"มังกรแดง" เวลส์ ทีมม้ามืดลุ้นให้ แกเร็ธ เบล ระเบิดฟอร์มเก่งล่าตาข่ายเก็บชัย เกมพบ เบลเยียม ที่รอทดสอบความฟิตของ เอแดน อาซาร์ ส่อแววลงตัวจริง ในศึกฟุตบอล ยูโร 2016 (รอบ 8 ทีมสุดท้าย) คืนวันศุกร์ที่ 1 ก.ค. ศกนี้

ปรีวิวฟุตบอล ยูโร 2016

(รอบ 8 ทีมสุดท้าย)
วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม 2559
เวลส์ - เบลเยียม
ถ่ายทอดสด : ช่อง 3 เอชดี (33), ช่อง 3

สนาม : สต๊าด ปิแอร์-โมรัว, ลีลล์

        รอบก่อนรองชนะเลิศคู่ที่ 2 เวลส์ ทีมม้ามืด เจอกับ เบลเยียม หนึ่งในทีมเต็งของทัวร์นาเมนต์

        ผลงานการพบกัน 3 นัดหลังสุด ปรากฏว่า เวลส์ ไม่แพ้ เบลเยียม เลย

        โดย 2 ชาตินี้มาจากรอบคัดเลือก กลุ่มบี เหมือนกัน ผลการแข่งขันทั้ง 2 นัด เสมอ 0-0 ที่บ้าน เบลเยียม ก่อนที่ เวลส์ เปิดบ้านเชือด 1-0 จากประตูชัยของ แกเร็ธ เบล อย่างไรก็ตาม เบลเยียม จบอันดับ 1 และ เวลส์ จบอันดับ 2

        ผล งานของ เวลส์ ใน ยูโร 2016 รอบแรก จบด้วยการเป็นอันดับ 1 กลุ่มบี ชนะ สโลวาเกีย 2-1, แพ้ อังกฤษ 1-2 และถล่ม รัสเซีย 3-0 ก่อนเชือด ไอร์แลนด์เหนือ 1-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

        กุนซือ คริส โคลแมน ซึ่งพา มังกรแดง เข้ามาเล่นศึกยูโร รอบสุดท้าย หนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ ไม่มีปัญหาเรื่องนักเตะติดโทษแบน

        ข่าวดี อีกคือ แอชลี่ย์ วิลเลียมส์ กองหลังกัปตันทีมผ่านการทดสอบความฟิต พร้อมลงเล่นแน่นอน หลังบาดเจ็บไหล่มาจากเกมกับ ไอร์แลนด์เหนือ โดยนักเตะทั้ง 23 คนต่างลงซ้อมพร้อมหน้า

        การจัดทัพ เริ่มจากผู้รักษาประตู เวย์น เฮนเนสซี่ย์ ลงเฝ้าเสา แนวรับ เจมส์ เชสเตอร์, แอชลี่ย์ วิลเลียมส์, เบน เดวิส เป็น 3 เซนเตอร์

        วิงแบ็กสอง ฝั่งใช้ คริส กันเทอร์ กับ นีล เทย์เลอร์ แดนกลาง โจ อัลเลน คุมเกมกับ โจ เลดลี่ย์ และ อารอน แรมซี่ย์ คอยสอดขึ้นไปเล่นเกมรุก

        แดนหน้า แกเร็ธ เบล ปีกค่าตัวแพง ที่ยิงทุกนัด 3 ประตูจาก 4 นัด เป็นตัวยืน ส่วนคู่ขาน่าจะเป็นโอกาสของ ฮัล ร็อบสัน-คานู หรือ จอนนี่ วิลเลียมส์ บ้าง

        ด้าน เบลเยียม ของเทรนเนอร์ มาร์ก วิลม็อตส์ ผ่านเข้ารอบมาในฐานะทีมอันดับ 2 กลุ่มอี หลังเปิดตัวแพ้ อิตาลี 0-2 ก็กลับมาชนะ ไอร์แลนด์ 3-0 และ สวีเดน 1-0

