โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ เทรนเนอร์ทีมชาติ "เบลเยียม" พาทีมคว้าชัย 5 นัดติดพร้อมเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มจี เกมนี้พร้อมจัดทัพแบบเต็มสูบอีกครั้งนำโดย โรเมลู ลูกากู และ เอแด็น อาซาร์ ทางด้าน ทีมชาติ "ญี่ปุ่น" ของกุนซือ อากิระ นิชิโนะ เข้ารอบมาแบบหวุดหวิด สภาพทีมไม่มีปัญหามี ยูยะ โอซาโกะ นำลุยเช่นเคย ในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2018 วันจันทร์ที่ 2 ก.ค. นี้ (เวลา : 01.00)
ปรีวิวฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2018
รอบ 16 ทีมสุดท้าย
วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2561
เบลเยียม - ญี่ปุ่น
ถ่ายทอดสดเวลา : (เวลา : 01.00) : True Sport HD3,TV5
สนาม :  รอสตอฟ อารีน่า, รอสตอฟ-นา-โดนู, ประเทศรัสเซีย (สนามกลาง)

    โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ เทรนเนอร์ชาวสแปนิชของทีมชาติเบลเยียม พาทีมเบียดชนะอังกฤษ 1-0 ในนัดสุดท้ายรอบแรก เป็นการคว้าชัย 5 นัดติด พร้อมเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม จี  

    สภาพทีมเกมนี้ ''มาร์ตี้'' มั่นใจว่า เอแด็น อาซาร์ และ โรเมลู ลูกากู 2 แนวรุกตัวหลักที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเล็กน้อย จะฟิตพร้อมช่วยทีมได้ตามปกติ 

    ส่วนพวกแกนหลักรายอื่นๆ ที่ได้พัก ไม่ว่าจะเป็น โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ยาน แฟร์ต็องเก้น, เควิน เดอ บรอยน์, อักเซล วิตเซล และ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ ต่างพร้อมคัมแบ็กทั้งหมด

    แต่ในรายของแฟร์ต็องเก้น, เดอ บรอยน์, โธมัส เมอนิเย่ร์ และ เลอันเดร์ เดนดองเคอร์ ต้องระวังตัว เพราะติดคาดโทษใบเหลือง
 
    เบลเยียมจะลงสนามในระบบ 3-4-2-1 โดยมี ติโบต์ กูร์กตัวส์ ลงเฝ้าเสา แนวรับประกอบไปด้วย โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เดดริค โบยาต้า และ แยน แฟร์ต็องเก้น

    แดนกลางโธมัส เมอนิเย่ร์ จะเดินเกมร่วมกับ เควิน เดอ บรอยน์, อักเซล วิตเซล และ ยานนิค แฟร์เรยร่า การ์ราสโก้ ส่วน เอแด็น อาซาร์ และ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ จะช่วยกันทำเกมรุกสนับสนุน โรเมลู ลูกากู หัวหอกตัวเป้า

    ฝั่ง อากิระ นิชิโนะ เทรนเนอร์ทีมชาติญี่ปุ่น พาทีมแพ้โปแลนด์ 0-1 ในเกมส่งท้ายรอบแรก เป็นการแพ้นัดแรกในรอบ 4 เกม แต่ยังได้เข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม เอช

    การจัดทัพเกมนี้ มีการเปลี่ยนแปลงแน่ บรรดาตัวหลักที่ได้พักในเกมแพ้โปล ไม่ว่าจะเป็น ชินจิ คางาวะ, ทากาชิ อินูอิ, ยูยะ โอซาโกะ และ มาโกโตะ ฮาซาเบะ ต่างพร้อมรีเทิร์น

    ทว่าในรายของ ฮาเซเบะ, อินูอิ, เอจิ คาวาชิมะ และ โทโมอากิ มากิโนะ ต้องระวังตัว เพราะติดคาดโทษใบเหลืองอยู่

    ญี่ปุ่นจะลงสนามในระบบ 4-2-3-1 ผู้รักษาประตูได้แก่ เอจิ คาวาชิมะ แนวรับประกอบไปด้วย โงโตกุ ซากาอิ, เก็น โชจิ, มายะ โยชิดะ และ ยูโตะ นางาโตโมะ

    แดนกลาง มาโกโตะ ฮาซาเบ ะจะคุมเกมร่วมกับ งาคุ ชิบาซากิ ส่วน เกงกิ ฮารางูจิ, ชินจิ คางาวะ และ ทาคาชิ อินูอิ จะปั้นเกมรุกสนับสนุน ยูยะ โอซาโกะ หัวหอกตัวเป้า

 รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม   

    เบลเยียม (3-4-2-1) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เดดริค โบยาต้า, แยน แฟร์ต็องเก้น - โธมัส เมอนิเย่ร์, เควิน เดอ บรอยน์, อักเซล วิตเซล, ยานนิค แฟร์เรยร่า การ์ราสโก้ - เอแด็น อาซาร์, ดรีส์ เมอร์เท่นส์ - โรเมลู ลูกากู
     
เทรนเนอร์ : โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ   
 
    ญี่ปุ่น (4-2-3-1) : เอจิ คาวาชิมะ - โงโตกุ ซากาอิ, เก็น โชจิ, มายะ โยชิดะ, ยูโตะ นางาโตโมะ - มาโกโตะ ฮาซาเบะ, งาคุ ชิบาซากิ - เกงกิ ฮารางูจิ, ชินจิ คางาวะ, ทาคาชิ อินูอิ - ยูยะ โอซาโกะ 

เทรนเนอร์ : อากิระ นิชิโนะ 

    ผู้ตัดสิน : มาลังก์ ดายฌิอู (เซเนกัล)

ข้อมูลที่น่าสนใจก่อนเกม

- ทั้งสองทีมเคยเจอกัน 5 ครั้ง ปรากฏว่าญี่ปุ่นสถิติดีกว่า ที่ผลงานชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1

- หนเดียวที่สองชาติเคยปะทะกันในศึกฟุตบอลโลกต้องย้อนกลับไปปี 2002 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วม ผลคือการเสมอกันดุเดือด 2-2

- มีสกอร์รวมเกิน 2.5 ประตูเกิดขึ้น 3 จาก 4 ครั้งหลังสุดที่ทั้งสองทีมพบกัน

- เป็นเวลา 22 เกมติดต่อกันเข้าไปแล้วที่เบลเยียมไม่เคยแพ้ใคร สถิติอยู่ที่ชนะ 17 เสมอ 5

- หนสุดท้ายที่เบลเยียมแพ้ต้องย้อนกลับไปถึงเดือนกันยายน 2016 เกมอุ่นเครื่องที่ถูกสเปนสอย 2-0

- มีสกอร์รวมเกิน 2.5 ลูกเกิดขึ้นตลอด 4 จาก 5 เกมหลังสุดที่เบลเยียมลงสนาม

- ญี่ปุ่นเสมอคู่แข่งแค่ 2 จาก 13 นัดหลังสุดรวมทุกรายการ ที่เหลือชนะ 4 แพ้ 7

- มีสกอร์รวมทะลุ 2.5 ลูกเกิดขึ้นตลอด 3 จาก 4 เกมหลังสุดที่ทีมซามูไรลงสนาม