ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ฟุตบอลไทย » ซิโก้ลั่นล้มปินส์เพื่ออันดับโลก-ชี้อาจโรเตชั่น

ซิโก้ลั่นล้มปินส์เพื่ออันดับโลก-ชี้อาจโรเตชั่น

Posted 23/11/2016 by siamsport

 
 
"ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทย แย้ม อาจจะมีการโรเตชั่นผู้เล่นในการพบกับเจ้าภาพ เพื่อเพิ่มเติมความสดให้กับขุนพลจากฝั่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา แต่หมายสำคัญคือจะต้องเก็บ 9 แต้มเต็มให้ได้ เพราะจะมีผลต่อฟีฟ่าแรงกิ้ง แม้ไม่อยากจะขอวัดว่าใครคือเบอร์ 1 อาเซียน เนื่องจากเป้าหมายคือการป้องกันแชมป์ รู้ดีว่า ฟิลิปปินส์ มีผู้เล่นที่สูงใหญ่ในแดนหลัง ประกอบกับแนวรุกที่สุดคล่อง และเซ็ตพีทที่แม่นยำ อีกทั้งยังต่างจากเมื่อ 2 ปีก่อนที่พบกันใน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 รอบรองชนะเลิศ อีกด้วย สุดปลื้มหลังกลายเป็นทีมแรกที่เข้ารอบรองฯ 9 ครั้งในรอบ 20 ปี ของรายการนี้

   "ช้างศึก"คลายกล้ามเนื้อ, ทูตเลี้ยงข้าวเย็น

 วัสพล ปิ่นทอง ผู้สื่อข่าว พร้อมด้วย กิตติ ทัพมาลัย ช่างภาพจาก นสพ.สยามกีฬาและฟุตบอลสยาม รายงานความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ในการป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 รอบแบ่งกลุ่ม ที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยนัดสุดท้าย กลุ่ม เอ จะพบกับ ฟิลิปปินส์ ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ ที่สนาม ฟิลิปปินส์ สปอร์ต สเตเดี้ยม เวลา 20.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งจะถ่ายทอดสดผ่านทาง ช่อง 7 สี, บั๊กกะบู ทีวี และ ฟ็อกสปอร์ต เอชดี 680

 ล่าสุดเมื่อเวลา 9.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นที่เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) ของวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีม ได้แบ่งนักเตะออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกไปคลายกล้ามเนื้อในสระน้ำ อีกกลุ่มเข้าไปห้องฟิตเนสเพื่อรักษาสภาพความฟิต ภายในที่พักโรงแรมโนโวเทล กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

 

            อย่างไรก็ตามในตอนเช้าซึ่งแบ่งกลุ่มตัวจริงมาลงสระน้ำ ทางฝั่ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ กับ ธีราทร บุญมาทัน ได้แยกตัวออกมา เนื่องจากให้ทีมแพทย์นวดขาเพื่อคลายกล้ามเนื้อ จากเกมที่ชนะ สิงคโปร์ มา 1-0 ก่อนที่ช่วงเย็นจะไม่มีการซ้อมเกิดขึ้นจากนั้นเวลา 18.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นที่เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง พร้อมด้วย "เสี่ยเช"วรพจน์ ยศะทัตต์ ผช.ผจก.ทีม ได้นำนักเตะทีมชาติไทย ไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้านพัก นายธนาธธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งได้จัดรับรองอาหารไทยไว้ สร้างความอื่มหนำสำราญให้กับทุกคนอย่างมาก

 

                                                                "ซิโก้"ชี้มีโอกาสเปลี่ยนแข้งฟัดปินส์

 โดย "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง แม่ทัพ "ช้างศึก" ได้เปิดใจถึงเกมสุดท้าย ที่จะพบกับ ฟิลิปปินส์ ในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 วันที่ 25 พ.ย.นี้ ว่า "คิดว่าในเกมหน้าเราคงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนผู้เล่นที่เยอะเช่นกัน เพราะเราต้องการรักษาสภาพความสดของนักเตะที่เรามีอยู่"

