"เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ หากเกมนี้นัดนี้จะทำอันดับแซง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ขึ้นไปอยู่ที่ 3 ของตารางคะแนน โดยเตรียมส่ง ดาบิด ซิลบา เคลื่อนพลแดนกลางหนุนซัดประตูเกมรับ "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" เลสเตอร์ ซิตี้ ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เย็นวันเสาร์ที่ 13 พ.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : บีอิน สปอร์ตส์ 1 (เวลา : 18.30 น.)

ปรีวิว ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม 2560

แมนฯ ซิตี้  -  เลสเตอร์

ถ่ายทอดสด : บีอิน สปอร์ตส์ 1 (เวลา : 18.30 น.)

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

        เรือใบสีฟ้า ทีมอันดับ 4 ต้องการทุกคะแนน เพื่อรักษาตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจาก อาร์เซน่อล ฟอร์มแรง พรวดขึ้นมาจี้ตูดเหลือ 3 แต้มแล้ว

        เกมล่าสุดเพิ่งเปิดบ้านถล่ม คริสตัล พาเลซ 5-0 ดาบิด ซิลบา, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, เควิน เดอ บรอยน์, ราฮีม สเตอร์ลิง, นิโกลัส โอตาเมนดี้ ดาหน้ากันยิง หลังสะดุดเสมอก่อนหน้านั้น 2 นัด

        กุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีโอกาสพาทีมแซง ลิเวอร์พูล ขึ้นอันดับ 3 ก่อน (เตะเท่ากัน 36 นัด) ก่อนที่ หงส์แดง มีคิวเตะนัดที่ 37 เยือน เวสต์แฮม วันอาทิตย์

        กุนซือชาวสเปน ซึ่งจบฤดูกาลมือเปล่าเป็นครั้งแรก ได้รับข่าวดี เซร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้าตัวเก่งหายเจ็บโคนขาหนีบ กับ จอห์น สโตนส์ เซนเตอร์ฮาล์ฟหายเจ็บกล้ามเนื้อขา กลับมาซ้อมเต็มรูปแบบทั้งคู่แล้ว

        ตัวเจ็บมีเพียง เคลาดิโอ บราโว่ ประตูเจ็บน่อง และ อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์ที่ผ่าตัดเข่า พักยาว

        ข่าวดีคือ ดาบิด ซิลบา จอมทัพหายเจ็บเอ็นหลังหัวเข่ากลับมาลงเล่นนัดที่แล้ว ซัลโวได้ตั้งแต่ 2 นาทีแรก และอยู่ในสนาม 68 นาทีโดยไม่มีปัญหา

        การจัดทัพอาจไม่เปลี่ยนจากนัดก่อน ผู้รักษาประตู วิลลี่ กาบาเยโร่ ลงเฝ้าเสา แผงหลัง แฟร์นันดินโญ่, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ กาแอล กลิชี่

        แดนกลาง ยาย่า ตูเร่ คุมเกมคนเดียว ขยับขึ้นมาแนวรุกมี ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา, เลรอย ซาเน่ และหน้าเป้า กาเบรียล เชซุส ส่วน อเกวโร่ อาจเริ่มต้นข้างสนาม

        ฝั่ง เลสเตอร์ ซิตี้ อยู่รอดในพรีเมียร์ลีก 100 เปอร์เซนต์แล้ว หลังจากนัดก่อนเปิดบ้านถล่ม วัตฟอร์ด 3-0 จากประตูของ วิลเฟรด เอ็นดีดี้, ริยาด มาห์เรซ, มาร์ค อัลไบรท์ตัน

        และยังเป็นชัยชนะเกมลีก 2 นัดติดด้วย หลังจากก่อนหน้านั้นไม่ชนะใครมา 5 นัดรวมทุกรายการ

        กุนซือ เคร็ก เช็คสเปียร์ ต้องเจอข่าวร้ายจากนัดก่อน แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ กองกลางตัวหลักเจ็บต้นขา ต้องพัก 4 สัปดาห์ หมดสิทธิ์ช่วยทีมอีก 3 นัดที่เหลือของซีซั่นนี้แล้ว

        แนวรับก็มีปัญหาซ้ำ โรเบิร์ต ฮูธ เซนเตอร์คนสำคัญเจ็บเท้า ต้องรอเช็กความฟิต ขณะที่ เวส มอร์แกน กัปตันทีมเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าและหลังอยู่ก่อน

        จึงอาจต้องเข็น มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้ ที่ร้างสนามตั้งแต่กุมภาพันธ์ และเพิ่งลงเพียง 5 นัดในซีซั่นนี้

        แต่ก็ยังมีตัวเลือกอื่นๆ อย่าง ดาเนียล อมาร์เตย์, คริสเตียน ฟุคส์ หรือ เบน ชิลเวลล์

        ที่พักยาวอยู่ก่อนยังมี นอมปาลิส เมนดี้ กองกลางที่ผ่าตัดข้อเท้า และ โมย่า วาเก้ กองหลังที่ไหล่หลุด

        การจัดทัพ ผู้รักษาประตู แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล แผงหลังคาดว่าจะใช้ แดนนี่ ซิมพ์สัน, มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้, โยอัน เบนาลูยาน และ คริสเตียน ฟุคส์

