเจ้าตัวหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาช่วยทีม

2. แบ็กขวา : เซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า (เชลซี)

เกมนี้แบ็กร่างเล็กทีมชาติสเปนออกสตาร์ทในตำแหน่งแบ็กซ้าย ก่อนจะถูกโยกไปเล่นทางขวา เนื่องจาก เฮียจอห์น เทอร์รี่ ได้รับบาดเจ็บในช่วงครึ่งแรก ก่อนจะส่ง บาบ้า ราห์มัน ลงมาแล้วหุบ บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ไปยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ

อย่างไรก็ดี เจ้าตัวทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมกับการโยกมาเล่นตำแหน่งที่ตัวเองถนัดด้วยการแท็กเกิ้ลในเกมได้ 7 ครั้ง มากที่สุดในเกม และมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้เลยทีเดียว

3. เซนเตอร์ฮาล์ฟ : ลามีน โกเน่ (ซันเดอร์แลนด์)

เกมนี้อาจจะเป็นแมตช์ที่ดีที่สุดในซีซั่นนี้ของ "เดอะ แบล็คแคท" ก็เป็นได้

และผู้ที่ชี้ชัยให้กับทีมนั่นคือ ลามีน โกเน่ เซนเตอร์จอมแกร่งวัย 27 ปีรายนี้

เจ้าตัวเคลียร์บอลได้ 11 ครั้งกับการหยุดเกมรุกของ ยูไนเต็ด และเป็นคนกดประตูปลิดชีพลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ได้สำเร็จ 2-1 เป็นการชนะพลพรรค "ปีศาจแดง" ได้เป็นครั้งแรกในถิ่น สเตเดี้ยม ออฟ ไลท์ อีกด้วย

4. เซนเตอร์ฮาล์ฟ : จอห์น โอเช (ซันเดอร์แลนด์)

และคู่ขาของ ลามีน โกเน่ ก็ไม่พ้น จอห์น โอเช กัปตันทีมจอมเก๋า

โอเช เล่นได้อย่างแข็งแกร่งเหลือเกินในการเจอกับทีมเก่า คอมคุมแนวรับไม่ให้แตกแถว แม้จะเสียไป 1 ประตู แต่ผลงานโดยรวมถือว่าสุดยอดกับการทุบ ยูไนเต็ด ในบ้านของตัวเองได้สำเร็จ

5. แบ็กซ้าย : ร็อบบี้ เบรดี้ (นอริช ซิตี้)

ฟูลแบ็กวัย 24 ปียิงประตูได้เป็นลูกที่สองในการลงช่วยทีม "นกขมิ้นเหลืองอ่อน" ซีซั่นนี้

และสองลูกของเจ้าตัวก็เป็นการยิงใส่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ดได้ทั้งสองลูก

เสียดายที่ทีมขึ้นนำไปถึง 2-0 แต่กลับโดน "เจ้าขุนค้อน" ตีเสมออย่างน่าเจ็บปวด 2-2

6. มิดฟิลด์ตัวตัดเกม : จานเนลลี่ อิมบูล่า (สโต๊ค ซิตี้)

18.3 ล้านปอนด์ที่ สโต๊ค ซิตี้ นำเงินไปวอดวายทุ่มซื้อตัวรับจาก เอฟซี ปอร์โต้ ถือว่าเป็นดีลที่น่าจับตามองเหลือเกิน

เพราะไอ้ทิดวัย 23 ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมที่ 2 ก็ซัดประตูแรกในสีเสื้อคลับหม้อได้เลย

แถมเป็นการยิงตรงกรอบครั้งแรกในเกมเสียด้วย พาทีมบุกยิง เอเอฟซี บอร์นมัธ 3-1 คว้าสามแต้มแบบสบายใจกลับบ้านไป

7. มิดฟิลด์ตัวตัดเกม : เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เลสเตอร์ ซิตี้)

จะบอกว่านี่คือตัวตัดเกมที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกตอนนี้ก็คงไม่ผิดนัก

