เอล มุนโด้ สื่อของสเปน ตีข่าว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของ เรอัล มาดริด ไม่ยอมความเรื่องที่โดนฟ้องว่าเบี้ยวภาษี โดยเขาเชื่อว่ามีบางครั้งที่จ่ายภาษีสูงกว่าความเป็นจริงด้วย

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงคนดังของ เรอัล มาดริด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งวงการ ลา ลีกา สเปน ปฏิเสธที่จะยอมความเรื่องที่เขาโดนกล่าวหาว่าเบี้ยวภาษีเป็นเงินจำนวน 13.1 ล้านปอนด์ (ประมาณ 589.5 ล้านบาท) หลังจากที่กรมสรรพากรของประเทศสเปนเอาเรื่องนี้ไปถึงชั้นศาล ตามรายงานของ เอล มุนโด้ สื่อของประเทศสเปน

โรนัลโด้ ซึ่งย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปอยู่กับ เรอัล ในปี 2009 นั้น โดนกล่าวหาว่าโอนเงินด้านลิขสิทธิ์ทางภาพลักษณ์ให้บริษัทในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน เพื่อเลี่ยงภาษีในสเปน ซึ่งหลังจากนั้นบริษัทดังกล่าวก็มอบลิขสิทธิ์ให้กับ 2 บริษัทในประเทศสาธารณรัฐไอร์แลนด์ต่อทันที

ทั้งนี้ หลังจากที่ สเปน วางกฎเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ทางภาพลักษณ์ให้รัดกุมขึ้นในปี 2014 แล้วนั้น โรนัลโด้ ก็จ่ายภาษีให้สเปน 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 225 ล้านบาท) เพื่อแทนการอยู่ในแดนกระทิงดุเป็นเวลา 5 ปี แต่กรมสรรพากรของแดนกระทิงดุเชื่อว่าเขาต้องจ่ายภาษีเยอะกว่านั้น

อย่างไรก็ตาม โรนัลโด้ ยังยืนกรานว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไร โดยเจ้าตัวเชื่อว่าเขาจ่ายภาษีให้กรมสรรพากรของสเปนสูงกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ ขณะที่ทนายของดาวเตะชาวโปรตุกีสก็ระบุว่าคำร้องของอัยการมันไร้หลักฐาน, มีความขัดแย้งกันเอง และถูกผู้ตรวจการปัดตกทันที

ทีมกฎหมายของแข้งวัย 32 ปี  เสริมว่าการทำสัญญากับ ไนกี้, โคคา-โคล่า, เอมิเรตส์, คาสทรอล, เฮอร์บัลไลฟ์ และ แท็ก ฮอยเออร์ นั้น มันเป็นการทำสัญญาแบบที่มีผลทั่วทั้งโลก ดังนั้น โรนัลโด้ จึงมีสิทธิ์ที่จะระบุให้เงินจากการทำสัญญากับบริษัทเหล่านั้นเป็นรายได้ที่ได้รับจากนอกประเทศสเปน ซึ่งกรมสรรพากรของแดนกระทิงดุไม่เห็นด้วยกับประเด็นนี้

นอกจากนี้ ทนายของ โรนัลโด้ ยังบอกอีกว่าในจำนวนค่าลิขสิทธิ์ทางภาพลักษณ์ทั้งหมดของแข้งทีมชาติโปรตุเกสนั้น มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นการทำสัญญากับบริษัทในสเปน ขณะที่การจ่ายภาษี 5 ล้านปอนด์ในปี 2014 มันคิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์จากค่าลิขสิทธิ์ทางภาพลักษณ์ทั้งหมด หรือก็คือสูงกว่าที่ แข้งวัย 32 ปีควรจะต้องจ่ายนั่นเอง