        แดนกลาง มาร์ค อัลไบรท์ตัน, แอนดี้ คิง, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ริยาด มาห์เรซ และคู่หน้า ชินจิ โอกาซากิ ยืนคู่ เจมี่ วาร์ดี้ หรือ อิสลาม สลิมานี่

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        แมนฯ ซิตี้ : วิลลี่ กาบาเยโร่, แฟร์นันดินโญ่, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, นิโกลัส โอตาเมนดี้, กาแอล กลิชี่, ยาย่า ตูเร่, ราฮีม สเตอร์ลิง, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา, เลรอย ซาเน่, กาเบรียล เชซุส

        เลสเตอร์ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, แดนนี่ ซิมพ์สัน, มาร์ซิน วาซิเลฟสกี้, โยอัน เบนาลูยาน, คริสเตียน ฟุคส์, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, แอนดี้ คิง, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้, ริยาด มาห์เรซ, ชินจิ โอกาซากิ, เจมี่ วาร์ดี้

        ผู้ตัดสิน : โรเบิร์ต แมดลี่ย์

ผลงานการพบกันที่บ้านแมนฯ ซิตี้
แมนฯ ซิตี้ชนะ 31 เลสเตอร์ ซิตี้ชนะ 8 เสมอ 12
ประตูที่ทำได้ : แมนฯ ซิตี้ 127 ลูก เลสเตอร์ ซิตี้ 61 ลูก

- แมนฯ ซิตี้ ชนะแค่ 2 จาก 7 เกมลีกหลังสุดที่พบ "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" (เสมอ 2 แพ้ 3)
- เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะรวด 2 เกมลีกหลังสุดที่พบซิตี้ โดยยิงอย่างน้อยนัดละ 3 ประตู (3-1 เมื่อกุมภาพันธ์ 2016 และ 4-2 เมื่อธันวาคม 2016) แต่ไม่เคยชนะเรือใบ 3 เกมติดต่อกันมานาน 50 ปี (มีนาคม 1967)
- "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" ชนะ 5 จาก 6 เกมลีกหลังสุดที่เยือนแมนฯ ซิตี้ (แพ้ 1) โดยความพ่ายแพ้ครั้งเดียว เกิดขึ้นเมื่อมีนาคม 2015 ด้วยสกอร์ 0-2 ในยุค ไนเจล เพียร์สัน
- แมนฯ ซิตี้ ชนะรวด 4 เกมลีกหลังสุด ที่เปิดบ้านพบแชมป์เก่า โดย 2 เกมหลังเป็นการชนะด้วยสกอร์ห่าง 3 ประตู (4-1 เหนือแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อกันยายน 2013 และ 3-0 เหนือเชลซี เมื่อสิงหาคม 2015)
- ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แพ้แค่ครั้งเดียวในบ้าน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ แต่ก็เสมอถึง 7 นัด (ชนะ 9 เสมอ 7 แพ้ 1)
- เจมี่ วาร์ดี้ ยิงประตูได้ 7 จาก 10 เกมลีกหลังสุด หลังยิงได้แค่ 5 จาก 22 เกมแรกในฤดูกาลนี้
- แฮตทริกเดียวของวาร์ดี้ในพรีเมียร์ลีก มาจากเกมแรกที่เจอแมนฯ ซิตี้ เมื่อธันวาคม ฤดูกาลนี้
- เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ต้องการอีก 2 ประตู เพื่อทำครบ 20 ประตูในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ และถ้าเขาทำสำเร็จ จะกลายเป็นผู้เล่นคนที่ 5 ที่ยิงแตะ 20 ประตูติดต่อกัน 3 ฤดูกาล ต่อจาก อลัน เชียเรอร์ (4), เธียร์รี่ อองรี (5), รุด ฟาน นิสเตลรอย และ แฮร์รี่ เคน
- เคร็ก เช็คสเปียร์ ชนะ 7 จาก 10 เกมแรกที่คุมทีมในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่คุมเลสเตอร์ (เสมอ 1 แพ้ 2) มากกว่าที่ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ทำได้ใน 10 เกมแรกเช่นกัน (ชนะ 5 เสมอ 4 แพ้ 1)
- เควิน เดอ บรอยน์ ทำ 6 แอสซิสต์จาก 7 เกมลีกหลังสุด รวมถึง 2 ครั้งในเกมล่าสุดกับคริสตัล พาเลซ
- "จิ้งจอกสีน้ำเงิน" มีโอกาสชนะนอกบ้านติดต่อกันเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ โดยหนล่าสุดที่ทำได้แบบนี้ เกิดขึ้นเมื่อเมษายน 2016 (3 เกมซ้อน)

ลผลการพบกันเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา (บ้านแมนฯ ซิตี้)
แมนฯ ซิตี้ แพ้ เลสเตอร์ ซิตี้ 1-3
6 กุมภาพันธ์ 2016 ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์
ผู้ทำประตู : 0-1 โรเบิร์ต ฮูธ น.3, 0-2 ริยาด มาห์เรซ น.48, 0-3 โรเบิร์ต ฮูธ น.60, 1-3 เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" น.87