 "อย่างไรก็ตามเราเองก็ให้ความสำคัญในเรื่องการพบกับเจ้าภาพเช่นกัน เพราะถ้าเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา เราทำได้เพียงแค่เสมอ ในนัดสุดท้ายจะเป็นงานที่หนักของเราแน่นอน เนื่องจาก ฟิลิปปินส์ คงจะต้องการ 3 คะแนน ฉะนั้นเรามีโอกาดีแล้วที่เราจะลงเล่นด้วยการไร้ความกดดัน"

 "แต่ความสำคัญในเกมนี้เป้าหมายของเรายังเหมือนเดิม นั่นคือ การเก็บ 9 แต้มเต็มในรอบแรกให้ได้ แม้ว่าเราจะเป็นที่หนึ่งของกลุ่ม เอ ทว่าเราต้องการที่จะพัฒนามาตรฐานของทีม ทำให้ผู้แล่นที่จะลงสนามในการพบกับ ฟิลิปปินส์ จะต้องมีความมุ่งมั่น และเต็มที่กับเกม"

 

                                                                เผยจุดแข็งตากาล็อกคล่อง, ฟรีคิกแม่น

 พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือทีมชาติไทย ถึงเรื่องของจุดแข็งละจุดอ่อนของ ฟิลิปปินสื คู่แข่งในเกมสุดท้าย ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 กลุ่ม เอ หลังจากได้มีโอกาสชมเกมที่เสมอกับ อินโดนีเซีย 2-2 ว่า

 "แน่นอนว่าการเล่นในบ้านของฟิลิปปินส์ พวกเขามีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ทั้งๆที่ อินโดนีเซีย น่าจะเป็นฝ่ายที่เก็บ3 คะแนนได้ แต่กลับเสียโอกาสในช่วงท้ายไป และใน 3 ทีมของกลุ่ม เอ พวกเขาจำเป็นต้องไปสู้กันเอง ส่วนทีมชาติไทยจะต้องทำผลงานออกมาให้เต็มที่ ซึ่ง ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ ต้องไปสู้กันเองให้เต็มที่ เพื่อจะได้ไม่ต้องยืมจมูกใครหายใจ"

"ขณะเดียวกันการเล่นกับฟิลิปปินส์ ผู้เล่นต่างชาติของเขาในแนวรุก สามารถเลี้ยงทะลุทะลวงได้ดี มีทักษะดี ลูกเซ็ตพีทกับฟรีคิกค่อนข้างจะอันตราย เหมือนกับที่ ฟิล ยังฮัสแบรนด์ สามารถยิงฟรีคิกใส่ อินโดนีเซีย ได้ รวมทั้งมีกองหลังที่สูง แข็งแรง แต่ก็ยังมีรอยรั่วอยู่เหมือนกัน หากว่าเราโจมตีเร็ว แม่นยำ จะสามารถสร้างความลำบากใจให้กับพวกเขาได้"

 

                                                                ขอวัดสักตั้งให้เพื่ออันดับโลก

 จากข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้สหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน หรือ "เอเอฟเอฟ" เปิดเผยว่า ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016" จะเป็นครั้งแรกที่การแข่งขันมีการคิดคะแนนสะสมในการจัดอันดับโลกของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ "ฟีฟ่า"


 ซึ่งปัจจุบัน ฟิลิปปินส์ เป็นเบอร์ 1 ของอาเซียน และ 16 ของเอเชีย ส่วนทีมชาติไทย อยู่อันดับที่ 3 ของอาเซียน กับ 25 เอเชีย ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามยอดเฮดโค้ช "ช้างศึก"ว่า ในการแข่งขันนัดสุดท้าย ต้องการวัดว่าใครคือเบอร์ 1 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือไม่

