โธมัส มุลเลอร์ กองหน้าคนดังของทีมชาติเยอรมัน ต้องรอไปอีกอย่างน้อย 4 ปี เพื่อกลับมาลุ้นทำประตูแรกของเขาในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบสุดท้าย หลังยังยิงไม่ได้เลยสักลูกในการลงเตะ 11 เกมที่ผ่านมา

ขุนพล "อินทรีเหล็ก" เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกทีมล่าสุด ต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้าน หลังพ่าย ฝรั่งเศส 0-2 ในศึกยูโร 2016 รอบรองชนะเลิศ ซึ่งเป็นการแพ้ทีม "ตราไก่" ในรายการใหญ่ครั้งแรกในรอบ 58 ปี (พ่าย 3-6 ในนัดชิงอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 1958) และเป็นการปราชัยตั้งแต่หนแรกที่พบกันในรอบสุดท้ายของศึกชิงแชมป์ทวีปยุโรป

แต่ที่น่าผิดหวังยิ่งกว่า คือการที่นักเตะแกนหลักอย่าง มุลเลอร์ แผลงฤทธิ์ไม่ออกตลอดทัวร์นาเมนต์ ทั้งๆอยู่ในสนามครบทุกนาที โดยเฉพาะ 2 แมตช์สุดท้ายถูกโยกจากตำแหน่งปีกขวา ไปเล่นกองหน้าตัวเป้า แต่ก็ไม่สามารถช่วยทีมได้เหมือนเดิม รวมแล้วเขามาทำศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรอบสุดท้าย 2 ครั้ง ลงเตะ 11 นัด แต่ยิงไม่ได้เลยสักประตู โดย ยูโร 2012 มุลเลอร์ ลงสนามในเกมที่เจอ โปรตุเกส (เยอรมัน ชนะ 1-0), ฮอลแลนด์ (2-1), เดนมาร์ก (2-1), กรีซ (4-2) กับ อิตาลี (1-2) ขณะ ยูโร 2016 เจอกับ ยูเครน (2-0), โปแลนด์ (0-0), ไอร์แลนด์เหนือ (1-0), สโลวะเกีย (3-0), อิตาลี (0-0,มุลเลอร์ยิงไม่เข้าในการดวลจุดโทษตัดสิน) และ ฝรั่งเศส (0-2)

ทั้งนี้เป็นเรื่องน่าแปลกที่ มุลเลอร์ ยิงในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 10 ประตู จาก 13 นัด ครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดร่วมของการแข่งขันเมื่อปี 2010 (5 ประตู) ก่อนเป็นแชมป์โลกในอีก 4 ปีต่อมา โดย 10 ประตูนั้น มาจากการยิง ออสเตรเลีย, อังกฤษ (2 ประตู), อาร์เจนตินา และ อุรุกวัย ในปี 2010 ขณะอีก 4 ปีต่อมา เขายิง โปรตุเกส (3 ประตู), สหรัฐอเมริกา และ บราซิล ส่วน ยูโร 2016 รอบคัดเลือก มุลเลอร์ ยิง 9 ประตู ใน 9 นัด ปัจจุบันเขาคือดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลลำดับ 13 ของเยอรมัน ทำได้ 32 ประตู จาก 77 เกม