"จิ้งจอกสยาม" เลสเตอร์ ซิตี้ แม้สถิติจะเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นที่แล้วอย่าง เชลซี แต่พร้อมเต็มสูบ วาง เจมี่ วาร์ดี้ หัวหอกดีกรีทีมชาติอังกฤษเป็นทีเด็ดในแดนหน้า ส่วนทางฝั่งของ "สิงห์บลูส์" ข่าวดีคือ เอแด็น อาซาร์ พร้อมคืนสนามประสานงานกับ อัลบาโร่ โมราต้า ดาวยิงฟอร์มแรง เช็กความพร้อมของทั้งสองทีมและช่องทางการรับชมได้ใน ปรีวิวพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 9 กันยายน นี้

ปรีวิว ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
วันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2560
เลสเตอร์ ซิตี้ (15) - เชลซี (6)
เวลา 21.00 น. ถ่ายทอดสด ช่อง: บีอิน สปอร์ตส 1

สนาม  : คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม

เคร็ก เชคสเปียร์ กุนซือ ''สุนัขจิ้งจอก'' ยังคงไม่สามารถใช้บริการของ โรเบิร์ต ฮูธ เซนเตอร์แบ็กร่างใหญ่ได้ เนื่องจากบาดเจ็บที่ข้อเท้า

น่าสนใจว่า อเล็กซานดร้า ดราโกวิช ที่ เลสเตอร์ ยืมมาจาก เลเวอร์คูเซ่น 1 ซีซั่นจะได้ลงสนามหรือไม่ โดยตอนนี้ เลสเตอร์ ใช้บริการของ เวส มอร์แกน และ แฮร์รี่ แม็คไกว์ อยู่

ช่วงเดดไลน์ เลสเตอร์ ซิตี้ สามารถรั้งตัวของ ริยาด มาห์เรซ ตัวรุกคนเก่งทีมชาติแอลจีเรียเอาไว้ได้ นับว่าเป็นข่าวดีสุดๆ ทีเดียว แต่ทว่าก็ต้องเสีย แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ไปให้ เชลซี เช่นกัน แต่ อาเดรียน ซิลวา กองกลางทีมชาติโปรตุเกสที่ชวยย้ายมา เพราะส่งเอกสารช้าไป 14 วินาที ยังหมดสิทธิ์ลงเล่นทุกกรณี

ในแนวรุกเชื่อว่า เชคสเปียร์ ยังจะให้ ชินจิ โอกาซากิ เป็นตัวสนับสนุน เจมี่ วาร์ดี้ ต่อไป นั่นทำให้ เคเลชี่ อิเฮนาโช่ จะต้องนั่งสำรองต่อไปอีก

อันโตนิโอ คอนเต้ นายใหญ่สิงห์น้ำเงินพาทีมทำผลงานได้ยอดเยี่ยมหลังจากแพ้ เบิร์นลี่ย์ ในเกมแรก พวกเขาก็แก้ตัวด้วยการปราบ 2 ทีมแกร่งอย่าง สเปอร์ส และ เอฟเวอร์ตัน ได้ 2 นัดติดต่อกัน   

แชมป์เก่ายังไม่สามารถจะใช้บริการ แกรี่ เคฮิลล์ ที่ติดโทษแบนเป็นนัดสุดท้าย รวมทั้ง แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ก็อดเจอกับทีมเก่าเนื่องจากเดี้ยงที่ต้นขา แต่ข่าวดีคือ เอแด็น อาซาร์ พร้อมคืนสนามในลีกเป็นเกมแรก แต่ต้องลุ้นว่าจะได้สตาร์ทเป็นตัวจริงหรือสำรอง

มีทางเป็นไปได้สูงว่า คอนเต้ จะใช้บริการผู้เล่นชุดเดิมที่ชนะ เอฟเวอร์ตัน สบาย 2-0 เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน โดย อัลบาโร่ โมราต้า จะยืนเป็นหน้าเป้า

ส่วน เปโดร โรดริเกซ และ วิลเลี่ยน จะเป็นตัวสนับสนุน โมราต้า จากทางด้านข้าง และ เชส ฟาเบรกาส กับ เอ็นโคโล่ ก็องเต้ รับบทมิดฟิลด์ตัวรับ

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เลสเตอร์ (4-4-1-1) : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล - แดนนี่ ซิมพ์สัน, เวส มอร์แกน, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, คริสเตียน ฟุคส์ - ริยาด มาห์เรซ, แม็ตตี้ เจมส์, วิลเฟรด เอ็นดิดี้, มาร์ค อัลไบรท์ตัน - ชินจิ โอกาซากิ - เจมี่ วาร์ดี้
ผู้จัดการทีม : เคร็ก เชคสเปียร์

เชลซี (3-4-3) : ติโบ กูร์กตัวส์ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาวิด ลุยซ์, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ - วิคเตอร์ โมเสส, เชสก์ ฟาเบรกาส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ - เปโดร โรดริเกซ, อัลบาโร่ โมราต้า, วิลเลี่ยน (เอแด็น อาซาร์)
ผู้จัดการทีม : อันโตนิโอ คอนเต้

ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน

เกร็ดน่ารู้ "เลสเตอร์ - เชลซี"

- เลสเตอร์แพ้ 11 จาก 13 นัดหลังสุดที่พบเชลซีรวมทุกรายการ โดยพวกเขาเคยชนะและเสมอในปี 2015-16 ที่คว้าแชมป์ลีกได้

- เชลซีเอาชนะ 5 จาก 6 นัดเยือนหลังสุดที่พบเลสเตอร์ โดยจะยิงได้อย่างน้อย 3 ประตูต่อเกม

- สิงห์บลูส์ถล่มเลสเตอร์ 3-0 ทั้งเหย้าและเยือนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว

- เลสเตอร์มีโอกาสแพ้ถึง 3 จาก 4 เกมแรกในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี 1994-95 ซึ่งจบด้วยการตกชั้น

- อย่างไรก็ตาม เลสเตอร์มีโอกาสเอาชนะได้ใน 2 เกมเหย้าแรกของซีซั่นในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี 1996

- เจมี่ วาร์ดี้ ยิงไป 10 ประตูจาก 16 นัดที่ลงเล่นในลีก ภายใต้การคุมทีมของ เคร็ก เช็คสเปียร์

- เชลซีไม่ชนะเกมเยือนในพรีเมียร์ลีกในเดือนกันยายนตลอด 4 ฤดูกาลหลังสุด (ชนะ 4 แพ้ 3)

- สิงห์บลูส์เอาชนะได้ 2 นัดติดต่อกันในลีก ตั้งแต่ที่แพ้เกมเหย้านัดเปิดซีซั่น

- เชส ฟาเบรกาส ยิงไป 3 ประตู และแอสซิสต์อีก 3 จาก 4 เกมที่เป็นตัวจริงให้เชลซีพบเลสเตอร์รวมทุกรายการ