เกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจก่อนเกมนัดสุดท้ายของกลุ่มบี รัสเซีย ปะทะ เวลส์

- รัสเซียชนะตลอด 3 เกมหลังที่พบเวลส์ โดยทำได้ 6 ประตู ขณะที่เวลส์ได้ 2 ประตู

- 2 ประตูของเวลส์ในช่วงดังกล่าวได้จาก โจ เล็ดลี่ย์ และ เจมส์ คอลลินส์ ในยุคของ จอห์น โตแช็ค ซึ่งแพ้ 1-2 และ 1-3 ในฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก ที่พบรัสเซียยุค กุส ฮิดดิ้งค์ 

- 4 เกมหลังที่เจอเวลส์ รัสเซียยิงประตูได้มากขึ้นเรื่อยๆ จาก 0 มาเป็น 1, 2 และ 3 ในเกมล่าสุด

- รัสเซียผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ยูโร เพียงครั้งเดียวจาก 4 ครั้งที่ร่วมแข่งขัน นับตั้งแต่แยกตัวจากสหภาพโซเวียต โดยเกิดขึ้นในปี 2008

- รัสเซียชนะแค่ครั้งเดียวจาก 7 เกมหลังสุด (เสมอ 2 แพ้ 4) จากชัยชนะเหนือลิทัวเนีย 3-0 เมื่อเดือนมีนาคม

- รัสเซียทำคลีนชีตแค่ 2 จาก 17 เกมยูโรหลังสุด

- 4 จาก 5 ประตู หลังสุดของรัสเซียในยูโร รอบสุดท้าย เกิดขึ้นในช่วง 11 นาทีสุดท้ายของเกม

- 3 ประตูหลังสุดของรัสเซียในยูโร รอบสุดท้าย มาจากลูกกลางอากาศ

- เวลส์ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ในรายการใหญ่ครั้งเดียวก่อนหน้านี้ จากฟุตบอลโลก 1958 โดยร่วงรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่แพ้บราซิล แชมป์ในบั้นปลาย

- มีเพียง 9 จาก 21 โอกาสยิงของรัสเซียจาก 2 นัดแรกที่มจากในกรอบเขตโทษ

- เวลส์ได้ประตูจากการยิงเข้ากรอบทั้งหมดใน 2 นัดแรกของยูโรครั้งนี้ โดย 2 ครั้งมาจากฟรีคิกโดยตรงของ แกเร็ธ เบล

- เวลส์เสียประตูตลอด 6 เกมหลังสุด เป็นการเสียประตูติดต่อกันนายที่สุดนับตั้งแต่มีนาคม 2013 (11)

- นับตั้งแต่สตาร์ตยูโร 2016 รอบคัดเลือก แกเร็ธ เบล ทำประตูหรือแอสซิสต์ 11 จาก 14 ประตู ของเวลส์ (79%) เป็นเรตมากที่สุดในบรรดาผู้เล่นในรอบสุดท้าย

- เบลทำ 2 ประตู จากฟรีคิกโดยตรงใน 2 นัดแรก มีเพียง มิเชล พลาตินี่ (1984) และ โธมัส เฮสเลอร์ (1992) ที่ทำได้เท่ากันในยูโร รอบสุดท้าย นับตั้งแต่ปี 1980