ฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ

 วันเสาร์ที่  17 กันยายน 2559

 แมนฯ ซิตี้ 4-0 บอร์นมัธ

 
สนาม: เอติฮัด สเตเดี้ยม

         จ่าฝูง เรือใบสีฟ้า ออกสตาร์ตชนะ 4 เกมรวด อิลคาย กุนโดกัน ประเดิมนัดแรกในพรีเมียร์ ลีก แทนดาบิด ซิลบา ที่ยังไม่ฟิต ส่วนเซร์คิโอ อเกวโร่ ติดโทษแบนนัดที่สองจาก 3 เกม กองหน้าต้องใช้เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ลงประจำการต่อ ฝั่งทีมเยือนได้ แจ็ค วิลเชียร์ ที่ยืมตัวจากอาร์เซน่อล ช่วยประคองแดนกลาง โดยซีซั่นที่แล้วบุกมาแพ้ขาดลอย 1-5 จากแฮตทริกของราฮีม สเตอร์ลิ่ง

         เริ่มเกมมาแค่นาทีเดียว เควิน เดอ บรอยน์ ลองของทันที แต่อาร์เธอร์ โบรุค นายทวารบอร์นมัธ  ยังไม่พลาด

        เจ้าถิ่นเดินหน้าบุกใส่ อิเฮียนาโช่ หาจังหวะซัดบนกรอบเขตโทษ ไปติดบล็อกสตีฟ คุ้ก ได้แค่ลูกเตะมุม

         บอร์นมัธ ยันอยู่ได้เพียง 15 นาที ทำนบก็แตก จุดเริ่มต้นมาจากวิลเชียร์ ที่เสียบอลให้แฟร์นานดินโญ่ และพยายามแก้ตัวแต่ไปทำฟาวล์โนลิโต้ เสียฟรีคิกในระยะอันตราย ก่อนเดอ บรอยน์ ดักยิงเรียดในจังหวะที่กำแพงกระโดด บอลพุ่งเข้าเสาแรกชนิดโบรุค หมดสิทธิ์เซฟ สกอร์ขยับรวดเร็ว 1-0

         วิลเชียร์ เกือบทำให้บอร์นมัธ โดนลูกที่สองในอีก 3 นาทีต่อมา เมื่อเสียบอลในแดนกลาง เดอ บรอยน์ ถวายพานให้โนลิโต้ ยิงไม่ดี บอลไปตรงต้วโบรุค

         นาทีที่ 23 นิโกลัส โอตาเมนดี้ ถูกจดชื่อคนแรก เมื่อเข้าสกัดอันตรายใส่แฮร์รี่ อาร์เตอร์ แต่จังหวะเปิดฟรีคิกเข้าไปในลุ้นในเขตโทษของบอร์นมัธ กลับเป็นโอกาสสวนกลับของแมนฯ ซิตี้ จนได้ประตูที่สอง ด้วยการผ่านบอลจากเท้าสู่เท้าอย่างแม่นยำและรวดเร็ว เดอ บรอยน์ ให้สเตอร์ลิ่ง และจบที่อิเฮียนาโช่ จากระยะไม่กี่หลา เรือใบนำห่าง 2-0

         บอร์นมัธ พยายามโต้เอาประตูคืน แต่โจชัว คิง ถูกทิ้งโดดเดี่ยวเกินไป ขณะที่โบรุค กลายเป็นคนที่งานชุกที่สุดในสนาม ต้องเซฟลูกยิงไกลกว่า 30 หลาของโคลารอฟ และอีกครั้งจากสเตอร์ลิง ในระยะเผาขน ก่อนจบครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ นำห่าง 2-0

         ครึ่งหลังบอร์นมัธ ส่งศูนย์หน้า คัลลั่ม วิลสัน ลงเล่นแทนจอร์ดอน ไอบ์ แต่เปิดมาแค่ 3 นาที สกอร์ไหลเป็นน้ำป่าภาคเหนือ 3-0 และแทบก็อปปี้กับประตูที่สอง เป็นจังหวะสวนกลับเร็วจากแดนตัวเอง เล่นแค่สามคนจากเดอ บรอยน์ ให้อิเฮียนาโช่ ก่อนไหลเข้าทางสเตอร์ลิ่ง ผิวปากแท็ปอิน กองหลังบอร์นมัธ พยายามสไลด์เคลียร์ แต่บอลก็ข้ามเส้นประตูไปแล้ว

          เดอ บรอยน์ โชว์ฟอร์มเป็นพระเอก มีโอกาสซัดฟรีคิกระยะ 30 หลา บอลข้ามกำแพง แต่คราวนี้ไม่หนีมือโบรุค