 "ซิโก้"บอกว่า "หากเราชนะฟิลิปปินส์ เรื่องขอฟีฟ่าแรงกิ้งนั้น ของเราก็จะดีขึ้นมาตามลำดับ ซึ่งเปรียบเสมือนเฮดทูเฮด หากเราชนะเขาคะแนนจะขึ้นมาเอง แต่ถ้าเราเข้ารอบและไปแพ้พวกเขา แต้มก็จะตกลงไป อย่างไรก็ตามผมยังไม่อยากจะให้คิดว่าเป็นการวัดว่าใครจะเป็นเบอร์ 1 ของอาเซียน เนื่องจากขอให้ขึ่นอยู่กับว่าใครจะเป็นแชมป์ เพียงแค่ผมบอกกับนักเตะว่าเราทำสำเร็จในรอบแรกเร็ว"

"ทว่ายังเหลือรอบรองกับรองชิงชนะเลิศ ที่เราจำเป็นต้องทำงานอย่างหนักต่อไป เพราะเป้าหมายของเราคือ การป้องกันแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ให้ได้ ฉะนั้นทุกคนจำเป็นที่จะต้องทำงานกันอย่างหนักต่อไป เนื่องจากหลายคนยังมีสมาธิ ไม่วอกแวก ห้ามปล่อยเนื้อปล่อยตัวหรือคิดว่าสบายแล้ว เพราะเรายังเข้มงวดในทุกเรื่องอยู่"

 

                                                                รับเจ้าภาพต่างจาก 2 ปีก่อน

 ผู้สื่อข่าวได้ยิงประเด็นถาม "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ช "ช้างศึก"ว่า จากการดูฟอร์มของ ฟิลิปปินส์ มา 2 เกมแรกในกลุ่ม เอ แตกต่างจากทัพตากาล็อก ที่เจอกันในชุดก่อนเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในรอบรองชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ที่ทีมชาติไทย ชนะสกอร์รวม 2 นัดไป 3-0 หรือไม่

 เจ้าตัวเผยว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ฟิลิปปินส์ เป็นทีมที่ดี ซึ่งในชุดนี้ก็จะมีผู้เล่นที่อายุมากขึ้น อีกทั้งยังมีการผสมผสานกับนักเตะใหม่เข้ามา แต่ทีมนี้ความจี๊ดจ๊าดมากกว่าเดิม เหมือนอย่างที่บอกไว้ว่าในแดนหน้าของเขา มีความคล่องตัวสูง และสามารถจบสกอร์ได้ดี"              


                                                  
    ยินดีสถิติทีมแรกเข้ารอบรอง 9 ครั้ง     

 ผู้สื่อข่าวสอบถาม "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีมว่า การสร้างประวัติศาสตร์ ในคว้าแชมป์กลุ่มของรอบแรกเป็นหนที่ 9 ในรอบ 20 ปีของรายการ หลังจากก่อนหน้านี้เคยทำได้ในปี 1996, 1998, 2000, 2007, 2008, 2012 และ 2014 เป็นทีมแรกมีความรู้สึกเช่นไร

เนื่องจากเวลานี้หากยังไม่รวม มาเลเซีย และ เวียดนาม คู่แข่งกลุ่ม บี ที่เข้ารอบรองมาแล้ว 8 ครั้ง ผลการชนะ สิงคโปร์ มา 1-0 ทำให้ทีมชาติไทย กลายเป็นทีมแรกของรายการนี้ ที่เข้าสู่รอบตัดเชือกได้เป็นรอบที่ 9 อย่างสง่าผ่าเผย ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า

 "เราพยายามที่จะสร้างสถิติที่ดีมาตลอด ตั้งแต่ที่ผมเป็นผู้เล่นกระทั่งมาเป็นเฮดโค้ชของทีมชาติไทย เนื่องจากเราต้องการสร้างมาตรฐานของวงการฟุตบอลไทยว่า อย่าพยายามไปดูถูกทีมในระดับอาเซียน และเราจะต้องให้เกียรติคู่ต่อสู้ แม้ว่าเราจะไปเล่นในระดับเอเชียแล้วก็ตาม เพราะในย่านนี้ทุกทีมต้องการล้มเราอยู่แล้ ทำให้เราต้องเดินด้วยความมั่นคงในทุกเกม"

