นับถอยหลังอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้นก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้าแล้ว เรามาดูกันว่าแต่ละสายใครจะมีโอกาสเข้ารอบถัดไป ใครจะต้องเก็บกระเป๋ากันตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม เรามาวิเคราะห์กันแบบเจาะลึก วันนี้เริ่มกันที่ 4 ทีมจากกลุ่มเอกันก่อนเลย

1.รัสเซีย

“หมีขาว” รัสเซีย เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ เทรนเนอร์วัย 54 หวังจะสร้างความประทับใจให้คนในประเทศเสียที หลังจากที่ผิดหวังมาทั้งฟุตบอลโลก 2014 และฟุตบอลยูโร 2016 ที่ตกรอบแบ่งกลุ่มทั้งสองทัวร์นาเม้นต์ แต่ช่วงอุ่นเครื่องที่ผ่านมา 6 นัดล่าสุดยังไม่สามารถชนะใครได้เลย แพ้ถึง 4 นัดและเสมออีก 2 นัดฟอร์มดูจะย่ำแย่ซะเหลือเกิน โชคดีที่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจับมาอยู่ในสายที่ไม่หนักเท่าที่ควร

โอกาสเข้ารอบ 16 ทีมยังเปิดกว้างสำหรับเจ้าภาพ  ถ้านัดเปิดสนามสามารถชนะซาอุดิอาระเบียได้ ความมั่นใจน่าจะมีมากขึ้น แม้จะต้องเจอทีมใหญ่อย่างอุรุกวัยที่คาดว่าจะจองที่ 1 แน่ๆในกลุ่มก็ตาม แต่ถ้าสามาถเก็บอีกสองทีมที่เหลือได้ซึ่งพวกเขาดูมีภาษีเหนือกว่า โอกาสเข้ารอบมีสูง

โอกาสเข้ารอบ : 50%

คีย์แมน : อลัน ซาโกเยฟ กองกลางวัย 27 ปี จากซีเอสเคเอ มอสโก จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนเกมรุกของทีม แม้ฟอร์มจะไม่ได้โดนเด่นเหมือนช่วงเป็นดาวรุ่ง แต่มักจะมีทีเด็ดเสมอ รับใช้ทีมชาติมาทั้งหมด 57 นัดยิงไป 9 ประตู

อีกอร์ อคินเฟเยฟ ผู้รักษาประตูวัย 32 ปีของหมีขาว รับใช้ชาติมามากกว่า 100 นัด แม้ฟอร์มช่วงหลังจะผิดพลาดค่อนข้างเยอะ แต่เขายังเป็นศูนย์รวมของทีมอยู่เสมอ และจะรับหน้าที่เป็นกัปตันทีม ในฟุตบอลโลกครั้งนี้

2.ซาอุดิอาระเบีย

หนึ่งในตัวแทนจากเอเชีย จบอันดับสองตามหลังญี่ปุ่นในรอบคัดเลือก ซาอุผ่านเข้ามาฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 5 แต่ต้องแลกด้วยการปลดเทรนเนอร์ไปถึง 2 คน ฮวน อันโตนิโอ ปิซซี่ อดีตเทรนเนอร์ชิลีเข้ามารับหน้าที่แทน เอ็ดการ์โด้ เบาซ่า ในช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และหวังจะสร้างเซอร์ไพรส์เข้ารอบให้ได้ หลังจากเคยทำได้ดีที่สุดคือรอบ 16 ทีมตั้งแต่ปี 1994 ไม่ว่าจะอยู่สายไหนก็เหมือนจะเป็นงานหินของซาอุ แม้จะถูกมองว่าเป็นเต็งบ๊วยในสายแต่เชื่อว่าพอมีหวังในการเก็บแต้มจากรัสเซียและอียิปต์ได้ พวกเขาคงต้องอาศัยเกมรุกซึ่งเป็นหนึ่งจุดเด่นตั้งแต่รอบคัดเลือกในการสู้กับอีกสองทีม

โอกาสเข้ารอบ : 25%

คีย์แมน: โมฮาเหม็ด อัล-ซาห์ลาวี  หัวหอกวัย 30 ปี รับใข้ชาติมากำลังจะครบ 40 นัด ซัดประตูไปในรอบคัดเลือกที่ผ่านมาถึง 16 ประตู

3.อียิปต์

หลังจากห่างหายไปอย่างยาวนาน อียิปต์ประกาศศักดากลับมาฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เป็นหนที่ 3 และนี่เป็นการผ่านเข้ามาฟุตบอลโลกครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990  ในรอบคัดเลือกทีมมัมมี่เป็นที่หนึ่งของสาย E โดยแพ้แค่นัดเดียว น่าสนใจว่าพวกเขายังไม่เคยได้สัมผัสชัยชนะในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งครั้งนี้เมื่อจับมาอยู่ในสายที่ไม่หนักเท่าที่ควร พวกเขาจึงถูกมองว่ามีโอกาสที่จะเก็บแต้มได้จากหลายๆทีมและมีลุ้นเข้ารอบ 16 ทีมอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการมีซาลาห์ ที่น่าจะเป็นทีเด็ดในเกมรุกของพวกเขา เอคตอร์ คูเปร์ กุนซือทีมชาติอียิปต์หวังจะได้สัมผัสชัยชนะในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกให้ได้

โอกาสเข้ารอบ :  40%

คีย์แมน : เจ้าชายแห่งอียิปต์ โมฮาเหม็ด ซาลาห์  เป็นคีย์แมนยิง 5 ประตูจาก 6 นัด ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นจุดโทษสำคัญพาทีมเข้าไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย น่าเป็นห่วงว่าอาการบาดเจ็บจะทำให้เขาฟิตทันในนัดแรกหรือไม่ แต่เชื่อว่าเมื่อเขาลงสนามเกมรุกอียิปต์จะเหมือนได้ตีบวกเพิ่มขึ้นมาโดยทันที

4.อุรุกวัย

ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมจบอันดับสองตามหลังบราซิลในรอบคัดเลือก ผ่านเข้ามาฟุตบอลโลกแบบสบายๆ แถมยิงได้มากที่สุดเป็นอันดับสองของโซนอเมริกาใต้อีกต่างหาก ทำให้พวกเขาถูกยกให้เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งของกลุ่ม A ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ จะเป็นเทรนเนอร์ที่คุมทีมชาตินานที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้ หลังจากคุมทัพมาตั้งแต่ปี 2006 แชมป์ฟุตบอลโลกสองสมัยสร้างชื่อเสียงในทั้งแง่บวกและแง่ลบในฟุตบอลโลกสองครั้งที่ผ่านมา มาคราวนี้จับมาอยู่ในสายเบา ถ้าไม่มีการพลิกโผอะไรพวกเขาน่าจะเก็บ 9 แต้มเต็มและผ่านเข้ารอบ 16 ทีม ได้ไม่ยาก และมีลุ้นเข้ารอบลึกๆแน่นอน

โอกาสเข้ารอบ :  70%

คีย์แมน : เอดิสัน คาวานี่ และหลุยส์ ซัวเรซ สองแนวรุกคู่หูของทีมจอมโหด ซัดรวมกัน 15 ประตูในรอบคัดเลือก โดยหัวหอกเปแอสเชที่เหมาคนเดียว 10 ประตู คาดว่าเกมรุกไม่เป็นสองรองใครทีมในยุโรปแน่นอน