"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องออกแรงเหนื่อยก่อนจะเป็นฝ่ายไล่ตีเสมอ "ทอฟฟี่" เอฟเวอร์ตัน 1-1 เวย์น รูนี่ย์ ซัดประตูให้ทีมเยือนขึ้นนำแถมเป็นประตูที่ 200 ในพรีเมียร์ลีกของอดีตแข้งผีแดง ก่อนที่ช่วงท้ายเกม ราฮีม สเตอร์ลิงจะเป็นฮีโร่ของเจ้าถิ่นซัดตีเจ๊าสุดหืด แถมเกมสุดเดือดมี 2 ใบแดง ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2560 
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1  - เอฟเวอร์ตัน 1

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

    เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ ''เรือใบสีฟ้า'' แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สภาพทีมจะเหลือแค่ อิลคาย กุนโดกัน ได้ลงเล่น 20 นาทีในเกมกระชับมิตรกับคิโรน่า เมื่อวันอังคารก่อนแล้วแต่เกมนี้ยังไม่มีชื่อ เช่นเดียวกับ เบนฌาแม็ง เมนดี้ และ ฟาเบียน เดลฟ์  แนวรุกส่ง เซร์คิโอ อเกวโร่ ประสานงานกับ กาเบรียล เชซุส

    ด้าน โรนัลด์ คูมัน นำเอฟเวอร์ตัน เอาชนะไฮจ์ดุ๊ค สปลิทได้ 2-0 ในยูโรปา ลีก รอบเพลย์ออฟ นัดแรก  โดยมี เวย์น รูนี่ย์ หน้าคู่กับ  โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน

    เปิดฉากครึ่งแรกมา 2 นาทีเจ้าถิ่นได้จบสกอร์ก่อน ดาวิด ซิลบา ผ่านบอลต่อให้ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ดันสูงมาส่องไกลด้วยขวาแต่ตรงตัวจอร์แดน พิคฟอร์ด

    นาทีต่อมาทีมทอฟฟี่ ตอบโต้ได้น่ากลัว เมสัน โฮลเกต ขึ้นเกมทางริมเส้นด้านขวาก่อนตบเข้ามาหน้ากรอบโทษให้ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน ตะบันด้วยขวาแต่บอลเฉี่ยวเสาออกหลังไป

    หลังจากนั้นเกมแรกกันสนุกนาที 16 ซิตี้ได้ลองลุ้น แฟร์นันดินโญ่ พาบอลมาจากกลางสนามก่อนไหลต่อไปให้ เควิน เดอ บรอยน์ หาจังหวะส่องไกลระยะ 30 หลาทว่าติดเซฟอีก

    รูปเกมเริ่มเป็น แมนฯ ซิตี้ที่เหนือกว่านาที 26 น่าได้ประตูนำสุดๆ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ที่เกมนี้ได้โอกาสเป็นครั้งที่สอง หลังได้บอลจาก เควิน เดอ บรอยน์ก่อนตั้งป้อมส่องด้วยขวาแต่โดน จอร์แดน พิคฟอร์ด ทิ้งตัวปัดออกจากเขตอันตรายได้หวุดหวิด

    เกมผ่านครึ่งชั่วโมงมาไม่นานซิตี้หวิดได้ประตูนำ ดาวิด ซิลบาได้บอลจาก เซร์คิโอ อเกวโร่  ก่อนดาวเตะสเปนจะใส่ด้วยซ้ายบอลพุ่งชนโคนเสาออกหลังไป

    แต่แล้วประตูแรกของเกมกลับเป็นผู้มาเยือนในนาที 35  โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน พาบอลมาถึงหน้าเขตโทษก่อนไหลต่อออกขวาให้ เมสัน โฮลเกต ล็อคหนึ่งทีก่อนตบเข้ากลาง เวย์น รูนี่ย์ แปด้วยซ้ายจ่อๆ ไม่เหลือ เอฟเวอร์ตันนำ 1-0

    พอโดนลูบคมลูกทีมของเป๊ปลุยใส่ทันที นาที 43 เกือบได้ประตูตีเสมอ ซิลบา ไหลบอลออกสุดเส้นด้านซ้ายให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ ตักมาเสาสองกาเบรียล เชซุส พักอกก่อนซัดด้วยขวาตรงตัว จอร์แดน พิคฟอร์ด