 

                                                แข้งทุกคนคือน้องรักทั้งหมด


    มีผู้สื่อข่าวบางคนที่สอบถาม แม่ทัพที่มีถิ่นกำเนิดใน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ว่า รู้สึกอย่างไรกับ ศราวุฒิ มาสุข ปีกความเร็วสูงที่เปรียบเสมือรเป็นซูเปอร์ซับประจำตัวของ "ซิโก้"เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไปแล้ว หลังจากลงมาโหม่งประตูชัยให้กับทีมเฉือนชนะ สิงคโปร์ 1-0


 ตลอดจนเป็นผู้ทำประตูชัยเมื่อ 3 ปีก่อน ใน ซีเกมส์ 2013 ที่เนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ ในเกมชิงชนะเลิศที่ชนะ อินโดนีเซีย ไป 1-0 กุนซือ "ช้างศึก" บอกว่า "จริงๆแล้วทุกคนคือน้องรักของผม คนที่ได้รับโอกาสและไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปก็เป็นเรื่องที่ดี"

  "อย่าง หนุ่ย (ศราวุฒิ มาสุข) คือคนที่ทำให้เห็นว่าสามารถทำได้ในการใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ฉะนั้นเมื่อผมให้โอกาสแล้วทำได้ก็พร้อมจะให้โอกาสตลอดเวลา แต่ถ้าทำไม่ได้ผมคงจะไปลงโทษเขาไม่ได้ นอกจากจะมีกระแสเข้ามาเท่านั้น ซึ่งเราต้องชื่นชมคนที่อยากจะลง อย่างเช่น หนุ่ย ที่ได้รับโอกาสจนสามารถทำได้ เขาเองก็ไม่เคยท้อแม้จะนั่งเป็นสำรองก็ตาม"

  "ที่สำคัญเราเล่นกันด้วยความเป็นทีม ใครลงไปก็สามารถทำได้และชนะด้วยกันทั้งประเทศ อย่าไปโฟกัสว่าใครลงสนาม เนื่องจากทั้งหมดคือ 11 คนแรก อยู่ที่ว่าในเกมๆนั้น เราจะต้องเจอกับคู่แข่งใด เพราะเราต้องการทำให้นักเตะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน"

 

                                                "ดูลี่ย์"มั่นใจไทยไม่ต้องการแพ้แน่

ส่วน โธมัส ดูลี่ย์ เฮดโค้ชฟิลิปปินส์ ได้ออกมาพูดถึงการเก็บ 1 แต้มในเกมพบกับ อินโดนีเซีย รวมทั้งนัดสุดท้ายที่จะพบกับ ทีมชาติไทย ผ่านทางเว็บไซต์ sports.inquirer.net ว่า "ผมว่า 2-2 ก็โอเคนะ อินโดฯมีโอกาส 2-3 ครั้งและมีโอกาสมากกว่าเรา แต่ 2-2 นี่ก็เต็มที่สำหรับเราแล้ว เพราะเกมดังกล่าวเป็นสิ่งน่าตื่นเต้นสำหรับแฟนบอล แต่ไม่ตื่นเต้นสำหรับเรา"


"ในนัดสุดท้ายไทยไม่อยากแพ้เราเป็นครั้งแรกแน่นอน เพาะด้วยสถิติที่ผ่านมาในการเจอกันถ้วยใบนี้ (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ) ที่สำคัญเราไม่คิดว่าไทยจะผ่อนและส่งสำรองลงเพราะเข้ารอบไปแล้ว แต่ผมคิดว่าทีมเราจะพร้อมในการเจอไทย ผมคิดว่าเราต้องให้พร้อม"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »