เกมอุ่นเครื่องระดับ 5 ดาวที่เล่นกันได้สนุกตื่นเต้น ก่อนที่ฝั่งเจ้าถิ่น "ตราไก่" ฝรั่งเศส จะเฉียบขาดกว่าไล่ถลุง อิตาลี สุดมันส์ 3-1 ในแมตช์กระชับมิตร เตรียมความพร้อมก่อนสู้ศึกฟุตบอลโลก 2018 เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอลแมตช์กระชับมิตร
วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561
ฝรั่งเศส 3 - อิตาลี 1

สนาม : อัลลิอันซ์ ริเวียร่า (นีซ, ฝรั่งเศส)

    ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เซเล็กซิยอนเนอร์ทีมชาติฝรั่งเศส ลงลับแข้งเปิดบ้านพบกับ อิตาลี โดยเกมนี้เปลี่ยนผู้เล่นจากเกมเอาชนะ ไอร์แลนด์ 2-0 ถึง 7 ตำแหน่ง อูโก้ โยริส นายด่านกัปตันทีมกลับมาเฝ้าเสา แบ็กซ้าย-ขวาเป็น ลูกัส แอร์กน็องเดซ และแบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ จากสตุ๊ดการ์ท ส่วนแดนกลาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และปอล ป็อกบา ยืนกลาง ส่วนแนวรุก อองตวน กรีซมันน์ และอุสมาน เด็มเบเล่ ได้ลงล่าตาข่ายร่วมกับ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ลงสนามติดต่อกันเป็นเกมที่สอง

    ขณะที่ฝั่ง โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีมชาติอิตาลีคนใหม่ แนวรุกยังวางใจ มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่ซัดประตูได้ในเกมล่าสุดที่เฉือนเอาชนะ ซาอุดิอาระเบีย 2-1 หลังคัมแบ็กกลับมาติดธงอีกหน เกมนี้ได้ออกสตาร์ทตัวจริงร่วมกับ โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ จากซาสซูโอโล่ และเฟเดริโก้ เคียซ่า ส่วนแดนกลาง จอร์จินโญ่ ปั้นเกมร่วมกับ ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ และโรลันโด้ แมนดราโกร่า ห้องเครื่องจากสโมสรโครโตเน่

    แค่ 8 นาทีแรก เจ้าถิ่น "ตราไก่" ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ เปิดบอลจากด้านขวาไปเสาสองให้ เอ็มปั๊ปเป้ กระโดดยิงไปติดขา ซิริกู ก่อนที่ อุมติตี้ จะวิ่งเบียดโบนุชชี่ตามซ้ำเข้าไปไม่เหลือ

    นาที 15 ก็องเต้ ไปเสียฟาวล์กลางประตู บาโลเตลลี่ ตั้งป้อมวิ่งมาซัดฟรีคิกแต่บอลไปติดกำแพง ถัดมาไม่ถึงสองนาที บาโลเตลลี่ พาบอลขึ้นมาเองก่อนตัดสินใจซัดบอลเหินคานออกไป

    เกมแลกกันสนุก นาที 20 เจ้าถิ่นหวิดได้เฮอีกรอบ คราวนี้ ก็องเต้ ได้บอลกว่า 25 หลาก่อนกดด้วยขวาติดไซด์ก้อยบอลพุ่งไปชนเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

    เจ้าถิ่นยังโหมบุกต่อเนื่อง แค่นาทีเดียวต่อมา กรีซมันน์ กระชากขึ้นมาในแดนของอัซซูรี่ ก่อนแทงทะลุให้ เอ็มปั๊ปเป้ กระชากหนี โบนุชชี่ เข้าไปซัดติดขาของ ซิริกู

    นาที 26 ปาวาร์ โดนผู้เล่นอิตาลีเข้าหนัก แต่บอลยังไปถึง เด็มเบเล่ ปาดเลียดเข้ากลางให้ เอ็มปั๊ปเป้ ที่ยืนที่กลางประตูคนเดียวก่อนจะปั่นโค้งๆ แต่บอลถากเสาหลุดกรอบไปแบบได้เสียว

