ไม่มีปาฎิหาริย์สำหรับ โรม่า หนที่สอง แม้จะคว้าชัยเหนือ ลิเวอร์พูล 4-2 แต่สกอร์รวมสองนัด "หงส์แดง" กินบุญเก่าจากนัดแรกผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศด้วยประตูรวม 7-6 โดยเข้าไปพบกับ เรอัล มาดริด แชมป์เก่าและสองสมัยล่าสุด ที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน วันที่ 26 พ.ค.นี้

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดสอง
วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2561
โรม่า (อิตาลี) 4 - ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) 2
(รวมสองนัด ลิเวอร์พูล เข้ารอบชิงฯด้วยประตูรวม 7-6)

สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก (โรม, อิตาลี)

    โรม่า ทีมดังแห่งกัลโช่ เซเรีย อา อิตา เปิด สตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม รับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ยอดทีมจากพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 หลังจากเกมแรก "หงส์แดง" ถล่มขาดลอย 5-2 ที่แอนฟิลด์ เมื่อคืนวันอังคาร 24 เมษายน

    ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ เทรนเนอร์โรม่าขาด เควิน สตรอทมัน กองกลางคนสำคัญบาดเจ็บ เขาส่ง พาทริค ชิค, เอดิน เชโก้, สเตฟาน เอล ชาราวี นำทัพแดนหน้า

    ทางด้าน เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลได้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มิดฟิลด์ กัปตันทีมหายเจ็บ และ ซาดิโอ มาเน่ หายเจ็บประสานงานแดนหน้าร่วมกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ที่เพิ่งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษ (เอฟดับเบิ้ลยูเอ) ประจำฤดูกาล 2017 - 2018

    เกมครึ่งแรกเริ่มต้น เจ้าถิ่นลุยใส่ทันที นาทีแรก สเตฟาน เอล ชาราวี ผ่านให้ เอดิน เชโก้ โหม่งเผาขน ไม่เข้ากรอบ

    แต่แล้วนาทีที่ 9 รัดย่า นาอิงโกลัน มิดฟิลด์โรม่า จ่ายบอลพลาดในแดนกลาง และเป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ได้บอล เปิดให้ ซาดิโอ มาเน่ ซัดเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายตุงตาข่าย ลิเวอร์พูลนำ 1-0 นับเป็นประตูที่ 9 ของเขาในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ และเป็นคนแรกที่พังตาข่ายในบ้าน โรม่า เกมยุโรปปีนี้

    อย่างไรก็ตาม โรม่า ตีเสมอ 1-1 นาที 15 อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ โยนจากริมเส้นฝั่งขวาไปที่เสาสอง สเตฟาน เอล ชาราวี โหม่งตั้งไปโดน เดยัน ลอฟเรน เตะสกัดบอลไปอัดหน้าของ เจมส์ มิลเนอร์ เข้าประตูตัวเอง

    นาที 25 ลิเวอร์พูลนำ 2-1 เจมส์ มิลเนอร์ เปิดลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เข้ามาหน้าประตู เจ้าถิ่นเคลียร์บอลไม่พ้นอันตราย กระเด้งมาเข้าหัว เอดิน เชโก้ โหม่งสกัดหน้าประตู แต่บอลไปเข้าหัว จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม โขกบอลลงพื้นตุงตาข่าย นับเป็นลูกแรกของเขาในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้

    จากนั้นนาที 35 สเตฟาน เอล ชาราวี ดาวเตะโรม่า ได้ซัด 20 หลา บอลพุ่งชนเสาอย่างจัง

    จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลนำ 2-1

    ในครึ่งหลัง โรม่า ตีเสมอ 2-2 นาที 52 ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ ผ่านบอลให้ สเตฟาน เอล ชาราวี เลี้ยงบอลลุยเข้ามา ก่อนยิงเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายติด ลอริส คาริอุส นายทวารหงส์แดงปัดบอลไม่พ้นอันตราย เอดิน เชโก้ จับบอลด้วยซ้ายและยิงเท้าขวาที่เสาสองตุงตาข่าย เป็นประตูที่ 8 ของเขาในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้    

    หงส์แดงโต้กลับเร็ว นาที 68 โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ทำทางไปที่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยิงเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งขวาไปติด อลิสซอน เบ็คเกอร์ เซฟไว้ได้

    นาที 75 เจ้าถิ่นเปลี่ยนเอา สเตฟาน เอล ชาราวี ออกจากสนาม เนื่องจากบาดเจ็บ โดยส่ง มีร์โค อันโตนุชชี่ ปีกวัย 19 ปี ลงเล่นแทน

    ท้ายเกม นาที 86 โรม่า ขึ้นนำ 3-2 อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ผ่านบอลห้ รัดย่า นาอิงโกลัน ตะบันเท้าขวาจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งชนเสาเข้าประตู

    ช่วงทดเจ็บแฟนหมาป่าได้ลุ้น เมื่อเจ้าบ้านมาได้ลูกจุดโทษ ก่อนที่ นาอิงโกลัน จะสังหารเข้าไปไม่พลาดสกอร์นำ 4-2 แต่ไม่เพียงพอเมื่อจบเกมเป็น ลิเวอร์พูล ผ่านเข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศด้วยประตูรวม 7-6 โดยเข้าไปพบ เรอัล มาดริด แชมป์เก่าสองสมัยหลังสุด ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2017 - 2018 คืนวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม เวลา 01.45 น. ที่ เอ็นเอสซี โอลิมเปียสกี้ กรุงเคียฟ ประเทศ ยูเครน

    รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

    โรม่า : อลิสซอน เบ็คเกอร์ - อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่, คอสตาส มาโนลาส, เฟเดริโก้ ฟาซิโอ, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ - ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ (เซนกิซ อุนเดอร์ น.52), ดานิเอเล่ เด รอสซี่ (กัปตันทีม) (มักซีม โกนาลงส์ น.69), รัดย่า นาอิงโกลัน - พาทริค ชิค, เอดิน เชโก้, สเตฟาน เอล ชาราวี (มีร์โค อันโตนุชชี่ น.75)

    สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ลูคัสซ์ สโครุปสกี้ (ผู้รักษาประตู) - ฮวน เชซุส, บรูโน่ เปเรส, แชร์ซอน

    ลิเวอร์พูล : ลอริส คาริอุส - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (เนธาเนียล ไคลน์ น.90+2), เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, เดยัน ลอฟเรน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (กัปตันทีม), เจมส์ มิลเนอร์ - โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ (โดมินิก โซลันกี้ น.87), ซาดิโอ มาเน่ (รักนาร์ คลาวาน น.83)

    สำรองที่ไม่ได้ใช้ : ซิมง มิโญเล่ต์ (ผู้รักษาประตู) - อัลเบร์โต้ โมเรโน่, แดนนี่ อิงก์ส, เบน วู้ดเบิร์น

    ผู้ตัดสิน : ดามีร์ สโคมีน่า (สโลวีเนีย)