แมตช์ที่แฟนบอลทั่วทุกมุมโลกรอคอย.."ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด เตรียมส่ง โรเมลู ลูกากู กับ อเล็กซิส ซานเชซ ลงล่าตาข่ายเกมพบ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ที่มี อัลบาโร่ โมราต้า ผนึกคม เอแด็น อาซาร์ ปิดสกอร์ ลุ้นระทึกในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ คืนวันเสาร์ที่ 19 พ.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : ช่อง 7 HD, เวลา : 23.15 น.

ปรีวิวฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2561   

เชลซี (5, พรีเมียร์ลีก)   -   แมนฯ ยูไนเต็ด (2, พรีเมียร์ลีก)

ถ่ายทอดสด : ช่อง 7 HD, เวลา : 23.15 น.

สนาม : เวมบลีย์
อันโตนิโอ คอนเต้ กุนซือเชลซี พาทีมเข้าชิงหลังบดชนะเซาธ์แฮมป์ตัน 2-0 ในรอบตัดเชือก ก่อนแพ้นิวคาสเซิ่ล 0-3 ในเกมลีกส่งท้ายซีซั่น เป็นการแพ้นัดแรกในรอบ 5 เกม

สภาพทีมเกมนี้คอนเต้ไม่มีปัญหาอะไรเพิ่มเติม ขาดแค่ ดาวิด ลุยซ์ (เข่า) ที่เจ็บอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ไม่มีผลอะไรอยู่แล้ว
    
ที่น่าสนใจคือตำแหน่งผู้รักษาประตู เพราะในหลายรอบที่ผ่านมา เขาให้โอกาส วิลลี่ กาบาเยโร่ มาตลอด แต่เมื่อมาถึงนัดชิงแล้วก็เป็นไปได้ที่อาจเอาชัวร์ด้วยการให้ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ลงทำหน้าที่

เช่นเดียวกับแนวรุกที่ อัลบาโร่ โมราต้า มีลุ้นกลับมาออกสตาร์ตแทน โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ส่วนแกนหลักหลายรายที่เป็นแค่สำรองในเกมแพ้สาลิกาอย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์, เชส ฟาเบรกาส, มาร์กอส อลอนโซ่ และ วิลเลี่ยน ก็น่าจะคัมแบ็กทั้งหมด

 เชลซีจะลงสนามในระบบ 3-4-2-1 โดยมี ติโบต์ กูร์กตัวส์ ลงเฝ้าเสา 3 แนวรับ ได้แก่ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, แกรี่ เคฮิลล์ และ อันโตนิโอ รือดิเกอร์

แดนกลาง วิคเตอร์ โมเสส จะเดินเกมร่วมกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เชส ฟาเบรกาส และ มาร์กอส อลอนโซ่ ส่วน วิลเลี่ยน และ เอแด็น อาซาร์ จะช่วยกันปั้นเกมรุกสนับสนุน อัลบาโร่ โมราต้า หัวหอกตัวเป้า
   
ส่วน โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด พาทีมเข้าชิง หลังเบียดชนะสเปอร์ส 2-1 ในรอบตัดเชือก ก่อนเชือดวัตฟอร์ด 1-0 ในเกมลีกนัดปิดซีซั่น เป็นชัยชนะนัดแรกในรอบ 3 เกม

สภาพทีมเกมนี้ ''น้ามู'' ต้องลุ้นอาการเจ็บข้อเท้าของ โรเมลู ลูกากู แต่โอกาสฟิตกลับมาก็มีสูง หลังกลับมาซ้อมได้แล้ว แต่ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่เดี้ยงก่อนหน้านี้ อาจไม่มีชื่ออยู่ในทีม แถมเพิ่งหลุดโผทีมชาติฝรั่งเศสชุดลุยฟุตบอลโลกด้วย

 ส่วนพวกแกนหลักที่ได้พักในนัดสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็น ดาบิด เด เคอา, ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, เนมานย่า มาติช, ปอล ป็อกบา และ เจสซี่ ลินการ์ด ต่างพร้อมคัมแบ็กทั้งหมด

 แมนฯ ยูไนเต็ด จะลงสนามในระบบ 4-3-3 นายทวารได้แก่ ดาบิด เด เคอา แนวรับประกอบไปด้วย อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง และ แอชลี่ย์ ยัง

แดนกลาง อันเดร์ เอร์เรร่า เดินเกมร่วมกับ เนมานย่า มาติช และ ปอล ป็อกบา ส่วน เจสซี่ ลินการ์ด, โรเมลู ลูกากู และ อเล็กซิส ซานเชซ เป็น 3 ประสานแดนหน้า