ส่วนหนึ่งที่ เลสเตอร์ ซิตี้ มีผลงานติดลมบนแบบนี้ต้องชมผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ อย่างจงหนัก

ไม่เพียงแต่คอยทำลายเกมคู่แข่งเท่านั้น ยังสบโอกาสขึ้นมาเติมเกมรุกในบางจังหวะแถมทำได้ดีด้วย

สไตล์แบบนี้ทำให้เราต้องนึกถึง โคล้ด มาเกเลเล่ อดีตมิดฟิลด์เชลซี และ เรอัล มาดริด และรุ่นพี่ร่วมชาติของ ก็องเต้

แม้ว่า "จิ้งจอกสยาม" จะแพ้แบบหวุดหวิดให้กับ อาร์เซนอล 1-2 แต่ผลงานในสนามมันฟ้องว่าเขาโดดเด่นที่สุด

เข้าปะทะสำเร็จ (108 ครั้ง) และ ตัดเกมได้ (109 ครั้ง) มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก แค่นี้เพียงพอแล้วหรือยัง?

8. มิดฟิลด์ตัวรุกด้านขวา : เปโดร โรดริเกซ (เชลซี)

ตัวรุกร่างเล็กกลับมาทำประตูได้อีกครั้งหลังลูกล่าสุดที่ยิงได้ก็เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

และเป็นการทำสองประตูได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายสัมภาระมาอยู่ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ พาทีมกด นิวคาสเซิ่ล ไปแบบไม่ยากเย็นนัก 5-1

9. มิดฟิลด์ตัวรุกด้านซ้าย : วิลเลี่ยน (เชลซี)

ตัวรุกชาวบราซิเลียนรายนี้ เป็นแข้งที่ฟอร์มสม่ำเสมอที่สุดแล้วในแผงเกมรุกของ สิงโตน้ำเงินคราม

เกมนี้จัดการ 1 ประตู 1 แอสซิสต์ให้ทีม และเป็นการทำประตูและแอสซิสต์ได้เป็นครั้งแรกในลีกซีซั่นนี้ด้วย

10. มิดฟิลด์ตัวรุก : มุสซ่า เดมเบเล่ (ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์)

แดนกลางของ คลับไก่ โดดเด่นกว่าเจ้าบ้านอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างเห็นได้ชัด

และมิดฟิลด์ชาวเบลเจี้ยน ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ทำให้พวกตัวรุกอย่าง ดาบิด ซิลบา และ ยาย่า ตูเร่ กลายเป็นคนธรรมดาไปในทันที

เดมเบเล่เล่นได้ยอดเยี่ยมเหลือเกินกับการเข้าปะทะสำเร็จ (5 ครั้ง) และ ตัดเกมได้ (4 ครั้ง) มากที่สุดในเกม เป็นผลทำให้ สเปอร์ส บุกมาจิก เรือใบสีฟ้า 2-1

ถึงตอนนี้ ลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เป็นทีมลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวแล้ว!

11. ศูนย์หน้า : แดเนียล สเตอร์ริดจ์ (ลิเวอร์พูล)

ถือว่าเป็นเกมที่ผ่อนคลายที่สุดนับตั้งแต่ เยอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาคุมทีมหงส์แดง

และถือว่าเป็นเกมที่ปลดปล่อยอย่างแท้จริงกับปัญหาการทำประตู เพราะชายที่ชื่อ แดเนียล สเตอร์ริดจ์

เพียงแค่ 16 นาทีเท่านั้น แฟนๆ เดอะ ค็อป ก็ได้เห็น พ่อเต้ยโศก กลับมาโชว์สเต็ปเซิ้งกันอีกครั้ง

และก็อย่างที่เห็น ลิเวอร์พูล ทำอะไรก็ง่ายไปหมด จะยิงอย่างไรก็เข้า จนทำให้สกอร์ไหลไปหยุดอยู่ที่ 6-0 เหนือเจ้าบ้านอย่าง แอสตัน วิลล่า