เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ออกโรงกระตุ้นลูกทีมสร้างประวัติศาสตร์ตัวเองขึ้นมา หลังนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกเวลานี้ บอก "หงส์แดง" ชุดนี้เป็นทีมใหม่ และไม่สามารถเปรียบเทียบกับในอดีตได้ พร้อมยืนยันการขึ้นเป็นอันดับ 1 จะไม่ทำให้ทัศนคติของทีมเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึกพรีเมียร์ลีก ออกมากล่าวเมื่อวันพุธที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ว่า เขาต้องการให้ลูกทีมสร้างประวัติศาสตร์ของตัวเองขึ้นมา หลังจากที่ต้นสังกัดขึ้นนำเป็นจ่าฝูงลีกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มสุดยอดในเกมไล่ถล่ม วัตฟอร์ด 6-1 ที่แอนฟิลด์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้พวกเขาขึ้นรั้งอันดับ 1 ในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2014 จากการมี 26 คะแนนจาก 11 นัด และทำได้ถึง 30 ประตูซึ่งมากที่สุดในลีก

ในเวลานี้ทุกคนในถิ่นแอนฟิลด์ ต่างมองในแง่ดี หลังจาก ลิเวอร์พูล เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยม จากการแพ้เพียงแค่ 1 นัดจาก 14 แมตช์ในทุกรายการ อย่างไรก็ตาม ล่าสุด คล็อปป์ ยืนยันว่า การนำเป็นจ่าฝูงจะไม่ทำให้ทัศนคติของทีมเปลี่ยนแปลงไป

 "ด้วยสามัญสำนึก ไม่ (การเป็นจ่าฝูงจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร) ผมรู้วิธีการทำงานในเกมฟุตบอล ฟุตบอลเป็นสิ่งสำคัญมาก แต่ถ้าควบคุมสติได้ ทุกอย่างก็ออกมาดี มันเป็นช่วงเวลาที่ดีและผมรู้ว่าทุกคนนำไปเปรียบเทียบกับในอดีต โดยเฉพาะที่ ลิเวอร์พูล เมื่อ 3 ปี, 10 ปี, 5 ปี, 25 ปีก่อน แต่ทีมนี้คือทีมใหม่ เราคือทีมใหม่ เรื่องราวของเราเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ดังนั้น คุณไม่สามารถนำเราไปเทียบกับใครได้"

 "คุณไม่สามารถแบกรับประวัติศาสตร์เอาไว้ได้ เราควรรู้สึกอิสระในการสร้างบางสิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ถ้าทุกคนต้องการพูดว่า "เรารอคอยมา 20 กว่าปีแล้วสำหรับถ้วยแชมป์" หรืออะไรก็ตาม เราจะพูดว่า "โอเค เราพยายามอยู่ ความจริงแล้ว มันเพิ่งเริ่มต้นแค่ปีเดียวเท่านั้น!" ด้วยเหตุนี้ นั่นจึงทำให้เรามีอิสระที่จะมองในแง่ดีสำหรับอนาคต" กุนซือชาวเยอรมัน กล่าว

จากการที่ ลิเวอร์พูล ห่างจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ อันดับ 5 เพียงแค่ 5 คะแนนเท่านั้น ทำให้ คล็อปป์ ยังไม่ให้ความสำคัญกับการเป็นจ่าฝูงมากนัก

 "ถ้าคุณดูพรีเมียร์ลีกเมื่อสุดสัปดาห์และดู เชลซี เล่น, ดูว่า อาร์เซน่อล แข็งแกร่งแค่ไหน, ซิตี้ แข็งแกร่งแค่ไหน และ แมนฯ ยูไนเต็ด คุณไม่ควรตัดชื่อพวกเขาออก! ดังนั้น มันจึงเป็นการต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงสำหรับแต่ละตำแหน่งในส่วนบนของตาราง เราทำในส่วนของตัวเองได้กว่าขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ แต่มันก็แค่นั้น" อดีตนายใหญ่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กล่าว