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามตัวจริง

 เชลซี (3-4-2-1) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, แกรี่ เคฮิลล์, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ - วิคเตอร์ โมเสส, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, เชส ฟาเบรกาส, มาร์กอส อลอนโซ่ - วิลเลี่ยน, เอแด็น อาซาร์ - อัลบาโร่ โมราต้า 
    ผู้จัดการทีม : อันโตนิโอ คอนเต้

แมนฯ ยูไนเต็ด (4-3-3) : ดาบิด เด เคอา - อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง, แอชลี่ย์ ยัง - อันเดร์ เอร์เรร่า, เนมานย่า มาติช, ปอล ป็อกบา - เจสซี่ ลินการ์ด, โรเมลู ลูกากู, อเล็กซิส ซานเชซ 
    ผู้จัดการทีม : โชเซ่ มูรินโญ่

ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์

ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
- เชลซี ชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด 6 จาก 7 เกมเหย้าหลังทุกรายการ ซึ่งเกมนี้พวกเขาได้สิทธิ์เจ้าบ้านแม้เล่นสนามเป็นกลางก็ตาม
- เชลซีไม่เสียประตู 5 จาก 7 เกมเหลังสุดในทุกรายการที่พบแมนฯ ยูไนเต็ด
- เชลซีไร้พ่ายตลอด 6 เกมเอฟเอ คัพ หลังสุดตั้งแต่แพ้อาร์เซน่อล 1-2 นัดชิงเอฟเอ คัพ ซีซั่นที่แล้ว
- แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะเกมเอฟเอ คัพ 5 นัดติดต่อกันตั้งแต่แพ้เชลซี 0-1 รอบก่อนรองชนะเลิศซีซั่นก่อน ซึ่ง อันเดร์ เอร์เรร่า โดนใบเหลือง-แดง ไล่ออกตั้งแต่นาที 35 จากประตูโทน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ นาที 51 เมื่อ 14 มีนาคม ปีก่อน
-  แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้หนเดียว (แพ้เชลซี) จาก 16 เกมเอฟเอ คัพ หลังสุด (ชนะ 13 ชนะต่อเวลา 1 เสมอ 1)
- แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงอย่างน้อย 8 จาก 9 เกมเอฟเอ คัพ หลังสุด
- ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ผู้ตัดสินนัดชิงดำเอฟเอ คัพ ซีซั่นนี้คือคนเดียวกับที่ลงทำหน้าที่เกมเชลซีเชือดแมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ ฤดูกาลที่แล้ว
- นี่คือการเข้าชิงเอฟเอ คัพ ครั้งที่ 20 ของแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นสถิติร่วมกับอาร์เซน่อล
- มีเพียงอาร์เซน่อล (13) ที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มากกว่าแมนฯ ยูไนเต็ด 12)
- นี่คือการเข้าชิงเอฟเอ คัพ ครั้งที่ 13 ของเชลซี ถ้าพวกเขาอกหักอีกครั้งจะเป็นทีมแรกที่แพ้นัดชิง 2 ปีติดต่อกันนับจากนิวคาสเซิ่ล ปี 1998 กับ 1999
- นี่คือการเจอกันในนัดชิงเอฟเอ คัพ ครั้งที่ 3 ของคู่นี้เป็นสถิติเจอกันมากสุดร่วม (อาร์เซน่อล - ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล - นิวคาสเซิ่ล และแอสตัน วิลล่า - เวสต์บรอมวิช)
- หนแรกยูไนเต็ดถล่ม 4-0 ปี 1994 ซึ่งคว้าแชมป์ลีกหนแรกรอบ 26 ปี กลายเป็นดับเบิลแชมป์ปีนั้น และอีกครั้งเชลซีเชือด 1-0 เมื่อปี 2007 นัดชิงปีแรกสุดที่ย้ายกลับมาเล่นเวมบลีย์โฉมใหม่
- สถิติเจอกันในเอฟเอ คัพ ทุกรอบ เชลซีไม่แพ้แมนฯ ยูไนเต็ด ใน 4 เกมหลังสุด (ชนะ 3 เสมอ 1) ตั้งแต่แพ้ 0-2 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดแข่งใหม่ ซีซั่น 1998/99
