โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือฝีปากกล้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยันตนโดน โรมัน อบราโมวิช เจ้าของเชลซี สั่งไล่ออก ไม่ใช่การยินยอมแยกทางกันอย่างที่มีข่าว แต่ระบุไม่มีอะไรต้องแค้นเคือง เพราะสมัยที่อยู่กับ "สิงห์บลูส์" มีความทรงจำดีๆ มากๆ ที่สำคัญยังสร้างประวัติศาสตร์ให้กับยอดทีมแห่งถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ชนิดที่แฟนบอลไม่มีทางลืมเลือนได้

        โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรพ่อบุญทุ่มแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ยืนยันตนโดน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ไล่ออกเมื่อเดือนธันวาคม 2015 ไม่ใช่การแยกทางกันด้วยการยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย

        หลังจากที่นำ เชลซี ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี "เฮียมู" ต้องเจอกับสถานการณ์สุดย่ำแย่ในช่วงต้นซีซั่น 2015-16  ด้วยการแพ้ 9 แมตช์จาก 16 เกมแรก และจากนั้นมีแถลงการณ์จากสโมสรระบุว่า มูรินโญ่กับทีมเห็นพ้องต้องกันที่จะยุติการทำงานในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์

        มูรินโญ่ ซึ่งเตรียมนำทีมกลับไปเยือน เชลซี ในเกมลีกวันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคมนี้ ยืนกรานว่าตนโดน โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมอภิมหาเศรษฐี เฉดหัวออกจากทีม "มิสเตอร์อบราโมวิช ตัดสินใจไล่ผมออก มันไม่ใช่การยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย แต่ผมจากไปโดยที่ไม่มีคำพูดร้ายๆ ที่เกี่ยวกับใครหรืออะไรทั้งนั้นที่สโมสรแห่งนั้น"

        "การยินยอมแยกทางกันเกิดขึ้นในช่วงแรกที่ผมอยู่กับเชลซี ตอนที่ผมตกลงว่ามันถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลง ผมมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะย้ายไปอยู่ประเทศอื่น แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แบบนั้น มันเป็นการตัดสินใจของเจ้าของทีม และผมได้รับการแจ้งข่าวการตัดสินใจนี้ ผมยอมรับแนวทางนี้อย่างสุภาพ และเราก็เซ็นสัญญากัน ผมเคารพแนวทางนี้อย่างสงบนิ่ง"

        นอกจากนี้ มูรินโญ่ เผยว่าตนอยู่ในกรุงลอนดอนก่อนที่จะมีชื่อเป็นนายใหญ่ "ผีแดง" ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา "ผมรอคอยสิ่งที่ผมปรารถนา ซึ่งทำให้ผมอยู่ในอังกฤษ ในเกมพรีเมียร์ลีก และผมโชคดีที่ได้ทำงานกับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมใช้เวลาสองวันจนกระทั่งเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้น และผมได้เริ่มต้นชีวิตของผมต่อไป ผมยังอยู่ในลอนดอน ผมยังมีบ้านอยู่ที่นั่น ผมมักจะเดินตามท้องถนน ไปโรงยิม และนั่งดูฟุตบอล..."

        ขณะเดียวกัน อดีตนายใหญ่ เรอัล มาดริด และอินเตอร์ มิลาน อ้างว่าสาวก "สิงห์บลูส์" ต้องการให้ตนอยู่กับทีมต่อไปก่อนที่จะมีการไล่ออก "ผมไม่คิดว่าพวกเขาอยากให้เกิดเรื่องนี้ แม้ว่าสุดท้ายพวกเขาจะทำก็ตาม พวกเขาไม่สามารถลบล้างประวัติศาสตร์ของผมที่ทำให้กับเชลซีได้ ผมอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขา และพวกเขาก็อยู่หน้าประวัติศาสตร์ของผมเช่นกัน ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่ต้องมีความรู้สึกแย่ๆ"