        ขณะที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นฟอร์มที่ดีที่สุด ที่ไล่ถล่ม ฮังการี ทีมอันดับ 1 กลุ่มเอฟ 4-0

        วิ ลม็อตส์ หวังพาทีมทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศให้ได้ หลังจาก 2 ปีก่อน เคยพาทีมมาจอดป้ายที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เวิลด์คัพ 2014 ด้วยการพ่าย อาร์เจนติน่า 0-1

        สภาพทีมจะหมดสิทธิ์ใช้งาน โธมัส แฟร์มาเล่น เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ลงเล่นครบทุกนาทีในทัวร์นาเมนต์นี้ ติดโทษแบน 1 นัด จากใบเหลืองครบ 2 ใบ

        ข่าวดี เอแดน อาซาร์ มิดฟิลด์ตัวรุกคนสำคัญ ที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาพลาดซ้อมวันอังคารกับพุธ ล่าสุดลงซ้อมได้แล้วเมื่อวันพฤหัสบดี เหลือเพียงรอทดสอบความฟิต

        ขณะ ที่ มิชี่ บาตชูอายี่ กองหน้าตัวสำรองที่ยิง ฮังการี นัดก่อน ได้รับอนุญาติให้ออกจากแคมป์ไปตรวจร่างกายย้ายทีมเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ก่อนกลับมาซ้อมตามปกติ

        การจัดทัพ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ลงเฝ้าเสา แผงหลัง วิลม็อตส์ มี 2 ทางเลือก ระหว่างส่ง เจสัน เดนาเยอร์ ยืนเซนเตอร์แทน หรือส่ง จอร์แดน ลูกากู ยืนแบ็กซ้ายแล้วขยับ ยาน แฟร์ทองเก้น เข้าไปข้างใน

        แดนกลาง อักเซล วิตเซล คุมเกมกับ รัดย่า นาอิงโกลัน

        แนว รุก ยานนิค แฟร์เรร่า การ์ราสโก้ น่าจะเบียดลงตัวจริง ประสานงานกับ เควิน เดอ บรอยน์ และ เอแดน อาซาร์ โดยมี โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าตัวเป้า

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        เวลส์ : เวย์น เฮนเนสซี่ย์, เจมส์ เชสเตอร์, แอชลี่ย์ วิลเลียมส์, เบน เดวิส, คริส กันเทอร์, โจ อัลเลน, โจ เลดลี่ย์, อารอน แรมซี่ย์, นีล เทย์เลอร์, ฮัล ร็อบสัน-คานู (จอนนี่ วิลเลียมส์), แกเร็ธ เบล

        เบลเยียม : ติโบต์ กูร์กตัวส์, โธมัส โมนิเยร์, โทบี้ อัลเดอร์แวเรลด์, เจสัน เดนาเยอร์ (จอร์แดน ลูกากู), ยาน แฟร์ทองเก้น, อักเซล วิตเซล, รัดย่า นาอิงโกลัน, ยานนิค แฟร์เรร่า การ์ราสโก้, เควิน เดอ บรอยน์, เอแดน อาซาร์, โรเมลู ลูกากู