- สถิติเจอกันทุกถ้วย แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ เชลซี 2 จาก 3 นัดหลังสุด (แพ้ 1) เป็นสถิติดีขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับ 14 นัดก่อนหน้า (ชนะ 1 เสมอ 6 แพ้ 7)
- นี่คือการเจอกันครั้งที่ 8 ของคู่นี้ที่เวมบลีย์เป็นคู่เจอกันบ่อยสุดที่นี่ในทุกถ้วย (เชลซี ชนะในเวลา 2, ชนะจุดโทษ 1, แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะในเวลา 2, ชนะจุดโทษ 2)
- แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เคยเสียประตูมากกว่านัดละ 1 ลูก ใน 16 เกมเอฟเอ คัพ หลังสุด และเก็บคลีนชีตรวม 8 นัด
- แมนฯ ยูไนเต็ด เสียประตูเดียวใน 5 เกมเอฟเอ คัพ ซีซั่นนี้ คือเจอสเปอร์ส รอบตัดเชือก (ชนะ 2-1, เดเล่ อัลลี่) ยิงได้ 12 ลูก
- เชลซีเสีย 2 ประตู ในเอฟเอ คัพ ซีซั่นนี้ (นอริช รอบสาม และเลสเตอร์ รอบก่อนรองชนะเลิศ) ยิงได้ 12 ลูก
- โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เคยคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ กับเชลซี ปี 2007 และแมนฯ ยูไนเต็ด ปี 2016 เป็นผู้จัดการทีมรายที่ 3 เท่านั้นที่คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ กับ 2 สโมสร (เฮอร์เบิร์ต แชพแมน (ฮัดเดอร์สฟิลด์ - อาร์เซน่อล) กับ บิลลี่ วอล์คเกอร์ (เชฟฯ เว้นส์เดย์ - ฟอเรสต์)
- โชเซ่ มูรินโญ่ ชนะ 12 จาก 14 เกมนัดชิงบอลถ้วยทั้งภายในและสโมสรยุโรปในฐานะกุนซือ (ยกเว้นเกมซูเปอร์ คัพ) ที่สำคัญชนะรวดทั้ง 6 นัด ในฐานะโค้ชสโมสรผู้ดี (4 ลีก คัพ, 1 เอฟเอ คัพ, 1 ยูโรปา ลีก)
- อันโตนิโอ คอนเต้ ไม่ต้องการเป็นกุนซือคนแรกที่แพ้นัดชิงเอฟเอ คัพ 2 ครั้งติดต่อกันนับจาก ฮาวเวิร์ด เคนดัลล์ ปี 1985 กับ 1986
- อันโตนิโอ คอนเต้ แพ้ทั้ง 2 นัดชิงบอลถ้วยภายในในฐานะกุนซือ (ยูเวนตุส แพ้ นาโปลี โคปปา อิตาเลีย ปี 2012 และเชลซี แพ้ อาร์เซน่อล เอฟเอ คัพ ปีที่แล้ว)
- อเล็กซิส ซานเชซ ยิง 1 ประตู ช่วยอาร์เซน่อลดับเชลซีนัดชิงเอฟเอ คัพ ปีก่อน หวังเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงประตูนัดชิงเอฟเอ คัพ 2 ปีติดต่อกันกับสองสโมสร
- อเล็กซิส ซานเชซ กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ต่างยิงประตูในนัดชิงปี 2015 มีลุ้นเป็นคนที่ 3 และ/หรือ 4 ที่ยิงประตูให้ 2 สโมสรในนัดชิงเอฟเอ คัพ หลังยุคสงครามโลกถัดจาก แฟร้งค์ สเตเปิลตัน (อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด) และ เอียน ไรท์ (คริสตัล พาเลซ กับ อาร์เซน่อล)
- อเล็กซิส ซานเชซ กับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ จะเป็นผู้เล่นที่เข้าชิงเอฟเอ คัพ 2 ปีติดต่อกันกับ 2 สโมสรนับตั้งแต่ ไบรอัน ทัลบ็อต (อิปสวิช 1978 และ อาร์เซน่อล 1979)
- อเล็กซิส ซานเชซ ยิง 8 ประตู จาก 8 เกมที่เวมบลีย์ทั้งสโมสรและทีมชาติ รวมถึง 6 ประตู จาก 5 เกมเอฟเอ คัพ ที่นี่
- โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ มีส่วนร่ม 22 ประตู จาก 26 เกมเอฟเอ คัพ (15 ประตู 7 แอสซิสต์) มากกว่านักเตะทุกคนตั้งแต่เจ้าตัวลงเล่นเอฟเอ คัพ จนถึงตอนนี้
- โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ไม่ยิงก็จ่ายใน 3 เกมเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ (แอสซิสต์ประตูชัยปี 2014 กับ 2017 และยิงประตูในฐานะตัวสำรองปี 2015)
- โรเมลู ลูกากู ยิง 12 ประตู จาก 12 เกมเอฟเอ คัพ รวมถึง 5 จาก 5 นัดในสีเสื้อแมนฯ ยูไนเต็ด