    ทว่าก่อนนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกเจ้าถิ่นต้องเหลือ 10 ตัวเมื่อ ไคล์ วอล์คเกอร์ไปชักศอกใส่  โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน ผู้ตัดสินควักใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป จบครึ้งแรกเอฟเวอร์ตันบุกมานำ 1-0
       
    กลับมาเล่นครึ่งหลัง 10 ตัวของเรือใบสีฟ้าไม่รีรอเดินเกมรุกใส่ทันที นาที 51 ได้ออกอาวุธจาก เควิน เดอ บรอยน์ ถวายพานไปในเขตโทษให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ แหวกไปยิงด้วยขวาแต่จังหวะสุดท้ายเหมือนจะหลุดแต่โดน ฟิล จากีลก้า ทิ้งตัวสไลด์บล็อกไว้ได้ทัน

    เกมผ่านไปถึงนาที 64 ซิตี้ได้จบอีก ดาบิด ซิลบา ที่พยายามปั้นเกมสุดตัวจังหวะนี้ต่อไปให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หาช่องซัดด้วยขวาแต่ไม่ตรงกรอบ

    ต่อมานาที 71 เซร์คิโอ อเกวโร่ ลากบอลหนีแนวรับเอฟเวอร์ตันสามรายก่อนตักจากฝั่งขวาไปหน้าประตู กาเบรียล เชซุส พักคืนให้ แบร์นาโด ซิลวา ตัวสำรอง วอลเลย์แต่บอลกระดอนพื้นข้ามคานออกหลัง

    แมนฯ ซิตี้บดหนักนาที 77 ดานิโล่ เติมเกมจากกราบขวาก่อนได้บอลจากการจ่ายตัดหลังของ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปยิงเรียดด้วยซ้ายแต่โดน พิคฟอร์ด ทุบออกหลังไปได้หวุดหวิด

    กระทั่งนาที 82 เจ้าบ้านตีเสมอ 1-1 สำเร็จจากจังหวะที่ ดานิโล่ โยนไปหน้าประตู เมสัน โฮลเกต โหม่งสกัดมาเข้าทางปืน ราฮีม สเตอร์ลิง หวดเปรี้ยงเดียวไม่เหลือ

    ท้ายเกมทีมเยือนต้องเหลือ 10 คนเท่ากัน หลัง มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน โดนเหลืองที่สองเป็นใบแดง ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่มเติม ครบ 90 นาทีเสมอกันไปสุดมัน 1-1

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

    แมนฯ ซิตี้  : เอแดร์สัน, แว็งซองต์ ก็องปานี, จอห์น สโตนส์, นิโกลัส โอตาเมนดี้,  ไคล์ วอล์คเกอร์, แฟร์นันดินโญ่, เควิน เดอ บรอยน์, ดาบิด ซิลบา, ลีรอย ซาเน่, เซร์คิโอ อเกวโร่, กาเบรียล เชซุส
    สำรอง : เคลาดิโอ บราโว่, ดานิโล่, ราฮีม สเตอร์ลิง, เอเลียควิม มองกาล่า, แบร์นาโด ซิลวา, ยาย่า ตูเร่, ฟิล โฟเดน

    เอฟเวอร์ตัน  : จอร์แดน พิคฟอร์ด, ไมเคิ่ล คีน, แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์, ฟิล จากีลก้า, เมสัน โฮลเกต, ทอม เดวีส์, มอร์กกาน ชไนเดอร์ลิน, อิดริสซ่า เกย์,  เลห์ตัน เบนส์, เวย์น รูนี่ย์, โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน
    สำรอง : มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก, ดาวี่ คลาสเซ่น, ซานโดร รามิเรซ, รูห์-เอ็นด์ลี่ มาร์ติน่า, โมฮัมเหม็ด เบซิซ,เควิน มิรัลลาส, อเดมา ลูคแมน

    ผู้ตัดสิน : บ็อบบี้ แมดลี่ย์