    นาที 29 แฟนตราไก่ได้เฮกันลั่น เมื่อ แอนโธนี่ เทย์เลอร์ เชิ้ตดำชาวผู้ดีเป่าให้เจ้าถิ่นได้จุดโทษ หลัง แมนดราโกร่า ไปตัดฟาวล์ใส่ แอร์กน็องเดซข้างหลัง และเป็น อองตวน กรีซมันน์ ที่สังหารเข้าไปให้ ฝรั่งเศส นำห่าง 2-0

    นาที 36 บาโลเตลลี่ เรียกฟรีคิกได้บนเส้นกรอบ 18 หลา ก่อนที่ดาวยิงจาก นีซ ที่คุ้นกับสนามนี้เป็นอย่างดี จะซัดฟรีคิกผ่านกำแพง ไปตรง โยริส ที่ยืนดักไว้แล้วแต่นายด่านจากสเปอร์สรับไม่อยู่บอลหลุดมือมาเข้าทางปืน โบนุชชี่ ตามซ้ำเข้าไปให้ อิตาลี ไล่เจ้าถิ่นมาเป็น 1-2

    จบครึ่งแรก ฝรั่งเศส ขึ้นนำ อิตาลี 2-1   

    มาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง แค่นาทีแรกเท่านั้น อิตาลี เกือบได้ลุ้นตีเสมอ บาโลเตลลี่ หลุดเข้าไปซัดแต่บอลไปติดขา โยริส นาทีถัดมาเจ้าถิ่นโต้คืนมาบ้าง อุสมาน เด็มเบเล่ กระชากตัดเข้ากลางก่อนซัดด้วยขวาเต็มแรงไปชนคานอย่างจังออกหลังไป

    นาที 63 แนวรับของอัซซูรี่ต้องพลาดอีกจนได้ เมื่อ เอ็มปั๊ปเป้ ทะลุขึ้นมาก่อนโดน ดัมโบรซิโอ สกัดบอลไม่ขาดมาเข้าทาง เด็มเบเล่ วิ่งมาปั่นโค้งด้วยขวาบอลลอยโด่งเลี้ยวเสียบมุมอย่างสวยงามเป็นประตูให้ เจ้าถิ่น หนีห่างอิตาลี 3-1

    นาที 75 ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ที่เพิ่งลงมาเป็นสำรองจ่ายตัดแนวรับเจ้าถิ่น มาถึง บาโลเตลลี่ จับด้วยซ้ายก่อนจิ้มฉีดยาเสาแรกบอลเหินคานไป

    ท้ายเกม นาที 85 ทัพตราไก่น่าจะได้เพิ่มเป็นลูกที่สี่ มาตุยดี้ ตัวสำรองสปีดไปเก็บบอลก่อนจะครอสมาให้ โตแว็ง ตัวสำรองเช่นกันวิ่งมาซัดแต่บอลไปติดมือ ซิริกู ปัดออกหลังไปได้

    ช่วงเวลาที่เหลือ ไม่มีประตูเพิ่มเติม จบเกม ฝรั่งเศส ลับแข้งเอาชนะ อิตาลี แบบสนุก 3-1 เก็บชัยชนะได้อีกเกม โดยโปรแกรมหน้า "ตราไก่" จะมีคิวอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายพบกับ สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 9 มิ.ย. นี้ ก่อนบินไปทำศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายที่รัสเซีย ส่วน อิตาลี จะบินกลับบ้านเพื่อเล่นเกมลับแข้งกับ ฮอลแลนด์ ในวันจันทร์ที่ 4 มิ.ย.นี้

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

    ฝรั่งเศส (4-3-3) : อูโก้ โยริส (กัปตันทีม) - แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์, อาดิล รามี่, ซามูแอล อุมติตี้, ลูกัส แอร์กน็องเดซ - โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ปอล ป็อกบา - คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, อองตวน กรีซมันน์, อุสมาน เด็มเบเล่

    อิตาลี (4-3-3) : ซัลวาตอเร ซิริกู - ดานิโล่ ดัมโบรซิโอ, มัตเตีย คัลดาร่า, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, มัตเตีย เด ชีโย่ - ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่, จอร์จินโญ่, โรลันโด้ แมนดราโกร่า - เฟเดริโก้ เคียซ่า, มาริโอ บาโลเตลลี่, โดเมนิโก้ เบราร์ดี้

    ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์ (อังกฤษ)