ควันหลงของเกมพรีเมียร์ลีก คู่แรกของคืนวันเสาร์ เป็นนัดที่ 33 เป็นเอฟเวอร์ตัน เปิดกูดิสัน พาร์ก เสมอกับลิเวอร์พูล 0-0 แบ่งแต้มกันไปคนละแต้ม ซึ่งหลังจบเกม นี่คือเรื่องราวสำคัญที่เกิดขึ้นตลอด 90 นาที ในศึกเมอร์ซีไซด์ดาร์บี้

1) หงส์ยอมเลือกแชมเปี้ยนส์ลีกก่อน

     ลิเวอร์พูลเปลี่ยนทีม ครึ่งหนึ่ง เพื่อพักตัวหลักให้สดที่สุด สำหรับเกมแชมเปี้ยนส์ลีก เลกสอง ที่จะไปเยือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้  โม ซาลาห์ ฟิต 80% แต่คล็อปป์ไม่เสี่ยงทั้งสิ้น ไม่มีชื่อทั้งตัวจริงและตัวสำรอง ส่วน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เป็นตัวจริงมายาว ก็ได้พักเช่นกัน แบ็กซ้ายแอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ มิดฟิลด์อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
เป้าหมายของคล็อปป์ถือว่าสัมฤทธิ์ผล ฟีร์มีโน่ได้พัก เกมนี้ลงเล่นแค่ 20 นาที , เทรนต์ ลงเล่นแค่ 5 นาทีสุดท้าย ส่วนซาลาห์ กับ โรเบิร์ตสันได้พักเลย

2) ตัวสำรองหงส์ยังต้องเร่งฟอร์ม

รักนาร์ คลาวาน เซ็นเตอร์แบ็กเอสโตเนียลงมาเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย ก็มีข้อผิดพลาดให้เห็นหลายครั้ง ขณะที่แนวรุก แดนนี่ อิงส์ กับ โดมินิค โซลันกี้ เห็นได้ชัดว่า ไม่เข้ากับระบบเกมรุกของหงส์แดง ถ้าหากตัวหลัก ซาลาห์-ฟีร์มีโน่-มาเน่ เดี้ยงขึ้นมาเมื่อไหร่ ลิเวอร์พูลลำบากแน่

3) เมอร์ซีไซด์ที่ไม่เดือด

ตามปกติแล้ว เกมเมอร์ซีไซด์ดาร์บี้  จะมีความมันส์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะมีความดุเดือด และเล่นกันแรงเต็มที่ จนกลายเป็นเกมที่มีใบแดงมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก แต่ในปีนี้ เกมไม่เดือดอย่างที่คิด ถึงจะหนักก็หนักในเกม และที่สำคัญไม่มีใบเหลืองเลยแม้แต่ใบเดียว
ส่วนหนึ่ง ต้องชมผู้ตัดสินไมเคิล โอลิเวอร์ ที่ตัดสินได้อย่างเฉียบขาด ไม่แจกใบเหลืองที่ไม่จำเป็น แต่ก็สามารถคุมเกมได้อยู่ตลอด

4) เอฟเวอร์ตัน ทิ้งโอกาสมากเกินไป

ก่อนเกมจะเริ่ม "บิ๊กแซม" แซม อัลลาร์ไดซ์ ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน วิจารณ์ว่า สาเหตุที่คริสตัล พาเลซ แพ้ลิเวอร์พูลเมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นเพราะ พาเลซ ใช้โอกาสสิ้นเปลืองเกินไป  ดังนั้น เอฟเวอร์ตัน จะทิ้งโอกาสแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม พอเกมเริ่ม ทีมทอฟฟี่ ทิ้งโอกาสมากเกินไปจริงๆ โดยเฉพาะใน 15 นาทีสุดท้าย จากโอกาสของทั้ง เซงค์ โทซุน ที่แหย่ขาไม่โดน , ลูกโหม่งของโทซุนที่เฉี่ยวเสา รวมถึงจังหวะที่เบนส์ จ่ายบอลย้อนหลัง จนวัลคอตต์ลื่น ถ้าหากเอฟเวอร์ตัน คมๆสักหน่อย 1-2 ลูกต้องมี

5) หนึ่งแต้มสำหรับหงส์ ก็มากพอ

การเก็บเพิ่มได้ 1 คะแนน แปลว่า ลิเวอร์พูลมี 67 แต้ม ขณะที่อันดับ 5 เชลซี มี 56 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า 2 นัด เท่ากับว่า ต่อให้เชลซีชนะรวด พวกเขาก็จะมีแค่ 62 แต้ม ยังน้อยกว่าหงส์ถึง 5 แต้ม ในขณะที่เกมการแข่งในลีก เหลืออีกแค่ 5 นัดเท่านั้น
ในช่วงท้ายฤดูกาลที่ขับเคี่ยวแย่งพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หนึ่งแต้มก็มีความหมาย ดังนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกที่จะเก็บ 1 แต้มในเกมนี้ ดีกว่าเสี่ยงโหมบุกแล้วพลาดท่าโดนสวน จนแพ้ และไม่มีแต้ม