ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ยูฟ่า /ยูโรป้าลีก/ยูโรคัพ » ระทึก!ชุดขาวจัดโด้นำยิง,ตราหมีมีกรีซมันน์ซัด:ชปล

ระทึก!ชุดขาวจัดโด้นำยิง,ตราหมีมีกรีซมันน์ซัด:ชปล

Posted 02/05/2017 by siamsport

แมตช์ร้อนระอุประจำวัน..."ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด จะมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นำทัพกระชากปิดสกอร์ เกมรับ "ขุนพลตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ที่มียอดดาวยิงอย่าง อ็องตวน กรีซมันน์ พร้อมตะบันชัย ลุ้นระทึกได้ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบรองชนะเลิศ นัดแรก) คืนวันอังคารที่ 2 พ.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด: PPTV HD, บีอิน สปอร์ตส์ 1, (เวลา: 01.45 น.)

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
(รอบรองชนะเลิศ นัดแรก)
วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม 2560
เรอัล มาดริด (สเปน)  -  แอตเลติโก มาดริด (สเปน)
ถ่ายทอดสด : PPTV HD, บีอิน สปอร์ตส์ 1, (เวลา: 01.45 น.)


สนาม : เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, (มาดริด, สเปน)

        "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด กับ "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด โคจรมาทำศึก "มาดริด ดาร์บี้" เป็นครั้งที่ 5 ในการเล่นถ้วยใหญ่ของยุโรป

        ซีเนดีน ซีดาน เทรนเนอร์คนดังชาวฝรั่งเศสของเรอัล มาดริด เพิ่งพาทีมเปิดรังเชือด บาเลนเซีย 2-1 ในศึกลา ลีกา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้มี 81 คะแนน เท่ากับ บาร์เซโลน่า จ่าฝูง แต่ "ราชันชุดขาว" แข่งน้อยกว่าอยู่ 1 นัด

        ส่วนในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซี่ซั่นนี้ ทาง เรอัล มาดริด ฝ่าด่าน บาเยิร์น มิวนิค มาด้วยประตูรวมสองนัด 6-3 ตบเท้าเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ รายการนี้ เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน

        ความพร้อมเกมนี้ เรอัล มาดริด ต้องปราศจาก แกเร็ธ เบล สตาร์ทีมชาติเวลส์ ที่เจ็บน่อง รวมไปถึง เปเป้ ปราการหลังตัวเก๋าที่เจ็บซี่โครง และ ฟาบิโอ โคเอนเตรา ที่เจ็บหลัง

        ในแนวรับได้ตัว ราฟาแอล วาราน คืนตัวจริงยืนคู่กับ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีม ส่วนแบ็คขวาเรียก ดาเนียล การ์บาฆาล กลับมาประจำการอีกครั้ง

        แดนกลางจัดชุดแกร่ง โทนี่ โครส, คาเซมีโร่ และ ลูก้า โมดริช ลงมาทำเกม ส่วนแนวรุกยังต้องดูว่าจะใช้งาน อีสโก้ หรือ ลูกัส บาซเกซ เล่นแทนการขาดหายไปของ เบล เพื่อผนึกกำลังกับ คาริม เบนเซม่า และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้


        ทางด้าน "ตราหมี" แอต.มาดริด ทีมอันดับสามของลา ลีกา สเปน เวลานี้ อยู่ภายใต้การคุมทัพของดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เทรนเนอร์ชาวอาร์เจนไตน์ เพิ่งยกพลไปถล่ม ลาส ปัลมาส มาขาดลอย 5-0

        สภาพทีมล่าสุดต้องขาดผู้เล่นหลายรายทั้ง ฆวนฟราน, ซิเม่ เวอร์ซัลโก้, มิเกล อังเคล โมย่า และ เอากุสโต้ เฟร์นานเดซ ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมไปถึง โฮเซ่ คีเมเนซ ปราการหลังที่เจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้ายมาจากเกมลา ลีกา นัดบุกไปถล่ม ลาส ปัลมาส 5-0 เมื่อสุดสัปดาห์ ต้องพักประมาณ 4 สัปดาห์

        นอกจากนั้นยังต้องรอเช็ค ยันนิก แฟร์เรยร่า การ์ราสโก้ ปีกตัวเก่งชาวเบลเยี่ยม ที่หายเจ็บไหล่ลงซ้อมแล้ว ว่าจะพร้อมออกสตาร์ทหรือไม่ หากยังไม่พร้อมจะเป็นโอกาสของ นิโกลาส ไกตาน

        แผงหลังขยับเอา สเตฟาน ซาวิช ออกไปยืนเป็นแบ็คขวา โดยมี ดีเอโก้ โกดิน ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟกับ ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ โดยคู่หน้าส่งสองดาวยิงชาวฝรั่งเศสทั้ง อ็องตวน กรีซมันน์ ล่าตาข่ายกับ เควิน กาไมโร่


รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

        เรอัล มาดริด : เคย์ลอร์ นาวาส - ดาเนียล การ์บาฆาล, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส (กัปตันทีม), มาร์เชโล่ วิเอยร่า - โทนี่ โครส, คาเซมีโร่, ลูก้า โมดริช - อีสโก้ (ลูกัส บาซเกซ), คาริม เบนเซม่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้

        แอต.มาดริด : ยาน โอบลัค - สเตฟาน ซาวิช, ดีเอโก้ โกดิน, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ, ฟิลิเป้ ลุยส์ กาสมีร์กี้ - โกเก้, ซาอูล ญีเกซ, กาบี เฟร์นานเดซ (กัปตันทีม), ยันนิก แฟร์เรยร่า การ์ราสโก้ (นิโกลาส ไกตาน) - อ็องตวน กรีซมันน์, เควิน กาไมโร่

        ผู้ตัดสิน : มาร์ติน แอ็ตกินสัน (อังกฤษ)

