โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กัปตันทีมชาติโปแลนด์ฟอร์มฮอตระเบิดแฮตทริกซัดคนเดียวสามประตูพาทีมเบียดเอา ชนะ เดนมาร์ก ไปแบบหืดจับ 3-2 ขณะที่ "วิสกี้" สกอตแลนด์ ได้เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ฮีโร่สำรองกู้ชีพให้ทีมไม่แพ้คารังไล่ตีเสมอ ลิทัวเนีย 1-1 ศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา

ฟุตบอลโลก 2018 โซนยุโรป กลุ่ม อี
วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม 2559
โปแลนด์ 3 - เดนมาร์ก 2
 

        สนาม: สตาดิโอน นาโรโดวี่, (วอร์ซอว์, โปแลนด์)

          เปิดเกมครึ่งแรกมาได้ 11 นาที โปแลนด์ ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ โยนให้กับ เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค ทะยานขึ้นโหม่ง แต่ไม่ผ่านมือของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารเดนมาร์ก

         หกนาทีต่อมา ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้ มิดฟิลด์จากสโมสรนาโปลีของทีมชาติโปแลนด์ ได้ส่องด้วยซ้ายจากนอกเขตโทษบอลหลุดเสาขวาไป

         อย่างไรก็ตามเป็นเจ้าถิ่นได้ประตูขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 20 จากจังหวะที่ คามิล โกรซิคกี้ กระชากขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนปาดเข้ากลางให้กับ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้ากัปตันทีมแปด้วยขวาจ่อๆ บอลติดมือของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล นายทวารเดนมาร์กนิดหนึ่ง แต่ยังแรงพอเข้าประตูไปให้ โปแลนด์ นำก่อน 1-0

         ผ่านมา 33 นาที แฟนบอลโปแลนด์ ต้องเฮเก้อ เมื่อ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หลุดเข้าเขตโทษทางขวา ก่อนโดนเบียดล้มแล้วบอลปลิ้นมาเข้าทางหอกบาเยิร์นที่ไหลมาเสาแรกให้อาร์คาดิ อุสซ์ มิลิค ชาร์จจ่อๆ เข้าไป แต่ไม่ได้ประตูเนื่องจากโดนเป่าเป็นแฮนด์บอลของเลวานดอฟสกี้ ที่ใช้มือช่วยในการส่งบอลมาให้ ไปก่อนแล้ว

         ทว่านาทีที่ 36 เจ้าถิ่นได้จุดโทษจากจังหวะที่ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค กองหน้าตัวเก่งไปโดน ยานนิค เวสเตอร์การ์ด เสียบจากทางด้านหลังล้มลงในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ทันที ก่อนที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กัปตันทีมรับหน้าที่สังหารด้วยขวาเข้าไปไม่พลาดช่วยให้ โปแลนด์ นำห่าง 2-0 เมื่อหมดครึ่งแรก

         มาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลังโปแลนด์เปลี่ยนเอา คาโรล ลิเน็ตตี้ ลงเล่นแทนมิลิคที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วนเดนมาร์กส่ง ยุสซุฟ โพลเซ่น เล่นหน้าแทน ยอร์เกนเซ่น

         เจ้าบ้านมาได้ประตูนำห่าง 3-0 ในนาทีที่ 47 จากจังหวะที่วางยาวขึ้นหน้ามา โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าตัวเก่งใช้ศีรษะแต่งบอลแล้วกระชากเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนตะบันด้วยขวาบอลเสียบเสาแรกเข้าไปอย่างเด็ดขาด และเป็นแฮตทริกของเลวานดอฟสกี้ในเกมนี้ด้วย

         สองนาทีต่อมาเดนมาร์กตีไข่แตกไล่มา 1-3 เมื่อเปิดยาวจากกราบขวาไปในกรอบเขตโทษให้ ยุสซุฟ โพลเซ่น ที่ลงมาเป็นสำรองทะยานขึ้นโหม่งตั้งเข้ากลาง คามิล กลิค ปราการหลังโปแลนด์ โหม่งสกัดผิดเหลี่ยมบอลลอยเข้าประตูตัวเองไป

         พอได้ประตูไล่มาเดนมาร์กเริ่มมีกำลังใจมาได้ประตูที่สองไล่ตาม มาเป็น 2-3 ในนาทีที่ 69 เมื่อ ปีเตอร์ อันเคอร์เซ่น ล็อกแล้วโยนด้วยซ้ายจากทางกราบขวาเข้ามาในกรอบเขตโทษให้ ยุสซุฟ โพลเซ่น ยิงจังหวะแรกโดนไม่เต็ม แต่บอลมาเข้าทางเจ้าตัวซัดด้วยขวาจ่อๆ เข้าประตูไป

         ช่วงที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้อีก ครบ 90 นาที โปแลนด์เปิดรังชนะเดนมาร์กไปได้สนุก 3-2 เก็บสามแต้มได้แบบหืดจับ

