ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » เบลเยียมโคตรดราม่าโดนญี่ปุ่นนำ2ตุง สองตัวสำรองช่วยพลิกนรกทะลุ8ทีม

เบลเยียมโคตรดราม่าโดนญี่ปุ่นนำ2ตุง สองตัวสำรองช่วยพลิกนรกทะลุ8ทีม

Posted 03/07/2018 by siamsport

นาเซอร์ ชาดลี่ และ มารูยาน เฟลไลนี่ สองตัวสำรองสวมบทซูเปอร์ฮีโร่ช่วย เบลเยียม พลิกนรกเอาชนะ ญี่ปุ่น 3-2 หลังจากที่ตามหลังทัพ "ซามูไร" 0-2 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยประตูชัยในแมตช์นี้เกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย ส่งให้ทัพ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปดวลกับ บราซิล เต็งหนึ่ง

            ฟุตบอลโลก 2018
             รอบ 16 ทีมสุดท้าย
            วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม 2561
            เบลเยียม 3  - ญี่ปุ่น 2

สนาม :   รอสตอฟ อารีน่า, รอสตอฟ-นา-โดนู, ประเทศรัสเซีย (สนามกลาง)

      โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ นายใหญ่เบลเยียม ยิ้มกริ่มหลังได้ แว็งซ็องต์ ก็องปานี กองหลังมากประสบการณ์ฟิตสมบูรณ์กลับมาประจำแนวรับอีกครั้ง ส่วนแผงเกมบุกมี  เอแด็น อาซาร์, ดรีส์ เมอร์เท่นส์, เควิน เดอ บรอยน์ และ โรเมลู ลูกากู พร้อมเปิดเกมรุกเต็มสูบ ขณะที่ญี่ปุ่นแน่นอนว่าเป็นรองสุดกู่แต่ อากิระ นิชิโนะ เทรนเนอร์ จะเล่นแบบเน้นสปิริตเหมือนกับที่แสดงให้เห็นมาตลอด 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม 

    เริ่มเกมเพียง น. 2 ญี่ปุ่นมีโอกาสสร้างความหวาดเสียว เมื่อ ชินจิ คางาวะ ได้จังหวะสับไกด้วยเท้าซ้ายแต่บอลเฉียดเสาขวาออกไป หลังจากนั้น น. 4 โธมัส เมอนิเย่ร์ ได้บอลจากฝั่งขวาก่อนจะผ่านให้ โรเมลู ลูกากู แต่ มายะ โยชิดะ สกัดได้ทัน

    ผ่านเข้าสู่ น. 10 ทาคาชิ อินูอิ มีโอกาสเปิดบอลจากฝั่งซ้าย บอลดูเหมือนจะ เกงกิ ฮารางูจิ อยู่แล้ว แต่ ก็องปานี สกัดได้อย่างสวยงาม อีกสองนาทีต่อมาผ่านบอลให้ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ บริเวณกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายแต่น่าเสียดายที่โดนแนวรับญี่ปุ่นป้องกันเอาไว้ได้

    เบลเยียมพยายามที่จะเจาะประตูให้ได้ โดย น. 16 เอแด็น อาซาร์ เกี่ยวบอลลงพื้นอย่างสุดยอด และผ่านให้ อักเซล วิตเซล ที่ลองพยายามยิงไกลแต่บอลแฉลบออกหลัง จากนั้น เควิน เดอ บรอยน์ ทำหน้าที่เตะมุม บอลลอยไปถึง ก็องปานี ได้โหม่งในระยะ 6 หลา แต่ไม่สามารถทำอะไรแนวรับทัพ "ซามูไร" ได้

    เข้าสู่ น. 18 เมอร์เท่นส์ ส่งให้ ลูกากู ที่จับบอลและพลิกตัวกลับมายิง แต่บอลแฉลบกองหลังออกไป เบลเยียม ได้เตะมุมอีกครั้ง แต่ เดอ บรอยน์ทำหน้าที่เปิดบอลไปให้ ก็องปานี ได้โอกาสโหม่งอีกครั้งแต่ก็พลาดไปอีกตามเคย

    น. 21 ญี่ปุ่นต้องตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ โดย อาซาร์ มีโอกาสโชว์ทักษะสุดยอดก่อนส่งให้ ลูกากู ที่พยายามซัดนอกกรอบแต่ก็โดน ยูโตะ นางาโตโมะ บล็อกได้อย่างสุดยอด ช่วงเวลานี้ เบลเยียม ครองบอลแบบพับสนามบุก  และ น.  26 เมอร์เท่นส์ เปิดบอลสุดงามจากริมเส้นฝั่งขวาให้ ลูกากู ซึ่งเบียดชนะ มายะ โยชิดะ ได้แล้วแต่บอลดันคลุกคลิกในระยะ 3 หลาก่อนโดน โยชิดะ สกัดไปได้อย่างหวุดหวิด

    เข้าสู่ น. 30 เบลเยียม ยังคงเดินเครื่องกดดันไม่หยุด โดยพวกเขามีโอกาสอีกครั้ง เมื่อ เดอ บรอยน์ เปิดบอลเข้าในเขตโทษ ก็องปานี วิ่งมาแตะบอลกลับเข้าไปที่หน้าประตูได้อย่างสุดยอด แต่น่าเสียดายที่ไม่มีผู้เล่นเบลเยียมอยู่แถวนั้น

     อีกสองนาทีต่อมา ญี่ปุ่น มีโอกาสบ้างเมื่อ นางาโตะโมะ เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ และ  อินูอิ ได้โหม่ง แต่บอลเบาเกินไปทำให้ ติโบต์ กูร์กตัวส์  รับแบบสบายๆ หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายมีโอกาสเปิดเกมบุกแลกกัน โดย น. 36 เบลเยียม มีโอกาสทำประตูถึงสองครั้ง ครั้งแรกจาก อาซาร์ ที่ลากบอลไปดวลแบบตัวตัวต่อกับ โยชิดะ แต่ดันยิงไปติดบล็อก จากนั้น เดอ บรอยน์ ส่งบอลให้ วิตเซล นอกเขตโทษและเจ้าตัวขอลองยิงไกลแต่บอลเหินข้ามคานไปแบบไม่ต้องลุ้น

     ผ่านเข้าสู่ น. 41 เบลเยียม ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณพื้นที่สุดท้ายของลูกอาทิตย์อุทัย โดย ยานนิค การ์ราสโก้ ได้โอกาสเปิดบอลไปที่เสาไกล แต่ นางาโตะโมะ เคลียร์ออกไปได้ทัน น. 45 ญี่ปุ่นเกือบได้ประตูเมื่อ นางาโตะโมะ เปิดบอลให้ ยูยะ โอซาโกะ แต่แตะบอลไม่ได้ บอลไปถึง กูร์กตัวส์ แต่นายด่านเชลซี รับบอลลอดขาโชคดีที่บอลเบาทำให้พลิกตัวกลับมารับเอาไว้ได้ทัน และท่านเปาก็เป่านกหวีดหมดครึ่งแรก

    เริ่มครึ่งหลัง เบลเยียม พยายามเปิดเกมบุก แต่แล้วก็ต้องเจอเรื่องช็อก ใน น. 48 ญี่ปุ่น เล่นอย่างมีสมาธิและรอสวนกลับ โดน  งาคุ ชิบาซากิ โชว์ความสุดยอดในการผ่านบอลสุดเฉียบคมตัดหลัง  แยน แฟร์ต็องเก้นให้ เกงกิ ฮารางูจิ หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดบอลผ่านมือ  กูร์กตัวส์ ส่ง ญี่ปุ่น นำ 1-0

    สองนาทีหลังจากนั้น เบลเยียม เกือบได้ประตูตีเสมอ เมื่อ เมอร์เท่นส์ ส่งบอลให้ อาซาร์ ซัดเต็มข้อบอลไปจนเสาดังสนั่น จากนั้นในนาทีที่ 52 ญี่ปุ่นทำให้แฟนบอลทั่วโลกต้องช็อกเมื่อได้ประตูขึ้นนำ 2-0 จากจังหวะที่ ชินจิ คางาวะ ส่งบอลให้ อินูอิ  และเจ้าตัวก็มั่นใจในพลังฝีเท้าด้วยการตะบัน 25 หลาบอลพุ่งเสียบมุมชนิดที่ กูร์กตัวส์ หมดสิทธิ์เซฟ

    หลังจากเสียไปสองประตู เบลเยียม ยังไม่สามารถต่อเกมได้เหมือนกับที่ทำในครึ่งแรก ขณะที่ทัพ "ซามูไรสีนำเงิน" ยังคงมีโอกาสเปิดเกมบุกได้เรื่อยๆ แต่ใน น. 62 เมอร์เท่นส์ ได้จังหวะเปิดบอลทางฝั่งขวา และ ลูกากู กระโดดโหม่งเช็ดระยะ 6 หลา แต่บอลเจ้ากรรมดันออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย

    น. 64 "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เกือบเสียประตู เมื่อ โกโตคุ ซากาอิ มีโอกาสวิ่งเข้าสอดยิงประตูในระยะ 3 หลา แต่ติดขา กูร์กตัวส์ ขณะที่ เบลเยียม ยังไม่ยอมแพ้ใน น. 69 ลูกากู พยายามยิงประตูในระยะ 8 หลา แต่ติดบล็อกโยชิดะ

    อย่างไรก็ตามความพยายามของ เบลเยียม มาประสบความสำเร็จใน น. 69 แฟร์ต็องเก้น ได้จังหวะโล่งๆ โหม่งบอลในระยะ 18 หลาบอลข้ามหัว  เอจิ คาวาชิมะ นายทวารญี่ปุ่น ค่อยๆ ย้อยเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้ เบลเยียม ตีไข่แตกเป็น 2-1