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- นี่เป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกันที่คู่แข่งร่วมเมืองคู่นี้เจอกันในชปล. รอบน็อกเอาต์ โดยแอต.มาดริดยังไม่เคยเป็นฝ่ายกรำศึกในช่วงดังกล่าว (เสมอ 2 แพ้ 2)
- นี่เป็นการย้อนรอยนัดชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2013-14 และ 2015-16 โดยเรอัล มาดริดชนะ 4-1 ในการต่อเวลาและชนะด้วยการดวลจุดโทษตามลำดับ ก่อนรับแชมป์ทั้ง 2 ครั้ง
- เรอัล มาดริดและแอต.มาดริดเคยเจอกันในรอบตัดเชือก ยูโรเปี้ยน คัพ/ชปล. มาแล้วครั้งหนึ่งในฤดูกาล 1958-59 โดย "ราชันชุดขาว" ผ่านเข้าชิง หลังเล่นกันถึง 3 นัด ก่อนคว้าแชมป์ในบั้นปลาย
- แอต.มาดริดผ่านเข้ารอบรองฯ ชปล. เป็นครั้งที่ 3 จาก 4 ฤดูกาลหลังสุด หลังจากไม่เคยผ่านมาถึงรอบนี้มาก่อน (นับตั้งแต่ฤดูกาล 1992-93)
- เรอัล มาดริดผ่านเข้ารอบตัดเชือก ชปล. เป็นฤดูกาลที่ 7 ติดต่อกัน เป็นสถิติสูงสุดของรายการนี้
- แอต.มาดริดแพ้แค่นัดเดียวจาก 10 เกมชปล. ฤดูกาลนี้ (ชนะ 7 เสมอ 2)
- นับตั้งแต่ฤดูกาล 2010-11 เรอัล มาดริด ชนะ 35 จาก 41 เกมชปล.ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว (เสมอ 4 แพ้ 2) โดยเป็นการพ่ายบาร์เซโลน่า เมื่อเมษายน 2011 (0-2) และชาลเก้ เมื่อมีนาคม 2015 (3-4)
- เรอัล มาดริดไม่เคยพลาดทำประตูตลอด 35 เกมชปล.หลังสุดในบ้าน เป็นสถิติยาวนานที่สุดของรายการนี้ โดยบาร์เซโลน่าเป็นทีมสุดท้ายที่บุกมาเก็บคลีนชีตได้ (2-0 เมื่อเมษายน 2011)
- เรอัล มาดริด (ร่วมกับยูเวนตุส) เป็น 2 ทีมที่ยังไม่แพ้ในชปล. ฤดูกาลนี้ (ชนะ 7 เสมอ 3) โดยพวกเขาแพ้แค่นัดเดียวจาก 12 เกมหลังสุด รอบน็อกเอาต์ ชปล. จากเกมกับโวล์ฟสบวร์ก เมื่อเมษายน 2016 (0-2)
- เรอัล มาดริด ยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูตลอด 10 ชปล. ฤดูกาลนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถเก็บคลีนชีตได้แม้แต่ครั้งเดียวใน 10 นัดดังกล่าว
- แอต.มาดริด เป็นทีมที่ยิงประตูได้น้อยที่สุดในบรรดา 4 ทีมที่เหลืออยู่ในชปล. ฤดูกาลนี้ (13 ประตูจาก 10 เกม)
- เรอัล มาดริดชนะทั้ง 4 เกมรอบน็อกเอาต์ ชปล. ฤดูกาลนี้ แม้เป็นฝ่ายเสียประตูให้คู่แข่งก่อนก็ตาม
- 11 ประตูหลังสุดในชปล.ของเรอัล มาดริด ได้ในนาทีที่ 47 ของเกมเป็นต้นไป
- แอต.มาดริดเก็บคลีนชีต 27 จาก 46 เกมชปล. ยุค ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ นับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 (59%) มากกว่าคู่แข่งทีมอื่นๆ ในช่วงดังกล่าว 5 นัด (เรอัล มาดริด ทำได้ 22)
- รอบที่แล้ว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงนชปล. ครบ 100 ประตู โดยมีอัตรายิงเฉลี่ยนัดละ 0.75 ประตูในรอบน็อกเอาต์ ชปล. (49 ประตูจาก 65 เกม) มากกว่ารอบแบ่งกลุ่ม (เฉลี่ยนัดละ 0.71 ประตู)
- อ็องตวน กรีซมันน์ มีส่วนร่วมในการทำประตู 50% ของแอต.มาดริดในชปล. นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว (12 ประตู, 3 แอสซิสต์)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • เก่งเกินหน้า!ซีดานรับอิจฉาสถิติยิงประตูโด้
    ซีเนดีน ซีดาน นายใหญ่เรอัล มาดริด ไม่ปกปิดความรู้สึกอิจฉาตาร้อนสถิติการยิงประตูของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส พร้อมเปรียบความยอดเยี่ยมพอๆ กับ โรนัลโด้เลือดแซมบ้า แถมชม ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือแอตเลติโก มาดริด กับผู้ช่วยโค้ช ที่สร้าง "ตราหมี" แข็งแกร่งจริงๆ
  • ฟอร์มดี!ชุดขาวสนดึงเมนดี้ร่วมก๊วน
    อาส สื่อของสเปน ระบุ เรอัล มาดริด คิดที่จะซื้อ เบนจามิน เมนดี้ ฟูลแบ็ก โมนาโก มาร่วมก๊วนในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยจุดประสงค์คืออยากให้มาช่วยแย่งตำแหน่งกับ มาร์เซโล่
  • โด้ขึ้นทำเนียบดาวซัลโวตลอดกาล6ลีกใหญ่ยุโรป
    ยกนิ้วให้เลย! คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะโปรตุกีส กลายเป็นนักเตะที่ทำประตูมากสุดใน 6 ลีกใหญ่ของยุโรป แซงหน้า จิมมี่ กรีฟส์ ตำนานแข้งผู้ดีเรียบร้อย หลังกดไปแล้ว 367 ลูก แถมทำสถิติยิงให้ เรอัล มาดริด เกิน 20 ประตูมาแล้ว 8 ซีซั่นติดต่อกันอีกด้วย
  • ไอเดียบรรเจิด! ฟาบินโญเอาฮาโชว์แผลลาย"CR7"
    ดาวเตะโมนาโกโชว์ความคิดสร้างสรรค์แต่งแผลที่ขาตัวเองเป็นลาย "CR7" หลังนำทีมเปิดรังพิชิตตูลูสในเกมลีกเอิงเมื่อคืนนี้

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »