สื่อดังเมืองผู้ดีแฉ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่างโหวตคัดค้านการเปลี่ยนให้ตลาดช็อปพ่อค้าแข้งของทีมใน พรีเมียร์ลีก ปิดทำการเร็วขึ้น ส่วน สวอนซี ซิตี้ เป็นสโมสรเดียวที่ขอไม่ออกเสียง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอีกสามสโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่างลงเสียงโหวตคัดค้านแผนการเปลี่ยนกฎซื้อ-ขายนักเตะของลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ตามรายงานของ เดอะ มิร์เรอร์ สื่อชื่อดังของประเทศอังกฤษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้มีการประกาศว่าสโมสรส่วนใหญ่ใน พรีเมียร์ลีก โหวตอนุมัติการเปลี่ยนให้ตลาดซื้อ-ขายนักเตะสำหรับทีมใน พรีเมียร์ลีก ปิดทำการเร็วขึ้น โดยทีมต่างๆ ในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีจะเสริมทัพได้จนถึงเวลา 17.00 น. ของวันพฤหัสบดีสุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ (ตามเวลาท้องถิ่น) แต่ทุกทีมยังสามารถขายนักเตะให้ทีมในลีกอื่นๆ ได้จนถึงเส้นตายของตลาดนักเตะในแต่ละลีกเหมือนเดิม

สำหรับกฎดังกล่าวนั้น จะเริ่มใช้ในฤดูกาล 2018-19 โดยจำนวนทีมที่โหวตเห็นด้วยกับกฎนี้มี 14 ทีม ซึ่งตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้ว่าถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงกฎใดๆ แล้วล่ะก็ จะต้องได้รับเสียงโหวตอย่างน้อย 2 ใน 3 โดยทาง พรีเมียร์ลีก ไม่ได้เปิดเผยว่าทีมไหนบ้างที่โหวตคัดค้านกับกฎนี้

อย่างไรก็ตาม เดอะ มิร์เรอร์ ระบุว่า แมนฯ ยูไนเต็ด กับ แมนฯ ซิตี้ คือทีมอยู่ในกลุ่มนั้น ถึงแม้ที่จริงแล้วพวกเขาจะไม่ได้ทุ่มเงินซื้อนักเตะชื่อดังอีกเลยหลังจากที่ฤดูกาล 2017-18 เปิดฉากขึ้น ขณะที่อีกสามสโมสรที่โหวตคัดค้านการเปลี่ยนกฎในครั้งนี้คือ คริสตัล พาเลซ, วัตฟอร์ด และ สวอนซี ซิตี้ ส่วน เบิร์นลี่ย์ ตัดสินใจไม่ลงคะแนนเสียง

สำหรับ วัตฟอร์ด นั้น ทำการเสริมทัพถึง 4 รายในวันสุดท้ายของตลาดซื้อ-ขายนักเตะ (ทั้งแบบซื้อและยืมตัว) ส่วน สวอนซี เซ็นสัญญากับนักเตะ 3 คนในวันปิดตลาด ขณะที่ พาเลซ ได้ตัว มามาดู ซาโก้ กองหลังชาวฝรั่งเศสมาร่วมทัพก่อนเลยเส้นตาย

ทั้งนี้ สาเหตุที่มีการเสนอให้ตลาดซื้อ-ขายนักเตะ ปิดทำการเร็วขึ้นนั้น เป็นเพราะผู้จัดการทีมของหลายสโมสรใน พรีเมียร์ลีก มองว่ากฎแบบเดิมทำให้นักเตะหมกมุ่นอยู่กับการย้ายทีมมากเกินไป ทั้งที่ฤดูกาลการแข่งขันเริ่มไปแล้ว จนทำให้แข้งเหล่านั้นไม่มีสมาธิกับการเล่นให้ทีม