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

         โปแลนด์: ลูคัส ฟาเบียนสกี้ - ลูคัสซ์ พิซเซ็ค, คามิล กลิค, ติอาโก้ ซิโอเน็ค, อาร์ตูร์ เยเดรจ์ซิค - ยาคุบ บลาสซีคอฟสกี้ (สลาโวมีร์ เปสซ์โก้ น.88), เกอร์เซกอร์ซ ครีโชเวียค, ปีโอเตอร์ ซีลินสกี้, คามิล โกรซิคกี้ (มาเซียจ รีบุส น.73) - โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (กัปตันทีม), อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค (คาโรล ลิเน็ตตี้ น.46)

         เดนมาร์ก: แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - ซิมอน เคียร์ (กัปตันทีม), อันเดรียส คริสเตียนเซ่น, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด (โธมัส เดลานี่ย์ น.82) - ปีเตอร์ อันเคอร์เซ่น, วิลเลี่ยม ควิสต์, ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก, ริซ่า ดูร์มีซี่ - คริสเตียน เอริคเซ่น -

วิคเตอร์ ฟิสเชอร์ (ปิโอเน่ ซิสโต้ น.74), นิโคไล ยอร์เกนเซ่น (ยุสซุฟ โพลเซ่น น.46)

               ฟุตบอลโลก 2018 โซนยุโรป กลุ่ม เอฟ

        สกอตแลนด์ 1 - ลิทัวเนีย 1

        สนาม : แฮมป์เดน พาร์ค (สกอตแลนด์)

         เปิดฉากครึ่งแรกมาเป็นเจ้าบ้านได้ลุ้นก่อนในนาทีที่ 3 แมท ริทชี่ เปิดลูกฟรีคิกไปหน้าประตู แกรนท์ เฮนลี่ย์ กองหลังดันขึ้นไปโขกเต็มหัวหลุดกรอบไปนิดเดียว

         ถัดจากนั้นนาทีที่ 10 ทีมเยือนตอบโต้บ้าง เอ็ดวินาส เกิร์ดไวนิส ผ่านบอลจากกลางสนามไปให้ วีคิสตาส สลิฟก้า พลิกไปยิงหน้าเขตโทษด้วยซ้ายติดมือ เดวิด มาร์แชลล์

         หลังจากนั้น 6 นาทีเจ้าบ้านได้ลุ้นประตูอีกหนเมื่อได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ โรเบิร์ต สน็อดกราสส์ ปั่นด้วยซ้ายผ่านเสาไปนิดเดียว

         ช่วงท้ายครึ่งแรกเกมค่อนข้างเนือย ก่อนนาที 34 ทีมวิสกี้เกือบได้ประตูขึ้นนำ แมท ริทชี่ ไหลบอลไปหน้าเส้นโทษให้ แบร์รี่ แบนแนน ตั้งป้อมยิงด้วยซ้ายไม่ผ่านมือ เอร์เนสตาส เซ็ตคุส จบครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0

         กลับมาเล่นครึ่งหลังได้ 2 นาทีทีมเยือนได้จบสกอร์ก่อน มันตาส คูคลิส โหม่งชงต่อไปให้ อาร์วีดาส โนวิโควาส ลากบอลเข้าฝั่งซ้ายของกรอบโทษก่อนยิงด้วยซ้ายติดเซฟ

         หลังจากนั้นนาที 59 ลิทัวเนียมาได้ประตูนำ 1-0 วีคิสตาส สลิฟก้า ลากบอลผ่านแนวรับทีมตาร์ตันก่อนไหลไปให้ เฟดอร์ เซอร์นิช วิ่งมายิงด้วยขวาผ่านมือ เดวิด มาร์แชล เข้าไป

         พอเสียประตูสกอตแลนด์โหมบุกหนักนาที 79 เกือบได้ประตูตีเสมอ โรเบิร์ต สน็อดกราสส์ เปิดบอลจากริมเส้นไปในเขต ลีห์ กริฟฟิธส์ เทกขึ้นโขกแต่ก็ไม่เป็นประตู

         จนแล้วจนรอดเสียงเชียร์ของเจ้าถิ่นต้องดังกระหึ่มเมื่อมาไล่ตี เสมอลิทัวเนีย 1-1 สำเร็จจากจังหวะครอสบอลจากฝั่งขวา  แกรนท์ เฮนลี่ย์ โขกชงต่อมาให้ เจมส์ แม็คอาร์เธอร์ ตัวสำรองโหม่งเข้าไปไม่เหลือ จบเกมเสมอกัน 1-1แบ่งแต้มกันไปอย่างสนุก

         รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

         สกอตแลนด์ : เดวิด มาร์แชลล์, คัลลั่ม พาเตอร์สัน, รัสเซลล์ มาร์ติน, แกรนท์ เฮนลี่ย์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, แบร์รี่ แบนแน่น, โรเบิร์ต สน็อดกราสส์, โอลิเวอร์ เบิร์ก, แมท ริทชี่, คริส มาร์ติน
 

         ลิทัวเนีย : เอร์เนสตาส เซ็ตคุส, เอกิดิยุส ไวต์คูนาส, กีออร์กาส ฟรีดเกมาส, เอ็ดวินาส เกิร์ดไวนิส, ไวดาส สลาวิคคาส, อาร์ตูราส ซูลป้า, วลาดิสลาฟส์ กาบอฟส์, เฟดอร์ เซอร์นิช, อาร์วีดาส โนวิโควาส, เนอริอุส วัลส์คิส, วีคิสตาส สลิฟก้า