"แชมป์เก่า" เยอรมัน คว้าสามแต้มแรกในเวิลด์ คัพหนนี้ได้สำเร็จ หลังโดนทัพไวกิ้งยิงขึ้นนำ ก่อนที่ครึ่งหลังแข้งอินทรีเหล็กจะเล่นถวายหัวรัวสองประตูจาก มาร์โค รอยส์ ก่อนที่จะมาเฮในช่วงทดเวลาเจ็บจากประตูชัยของ โทนี่ โครส ที่ตะบันฟรีคิกสุดงามเป็นประตูชัยให้ทีมเก็บชัยชนะ เพิ่มโอกาสในการลุ้นเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย เมื่อคืนวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ฟุตบอลโลก 2018 (รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ นัดสอง)
วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2561
เยอรมนี 2 - สวีเดน 1

สนาม : ฟิชท์ โอลิมปิค สเตเดี้ยม, โซชิ, ประเทศรัสเซีย

     เยอรมนี มีการปรับทัพโดยดร็อป เมซุต โอซิล เป็นตัวสำรอง ขณะที่ มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ มีปัญหาบาดเจ็บที่คอ ส่วน สวีเดน มีการปรับนิดหน่อยจากเกมแรกที่ชนะ เกาหลีใต้ 1-0

    เริ่มเกมมาแชมป์เก่าเปิดเกมรุกใส่ทันที และมีลุ้นตั้งแต่นาทีที่ 3 จากการยิงของ ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ ที่ยิงไปติดบล็อก เซบาสเตียน ลาร์สสัน

    ยังคงเป็น "อินทรีเหล็ก" ที่บุกอย่างต่อเนื่อง และได้เสียวในนาทีที่ 9 จากจังหวะที่ ดรักซ์เลอร์ ลุยเข้ามาตบบอลเข้ากลาง แต่ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ปราการหลังสวีเดน สกัดทิ้งไปได้

    อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 15 กลายเป็น สวีเดน ที่ได้โอกาสทองจากการหลุดเข้าไปยิงของ มาร์คุส เบิร์ก แต่บอลไปติดตัว มานูเอล นอยเออร์ นายทวารเยอรมนี ที่ออกมาขวาง ซึ่งจังหวะนี้ดูเหมือนว่า เบิร์ก โดน เยโรม บัวเต็ง ทำฟาวล์ แต่ผู้ตัดสินเลือกที่จะไม่ใช้ วีเออาร์

    นาทีที่ 25 เกมต้องหยุดลงชั่วครู่ เนื่องจาก เซบาสเตียน รูดี้ มีเลือดกำเดาไหล หลังไปโดนเท้าของ โอล่า ตอยโวเน่น จนเจ้าตัวต้องออกไปรับการปฐมพยาบาลข้างสนาม และสุดท้ายต้องถูกเปลี่ยนตัวออก โดยเป็น อิลคาย กุนโดกัน ที่ลงเล่นแทนในนาทีที่ 30
   
    เกมของ สวีเดน ดีขึ้นเรื่อยๆ และก็สร้างเซอร์ไพรส์ขึ้นนำก่อน 1-0 ในนาทีที่ 32 จากจังหวะที่ วิคตอร์ คลาสสัน เปิดบอลสุดแม่นให้ ตอยโวเน่น พักบอลลงก่อนยิงข้ามตัว นอยเออร์ เข้าไป

    นาทีที่ 40 เยอรมนี เกือบได้ประตูตีเสมอ จากการยิงแฉลบของ กุนโดกัน แต่ โรบิน โอลเซ่น เซฟเอาไว้ได้ ก่อนบอลมาโดนตัว โธมัส มุลเลอร์ และก็เป็น โอลเซ่น ที่ป้องกันได้อีกครั้ง

    นาทีสุดท้ายครึ่งแรก เยอรมนี ได้เสียวอีกครั้ง จากการยิงลักไก่ของ บัวเต็ง ที่บอลเฉียบเสาออกไปนิดเดียว ช่วงทดเวลาบาดเจ็บกลายเป็น สวีเดน ที่เกือบเพิ่มสกอร์ได้จากการโขกของ มาร์คุส เบิร์ก แต่ นอยเออร์ โชว์ซูเปอร์เซฟปัดออกไปได้ ก่อนจบ 45 นาทีแรก ด้วยการที่ สวีเดน นำ เยอรมนี 1-0
   
    เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่ 3 นาที เยอรมนี ตีเสมอ 1-1 สำเร็จ จากจังหวะที่ ติโม แวร์เนอร์ ตัดบอลเข้ากลางให้ มาร์โค รอยส์ ตีเข่าส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย

    เยอรมนี บี้ต่อเนื่อง และนาทีที่ 53 เกือบได้ประตูพลิกนำจากลูกเปิดฟรีคิกของ โทนี่ โครส และเป็น มุลเลอร์ ที่โขกบอลเฉียดเสาออกไปนิดเดียว  
   
    นาทีที่ 57 "อินทรีเหล็ก" ได้ลุ้นอีกครั้งจาก โยนาส เฮคเตอร์ ที่ได้ยิงจากระยะเพียงไม่กี่หลา แต่เบาไปจน โอลเซ่น ป้องกันไว้ได้แบบสบายๆ หลังจากนั้นไม่กี่นาทีพวกเขาได้เสียวอีกครั้ง จากจังหวะที่ โยชัว คิมมิช ปาดบอลเข้ากลาง แต่ รอยส์ พยายามยิงแบบไขว้ขาแต่ไม่โดนบอล
   
    เกมผ่านไปราวชั่วโมงยังคงเป็น เยอรมนี ที่บุกฝ่ายเดียว แต่ความพยายามยังไม่เป็นผล และนาทีที่ 81 ทีมแชมป์โลก 4 สมัย มีโอกาสอีกครั้ง แต่ลูกยิงของ แวร์เนอร์ ข้ามคานออกหลังไป

    นาทีที่ 82 เยอรมนี ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน หลัง บัวเต็ง ถูกไล่ออกจากการได้รับใบเหลืองที่สอง หลังไปทำฟาวล์ใส่ เบิร์ก

    นาทีที่ 88 เยอรมนี มีโอกาสสุดงามที่จะได้ประตูพลิกนำ จากการโขกเต็มๆ ของ มาริโอ โกเมซ แต่ โอลเซ่น ยังคงทำได้เยี่ยม ปัดข้ามคานออกไป และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บพวกเขามีโอกาสทองอีกครั้ง เมื่อ ยูเลี่ยน บรันด์ท ได้ยิงสุดแรง แต่บอลดันไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย
   
    และแล้วช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย เยอรมนี มาได้ประตูพลิกขึ้นนำ 2-1 จากการยิงฟรีคิกสุดสวยจากฝั่งซ้ายของ โทนี่ โครส และจบเกม "อินทรีเหล็ก" พลิกคว้าชัยสุดระทึก 2-1 มีโอกาสเข้ารอบต่อไป

    รายชื่อผู้ล่นตัวจริง

    เยอรมนี (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ (กัปตันทีม) - โยชัว คิมมิช, เยโรม บัวเต็ง, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, โยนาส เฮคเตอร์ - โทนี่ โครส, เซบาสเตียน รูดี้ - มาร์โค รอยส์, โธมัส มุลเลอร์, ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ - ติโม แวร์เนอร์

    เทรนเนอร์ : โยอาคิม เลิฟ

    สวีเดน (4-4-2) : โรบิน โอลเซ่น - มิคาเอล ลุสติก, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, อันเดรียส กรานควิสต์ (กัปตันทีม), ลุดวิก ออกุสตินส์สัน - วิคตอร์ คลาสสัน, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, อัลบิน เอ็คดาล, เอมิล ฟอร์สเบิร์ก - โอล่า ตอยโวเน่น, มาร์คุส เบิร์ก

    เทรนเนอร์ : ยานเน่ อันเดอร์สสัน