ผ่านพ้นกันไปเรียบร้อยสำหรับ ศึกเอฟเอ คัพ ในรอบ 3 มีทั้งการโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมไปจนถึงการพลิกล็อคตกรอบแบบเหนือความคาดหมาย มีประเด็นอะไรบ้างที่น่าพูดถึงไปชมกัน

1. ฟาน ไดค์ประเดิมโขกชัย

    เรียกได้ว่าเปิดตัวได้ดั่งฝันสำหรับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่ลงเล่นนัดแรกในเสื้อหงส์แดงก็เป็นคนโหม่งประตูชัยในเกมเมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้ฉบับเอฟเอ คัพ พาทีมเข้ารอบ 4 ได้สำเร็จ นอกจากจะทำประตูได้แล้วฟอร์มการเล่นยังถูกใจแฟนเดอะค็อปเป็นอย่างมาก เพราะคุมแนวรับได้อยู่หมัด โดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่เซ็นเตอร์วัย 26 ปี สามารถป้องกันไว้ได้หมด อีกทั้งคอยสั่งเพื่อนร่วมทีมอยู่ตลอดเวลา กับเม็ดเงิน 75 ล้านปอนด์ที่เสียไปให้ทีมนักบุญ สงสัยมีแววจะคุ้มในไม่ช้านี้

2.ลินการ์ดยังร้อนแรง

    ในวันที่ปีศาจแดงเจาะเกมรับคู่ แข่งไม่เข้า ช่วงนี้มักจะมีชายชื่อ เจสซี่ ลินการ์ด เป็นคนปลดล็อคประตูเสมอ แนวรุกวัย 25 ปี พิสูจน์ตัวเองให้แฟนเร้ด อาร์มี่ได้เห็นเต็มตา จากการลงเล่นทั้งหมด 27 นัดในทุกรายการ ลินการ์ด ทำไป 11 ประตู แถมอีก 5 แอสซิส คว้านักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรประจำเดือนธันวาคมเป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดลินการ์ดเป็นคนเบิกร่องให้ผีแดงเชือดดาร์บี้ 2-0 ผ่านเข้ารอบ 4 ได้สำเร็จ ฟอร์มการทำประตูอันยอดเยี่ยมของเจ้าตัว บวกกับการมีส่วนร่วมในเกมรุกตลอด ทำให้ตอนนี้เจ้าตัวกลายเป็นขวัญใจของสาวกผีแดงไปแล้ว

 3.แชมป์เก่าตกรอบ

    เกมที่สนามซิตี้ กราวนด์ กลายเป็นผลการแข่งขันที่ช็อคที่สุดในรอบนี้ หลัง "เจ้าป่า" น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ เขี่ยอาร์เซน่อลตกรอบไปด้วยสกอร์ 4-2 ทั้งที่ปีนใหญ่เป็นถึงแชมป์เก่าและแชมป์สูงสุดในเกาะอังกฤษ 13 สมัย  แฟนปืนใหญ่แสดงความไม่พอใจกับการจัดทัพของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ส่งผู้เล่นชุดสองลงเล่นแทบจะทั้งทีม การเปลี่ยนผู้เล่นมากถึง 10 ตำแหน่งส่งผลต่อแนวรุกและแนวรับเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ต้องชมทีม "เจ้าป่า" ที่เล่นด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเทมากกว่าทีมเยือน สมควรที่จะตีตั๋วเข้ารอบ 4 ต่อไป

 4.เรือใบเอาจริงล่าแชมป์

    เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แสดงความกระหายในการคว้าถ้วยเอฟเอ คัพ สมัยแรกของเจ้าตัวด้วยการจัดผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนาม ประกอบด้วยตัวรุกอย่าง ดาบิด ซิลบา, เลรอย ซาเน่, ราฮีม สเตอร์ลิง และ เซร์คิโอ อเกวโร่  ถึงแม้ว่าจะโดนเบิร์นลี่ย์นำไปก่อนในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังเรือใบ ถลุงไปขาดลอย 4-1 เข้ารอบ 4 ไปแบบสบายๆ ต้องชื่นชมสปิริตของกุนซือรายนี้ ที่จัดผู้เล่นตัวจริง

5.สิงห์จืดต้องรีเพลย์

    เชลซีเป็นทีมท็อป 6 ทีมเดียวที่ต้องเล่นนัดรีเพลย์เพราะทำได้แค่บุกไปเสมอนอริช ซิตี้ แบบไร้สกอร์ หลังจากจัดผู้เล่นชุดผสมลงสนามเชลซีมีโอกาสทำประตูมากมาย แต่แนวรุกยังขาดความเฉียบคม โดยเฉพาะมิทชี่ บัตชูอายี่ ยังฝากความหวังในการทำประตูไม่ได้ อันโตนิโอ คอนเต้ กล่าวชื่นชมทีมนกขมิ้นเหลืองที่สร้างความลำบากให้เชลซีเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าประมาททีมอย่างนอริชไม่ได้จริงๆ ทำให้นัดรีเพลย์ที่จะเล่นวันอังคารที่ 16 มกราคมคอนเต้ อาจจะต้องเน้นเป็นพิเศษแล้ว

   6.รับผิดชอบผลงานบู่

    สโต๊ค ซิตี้ เป็นหนึ่งในทีมจากพรีเมียร์ลีกที่ตกรอบ 3 ด้วยการบุกไปพ่ายโคเวนทรี ซิตี้ ทีมระดับลีกทู 1-2  ทำให้หลังแมทช์ทีมช่างปั้นหม้อประกาศปลดกุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ส ในทันที สังเวยผลงานอันย่ำแย่ ชนะแค่ 1 นัดจาก 7 เกมหลังสุด

    7.VAR นัดแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ

    นับได้ว่าก้าวสำคัญของวงการฟุตบอลอังกฤษที่มีการนำเทคโนโลยีชื่อว่า VAR หรือ Video Assistant Referee มาช่วยในการตัดสิน โดยประดิมใช้เกมเอฟเอ คัพคู่ปิดท้าย ไบรท์ตัน พบ คริสตัล พาเลซ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดี โดยหลังจากนี้ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษจะเริ่มนำเทคโนโลยีนี้มาใช้มากขึ้น โดยแมทช์ต่อไปจะเป็นแมทช์รอบรองชนะเลิศคาราบาว คัพ ระหว่างเชลซี พบ อาร์เซน่อล