ตลอดเวลาที่ผ่านมาคนไทยมีความเชื่อที่ว่า การเป็นนักกีฬาประเภทเดี่ยว จะประสบความสำเร็จในเรื่องชื่อเสียง และเงินทอง มากกว่าการเล่นเป็นทีม นับตั้งแต่ สมรักษ์ คำสิงห์ คว้าเหรียญทองโอลิมปิก ครั้งที่ 26 , ภราดร ศรีชาพันธุ์ นักเทนนิส อดีตมือ 9 ของโลกและคนอื่นๆอีกมากมายที่กวาดรายได้ในช่วงขาขึ้นไปคนละหลายสิบล้าน ยังไม่นับ "เจ้าแหลม" ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ยอดมวยชาวไทยที่ดังก้องโลกในเวลานี้

ในยุคที่ฟุตบอลโด่งดังเป็นกีฬาอันดับ 1 ของโลกเช่นเดียวกับประเทศไทย นักเตะก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงและรายได้มากกว่าดารา และอีกหลายอาชีพ แต่การเล่นแข่งวัดทีมต่อทีมในเมืองไทยกับทีมอื่นๆของลีกในเอเชียและโลก ต้องยอมรับว่าเป็นรอง ไม่สามารถสร้างชื่อได้

แต่การก้าวออกมาเผชิญโลกแบบ "ฉายเดี่ยว" หรือการออกมาค้าแข้งในลีกต่างแดน กำลังจะสร้างชื่อเสียง ฐานะ และรายได้ให้กับนักเตะในรุ่นต่อๆไป จากที่มาของการเปิดตลาดอย่างเป็นทางการของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในเวทีเจลีก

เวลานี้แฟนบอลญี่ปุ่นไม่มีใครไม่รู้จัก "ชนาคุง" จากผลงานได้ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมแรกนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมคอนซาโดเล ซัปโปโร จากสัญญายืมตัว 1 ปีครึ่งกับทีม เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และการได้ลงสนามต่อเนื่อง 7 นัดต่อติดกับ สร้างชื่อเสียง สร้างมูลค่าที่เพิ่มมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ให้กับ "เจ" เป็นอย่างมาก สิ่งดีๆกำลังถาโถมเข้ามาให้เขาอย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่บ่งบอกได้ว่า การเล่นกีฬาเป็นทีมของคนไทยอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถมีอะไรมาวัดได้ เพราะเรากำลังจะสร้างสิ่งนั้นไปพร้อมๆกันในอนาคต โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอล ที่ยังขาดการเล่นบอลโลก

แต่การก้าวออกมาไล่ล่าแบบรายคน กำลังจะมีรุ่นๆต่อไปนับจากนี้ ด้วยความสามารถที่เหมาะสมกับทีมอื่นๆในเอเชีย และทั่วโลก ชนิดที่เรียกได้ว่า "เรากันเราอยู่ แต่ถ้าแยกกันสู้ทุกคนจะสบาย" แล้วกลับมาเจอกับอีกครั้งเมื่อชาติต้องการ!