          นาทีที่ 52 แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนตัวคนแรก ส่งจอห์น สโตนส์ ลงแทนโอตาเมนดี้ เพื่อเซฟใบเหลือง และไม่กี่อึดใจ เดอ บรอยน์ ตัดบอลได้นอกเขตโทษของบอร์นมัธ ก่อนพาเข้าไปกดด้วยอีซ้าย แต่โบรุค ล้มตัวรับไว้ได้

          นาทีที่ 56 วิลสัน ได้โอกาสส่องครั้งแรก แต่บราโว่ ก็พุ่งเซฟได้ไม่มีปัญหา จากนั้นอีกสองนาที โบรุค ลงไปนั่งกับพื้นด้วยอาการเจ็บเข่าจากการชนกับอิเฮียนาโช่ ในจังหวะเสียประตูที่สาม แต่หลังจากปฐมพยาบาล นายทวารชาวโปล ยังเล่นต่อไหว

          โอกาสของเจ้าถิ่นยังมาเรื่อยๆ สเตอร์ลิ่ง โชว์สเต็ปเทพไปแย่งบอลจากชาร์ลี แดเนียลส์ ริมเส้นฝั่งขวา ก่อนติดเครื่องลากลัดเลาะตัดเข้าใน ฝ่าดงแข้งนักเตะบอร์นมัธ กระทั่งไปยิงชนเสาซ้าย เรียกเสียงปรบมือเกรียวกราวจากแฟนเรือใบ

          ประตูที่สี่มาตามคาดในนาทีที่ 66 และเป็นเดอ บรอยน์ อีกตามเคยที่จ่ายบอลสนเข็มให้กุนโดกัน สอดขึ้นมาหลุดเดี่ยว ก่อนยิงเข้าไปง่ายๆ แมนฯ ซิตี้ ติดลมบนไปแล้ว 4-0

          เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย กุนโดกัน โดนถอด ส่งเลรอย ซาเน่ ลงเล่นแทน ส่วนบอร์นมัธ ส่งแดน กอสลิ่ง ตามด้วยมักซ์ เกรเดล ลงมาหวังฉุดสถานการณ์ให้ดีขึ้น

          เดอ บรอยน์ อยู่ในสนามถึงนาทีที่ 75 ก็ถูกเปลี่ยนออกไปพักท่ามกลางเสียงปรบมือของแฟนเจ้าถิ่น จากนั้นไม่กี่อึดใจ บอร์นมัธ เกือบตีไข่แตก แต่วิลสัน ยิงเสยไปชนคานน่าเสียดาย 

          แฮร์รี่ อาร์เตอร์ หาโอกาสสับไกเรียดจากนอกเขตในนาทีที่ 83 แต่บอลพุ่งถากเสาเส้นยาแดงผ่าแปด

          ก่อนหมดเวลา 4 นาที แมนฯ ซิตี้ เหลือ 10 คน โนลิโต้ แสดงปฏิกิริยาใช้หัวโขกอดัม สมิธ แม้ว่าจะไม่โดนก็ตาม แต่ผู้ตัดสิน จอน มอสส์ ชักใบแดงโดยไม่ลังเล ทำให้ดาวเตะทีมชาติสเปน ต้องติดโทษแบนสามนัด

          จบเกม แมนฯ ซิตี้ ชนะขาดลอย 4-0 ทำผลงานออกสตาร์ตชนะ 5 นัดรวด กวาด 15 คะแนนเต็ม นำจ่าฝูงต่อไป

 รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

 แมนฯ ซิตี้ : เคลาดิโอ บราโว่, บาการี่ ซาญ่า, นิโกลัส โอตาเมนดี้, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, กาแอล กลิชี่, แฟร์นานดินโญ่, อิลคาย กุนโดกัน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เควิน เดอ บรอยน์, โนลิโต้, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่

 ตัวสำรอง : แว็งซองต์ กอมปานี, ปาโบล ซาบาเลต้า, วิลลี่ กาบาเยโร่, เฆซุส นาบาส, เลรอย ซาเน่, จอห์น สโตนส์, อเล็กซ์ การ์เซีย เซร์ราโน่

 บอร์นมัธ : อา ร์เทอร์ โบรุค, อดัม สมิธ, ไซม่อน ฟรานซิส, สตีฟ คุ้ก, ชาร์ลี แดเนียลส์, จอร์ดอน ไอบ์, แฮร์รี่ อาร์เตอร์, แอนดรูว์ เซอร์แมน, แจ็ค วิลเชียร์, จูเนียร์ สตานิสลาส, โจชัว คิง

 ตัวสำรอง : แดน กอสลิ่ง, เนธาน อาเก้, เบนิค อโฟเบ้, มักซ์ เกรเดล, คัลลัม วิลสัน, แบรด สมิธ, อดัม เฟเดริชี่

 ผู้ตัดสิน : โจนาธาน มอสส์