        ผู้ตัดสิน : ดาเมียร์ สโคมิน่า (สโลวีเนีย)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- เกมนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองทีมเจอกันในทัวร์นาเมนต์ใหญ่
- ทั้งสองทีมเคยเจอกันในรอบคัดเลือก โดย เวลส์ ไม่แพ้ เบลเยียม ซึ่งทีมของ คริส โคลแมน ชนะ 1-0 ที่คาร์ดิฟฟ์ หลังเสมอแบบไร้สกอร์ที่บรัสเซลล์
- 3 เกมหลังสุดที่เวลส์พบเบลเยียม มีประตูเกิดขึ้นแค่ 3 ลูก
- เวลส์ ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ใน 2 ครั้งที่เล่นทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ (ฟุตบอลโลก 1958, ยูโร 2016) โดยในปี 1958 พวกเขาตกรอบก่อนรองชนะเลิศต่อแชมป์ในบั้นปลายอย่างบราซิล
- เวลส์ แพ้แค่ 2 จาก 9 เกมหลังสุดในรายการใหญ่ โดยแพ้ด้วยประตูห่าง 1 ลูกทั้งหมด (ต่อบราซิล 0-1 ในปี 1958, ต่ออังกฤษ 1-2 ในปี 2016)
- เวลส์ ยิงเข้ากรอบแค่ครั้งเดียวจากเกมล่าสุดกับไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งมาจากฟรีคิกของ แกเร็ธ เบล
- นับรวมช่วงทดเวลาเจ็บ เวลล์ตกอยู่ในสถานการณ์ตามหลังคู่แข่งแค่ 2 นาที 31 วินาทีจาก 4 เกมยูโรครั้งนี้
- ทั้ง 3 ประตูที่เวลส์เสียในยูโรครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังนาทีที่ 56 ของการแข่งขัน และมาจากตัวสำรองทั้งหมด
- เวลส์ ทำคลีนชีต 2 เกมติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเล่นทัวร์นาเม้นต์ใหญ่
- ขณะเดียวกัน เบลเยียม ไม่เสียแม้แต่ลูกเดียวใน 3 เกมหลังสุด เป็นสถิติยาวนานที่สุดของพวกเขาในรายการใหญ่
- เบลเยียม ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศรายการใหญ่ 2 ครั้งติดต่อกัน ต่อจากฟุตบอลโลก 2014 โดยหนล่าสุดที่พวกเขาผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศรายการนี้เกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีที่แล้ว (ฟุตบอลโลก 1986)
- เบลเยียม ชนะ 7 จาก 9 เกมหลังสุดในรายการใหญ่ (แพ้ 2) เท่ากับที่ทำได้ใน 23 เกมก่อนหน้านั้น
- หลังจากแพ้ต่ออิตาลีในนัดเปิดสนาม เบลเยียมยิงได้ 8 ประตูและไม่เสีย พร้อมกลายเป็นทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุด หลังผ่านรอบ 16 ทีมสุดท้าย
- 7 จาก 8 ประตูของเบลเยียมในยูโร ครั้งนี้ เกิดขึ้นในครึ่งหลัง รวมถึง 6 ลูกในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย
- แกเร็ธ เบลส์ เป็นดาวซัลโวสูงสุดของเวลส์ในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ (3 ประตู) มากกว่า อีเวอร์ อัลเชิร์ช (2 ประตู, ฟุตบอลโลก 1958)
- อารอน แรมซี่ย์ มีส่วนร่วม 3 จาก 5 ประตูหลังสุดของเวลส์
- เควิน เดอ บรอยน์ มีส่วนร่วม 12 ประตูจาก 12 เกมหลังสุดกับเบลเยียม (5 ประตู, 7 แอสซิสต์) โดยเขาเป็นผู้เล่นเบลเยียมคนล่าสุดที่ยิงประตูเวลส์ เมื่อตุลาคม 2013 (1-1)
- ผู้เล่นยุโรปที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดใน 2 รายการใหญ่หลังสุดรวมกัน (ฟุตบอลโลก 2014, ยูโร 2016) เป็นนักเตะเบลเยียมทั้งคู่ : เควิน เดอ บรอยน์ และ เอแด็น อาซาร์ (คนละ 5)
- อาซาร์ ทำประตูหรือแอสซิสต์ 4 จาก 6 ประตูหลังสุดของเบลเยียมในยูโรครั้งนี้ โดยเขาเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 12 ครั้งในเกมกับฮังการี มากที่สุดต่อเกมในยูโร รอบสุดท้าย (นับตั้งแต่ปี 1980)