ในตอนนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กลายเป็นชายที่ป็อปปูลาร์ที่สุดในประเทศอังกฤษไปแล้ว จากผลงานมาสเตอร์พีซ พาทีมชาติอังกฤษเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกได้สำเร็จ

นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ที่อังกฤษฝ่าด่านมาถึงรอบนี้ได้ ซึ่งแน่นอน เครดิตทั้งหลาย จึงตกไปอยู่ที่กุนซือหนุ่มคนนี้

สื่ออังกฤษหลายสำนัก ยกย่องเซาธ์เกตว่าวางตัวได้ดี วางตัวได้เหมาะสม และเป็นศูนย์กลางของทีม ที่ทำให้บรรยากาศ ของทีมชาติอังกฤษสดชื่นขึ้น

เช่นเดียวกับแฟนบอลที่ชื่นชมเซาธ์เกตอย่างมาก ผิดจากตอนแรกสุดที่ร้องยี้ ตอนสมาคมฟุตบอลอังกฤษเลือกเขาเข้ามาคุมทีม

มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเซาธ์เกตถึงได้รับความนิยมขนาดนี้ เราจะไปค้นหาคำตอบกัน

----------------------------------

1) ตัดสินใจในสนามได้ดี

บุคลิกภายนอกจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ถ้าผลงานในสนามล้มเหลว เขาจะไม่ได้รับความนิยมเลย ซึ่งในฟุตบอลโลกครั้งนี้ อังกฤษมีผลงานที่ดีมากในสนาม ในเกมกับตูนิเซีย หลายคนวิจารณ์ว่าทำไมเขาไม่ส่งเจมี่ วาร์ดี้ลง ตอนเสมออยู่ 1-1 แต่เซาธ์เกตเลือกใช้รูเบน ลอฟตัส-ชีคลงมาเป็นตัวโจ๊กเกอร์ และเขาเล่นได้ดีมาก ก่อนที่อังกฤษจะยิงประตูชัยได้

หรือในเกมกับเบลเยี่ยม เขายอมแบกหน้า จัดตัวสำรองยกเซ็ต ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่าคงแพ้เบลเยี่ยมแน่ๆ และคงจะโดนวิจารณ์ แต่เซาธ์เกตมองเส้นทางของสายในฟุตบอลโลกแล้ว การจบอันดับ 2 เป็นเส้นทางที่เบากว่า ดังนั้น เขายอมเลือกทางนั้น และไม่ส่งแฮร์รี่ เคนลงสนาม ถือเป็นการตัดสินใจที่เยี่ยมยอด

2) กล้าเปลี่ยนทีม

แผนที่ทีมชาติอังกฤษนิยมใช้มาตลอดทุกยุคทุกสมัยคือ 4-4-2 หรืออาจปรับมาเป็น 4-2-3-1 บ้างตามสถานการณ์ แต่ทันทีที่เซาธ์เกตเข้ามาคุม เขาเปลี่ยนทีมเป็น 3-5-1-1 ทันที มีกุนซือชาวอังกฤษไม่มากนัก ที่กล้าใช้ระบบ 3 เซ็นเตอร์แบ็ก แต่เซาธ์เกตกล้าทำ

เจ้าตัวรู้ดีว่า อังกฤษชุดนี้ ศักยภาพผู้เล่น ถ้าไปชนกับทีมอื่นอาจเป็นรอง ดังนั้น ต้องมีแผนในการตอบโต้ ต้องมีความรัดกุม และไม่มีแผนไหน ที่เกมรับจะแน่นเท่า กองหลัง 3 คน และมีกลางรับดีๆ ช่วยตัดเกมอีกแล้ว

3) แน่วแน่ ไม่หวั่นไหวตามเสียงวิจารณ์

สื่ออังกฤษ ตอนประกาศเลือก 23 ขุนพล กระตุ้นให้เซาธ์เกต เอาโจ ฮาร์ท ติดทีมไปรัสเซียด้วย เพื่ออย่างน้อยมีนายทวารตัวเก๋าประคองทีมหนึ่งคน แต่เซาธ์เกต มองว่า โจ ฮาร์ท ฟอร์มไม่ดีในลีก ดังนั้นเขาจึงยึดมั่นเอานิค โป๊ปไปรัสเซียเหมือนเดิม รวมถึงระบบ หลัง 3 ของเขา ที่ใช้ไคล์ วอล์กเกอร์ เป็นเซ็นเตอร์ ซึ่งก่อนจะเล่น ตัววอล์กเกอร์ เองก็ยังยอมรับว่าเขาไม่ถนัดกับตำแหน่งนี้ แต่เซาธ์เกตย้ำชัดว่า ถ้าวอล์กเกอร์หวังเป็นตัวจริง ก็ต้องเล่น และนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาตัดสินใจได้ถูกต้องมาก

4) รักษาน้ำใจสื่อ ทำให้เป็นพวกเดียวกัน

จุดเด่นของเซาธ์เกตที่สื่ออังกฤษชื่นชมคือ เป็นกันเองกับสื่อมวลชนมาก และทำให้สื่อรู้สึกได้ว่า เป็นกลุ่มก้อนเดียวกับนักเตะ  ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีก่อนที่บอลโลกในบราซิล สื่อมวลชนเวลาไปทำข่าวนักเตะอังกฤษ ก็ได้แต่ถ่ายรูปนักเตะเล่นลูกดอกอยู่ไกลๆ แต่ในบอลโลก 2018 เซาธ์เกต เรียกสื่อมาเล่นลูกดอกกับนักเตะไปเลย นี่คือความแตกต่างที่เห็นชัด

การที่เซาธ์เกต ดึงเอาสื่อมวลชนมาเป็นพวกเดียวกัน ทำให้ข่าวสารที่สื่อเสนอไปเกี่ยวกับทีมชาติอังกฤษ เป็นในทิศทางบวก เมื่อทุกอย่างเป็นบวก เวลานักเตะมาอ่านก็มีกำลังใจ คนที่เล่นผิดพลาด ก็ไม่โดนซ้ำเติมหนักๆ ซึ่งมันส่งผลให้บรรยากาศในทีมยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์

5) เป็นสุภาพบุรุษ

ในเกมที่อังกฤษชนะจุดโทษโคลอมเบีย หลังจบเกม เซาธ์เกตเดินเข้าไปปลอบใจ มาเตอุส อูริเบ้ คนยิงจุดโทษพลาด ของคู่แข่ง ซึ่งเป็นลูกสำคัญที่ทำให้อังกฤษพลิกสถานการณ์ได้ และเจ้าตัวไม่แสดงอารมณ์ดีใจอย่างบ้าคลั่งแม้จะเพิ่งพาอังกฤษชนะจุดโทษในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ย้อนกลับไปในปี 1996 ศึกยูโรรอบรองชนะเลิศ เซาธ์เกตเป็นคนยิงจุดโทษพลาด ทำให้อังกฤษตกรอบด้วยการแพ้เยอรมันมาแล้ว ดังนั้นเซาธ์เกตจึงเข้าใจความรู้สึกคนยิงจุดโทษพลาดดี และไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่คอยซ้ำเติม

ในจุดนี้แฟนบอลอังกฤษรู้สึกชื่นชม ว่าเซาธ์เกตเป็นสุภาพบุรุษชาวอังกฤษที่แท้จริง และทำให้เขาได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นด้วย