    น. 73 เดอ บรอยน์ มีโอกาสซัดที่บริเวณกรอบเขตโทษแต่  เก็น โชจิ บล็อกได้ทันบอลออกหลัง และในจังหวะเตะมุม อาซาร์ เปิดเข้าในกรอบเขตโทษก่อนโดนสกัดออกมาและ อาซาร์ เก็บบอลได้จากนั้นก็โชว์ลีลาพลิกตัวลากบอลไปที่เส้นหลังแล้วเปิดบอลแม่นยำราวกับชั่งมาเมื่อเช้าเข้าหัว มารูยาน เฟลไลนี่ โขกเต็มๆ ทำให้ เบลเยียม เสมอ 2-2

    จากนั้นใน น. 78 เป็นอีกครั้งที่ เบลเยียม เกือบได้ประตูเมื่อ นาเซอร์ ชาดลี่ เปิดบอลให้ ลูกากู ขึ้นโหม่ง แต่บอลออกเสาไกลไปอย่างน่าเสียดาย ผ่านมาสู่ น. 82 คางาวะ ทิ่มบอลให้ เคซุเกะ ฮอนดะ หลุดเข้าไปในเขตโทษและได้ซัดเต็มๆ แต่ ก็องปา เหยียดขาสกัดเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ

    น. 85 เบลเยียม มีโอกาสจะๆ สองครั้ง โดย ชาดลี่ ได้จังหวะโหม่ง แต่ คาวาชิมะ พุ่งปัดเอาไว้ได้ จากนั้น เบลเยียม ได้เปิดบอลเข้ากลาง และ ลูกากู โหม่งเต็มศีรษะแต่ คาวาชิมะ ปัดข้ามคานไปได้อย่างสุดยอด อีกสองนาทีต่อมา แฟร์ต็องเก้น ได้จังหวะยิงไกล แต่ คาวาชิมะ พุ่งปัดเอาไว้ทัน ก่อนที่ เฟลไลนี่ จะวิ่งเข้ามาเก็บบอลแต่กรรมการเป่าเป็นจังหวะล้ำหน้า

    เข้าสู่นาทีสุดท้าย ญี่ปุ่น เกือบได้ประตูขึ้นนำเมื่อ นางาโตะโมะ เปิดบอลเข้ามาในเขตโทษ และ วิตเซล เหยียดขาสกัดบอลเกือบเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ กูร์กตัวส์ ไม่เสียสมาธิพุ่งปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด

    ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+3 จากจังหวะฟรีคิกของ ฮอนดะ ที่ขันอาสาตะบันไกลกว่า 40 หลา บอลพุ่งเกือบเข้าเสาไกลแต่ กูร์กตัวส์ ปัดออกหลัง โดนในจังหวะเตะมุม ญี่ปุ่น เตะมุมเข้ามาแต่ กูร์กตัวส์ คว้าบอลได้จากนั้นก็เปิดบอลเร็วส่งให้ เดอ บรอยน์ ที่ลากบอลจากแดนตัวเอง และผ่านบอลให้ โธมัส เมอนิเย่ร์ ที่บรรจงส่งเข้าในเขตโทษโดย ลูกากู หลอกแนวรับญี่ปุ่นด้วยการปล่อยบอลให้ ชาดลี่ ที่อยู่โล่งๆ แปบอลเข้าไป ช่วยให้ เบลเยียม ขึ้นนำ 3-2 ในนาทีที่ 90+4 

    จากนั้นท่านเปาก็เป่านกหวีดยาวหมดเวลา ทำให้ เบลเยียม ชนะ ญี่ปุ่น 3-2 ผ่านเข้าไปพบ บราซิล เต็งหนึ่งในรอบก่อนรองชนะเลิศ

    รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม   

    เบลเยียม (3-4-3) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, แยน แฟร์ต็องเก้น - โธมัส เมอนิเย่ร์, เควิน เดอ บรอยน์, อักเซล วิตเซล, ยานนิค การ์ราสโก้ (นาเซอร์ ชาดลี่  น. 65) , ดรีส์ เมอร์เท่นส์ (มารูยาน เฟลไลนี่ น. 65), โรเมลู ลูกากู, เอแด็น อาซาร์ (กัปตันทีม)

    เทรนเนอร์ : โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ 

    ญี่ปุ่น (4-2-3-1) : เอจิ คาวาชิมะ - โงโตกุ ซากาอิ, มายะ โยชิดะ, เก็น โชจิ, ยูโตะ นางาโตโมะ - มาโกโตะ ฮาซาเบะ (กัปตันทีม), งาคุ ชิบาซากิ (โฮตารุ ยามากูชิ น. 81), เกงกิ ฮารางูจิ (เคซุเกะ ฮอนดะ น. 81) , ชินจิ คางาวะ, ทาคาชิ อินูอิ - ยูยะ โอซาโกะ 

    เทรนเนอร์ : อากิระ นิชิโนะ 

    ผู้ตัดสิน : มาลังก์ ดายฌิอู (เซเนกัล)

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »