"สิงโตคำราม" อังกฤษ เตรียมจัดเต็มสูบนำล่าตาข่ายโดย แฮร์รี่ เคน เกมพบ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เบลเยียม ที่มี โรเมลู ลูกากู พร้อมปิดสกอร์ ในศึกฟุตบอลโลก 2018 (นัดชิงที่3) คืนวันเสาร์ที่ 14 ก.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : TrueSport HD3 และ True4U, เวลา : 21.00 น.

ปรีวิวฟุตบอลโลก 2018
(นัดชิงที่ 3)
วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม 2561
เบลเยียม   -   อังกฤษ
ถ่ายทอดสด : TrueSport HD3 และ True4U, เวลา : 21.00 น.

สนาม : เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดี้ยม, เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก, ประเทศรัสเซีย (สนามกลาง)

โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ เทรนเนอร์ ''ปีศาจแดงแห่งยุโรป'' เบลเยียม เสียดายกับความพ่ายแพ้ให้ฝรั่งเศส 0-1 ตกรอบอดเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่เกมนี้เป็นโอกาสให้พวกเขาคว้าอันดับ 3 ซึ่งจะเป็นผลงานดีที่สุดก่อนหน้านี้คือการคว้าอันดับ 4 ในปี 1986

สำหรับข่าวดีก็คือการได้ โธมัส เมอนิเย่ร์ วิงแบ็กขวาตัวเก่งพ้นโทษแบนกลับมาเป็นตัวเลือกได้อีกครั้ง คาดว่าจะกลับมาเป็นตัวจริงทันที

นักเตะที่เหลือพร้อมลงสนามทั้งหมด ทว่ามีโอกาสที่ มาร์ติเนซ จะให้โอกาสคนที่เคยเป็นตัวเลือกแรกอย่าง ดรีส์ เมอร์เท่นส์ และ ยานนิค แฟร์เรยร่า การ์ราสโก้ จะคัมแบ็กเช่นกัน

ขณะที่ อั๊ดนาน ยานาไซ ผู้ยิงประตูชัยในเกมแรกที่ฉะกันมาในรอบแบ่งกลุ่ม, โธมัส แฟร์มาเล่น, มิชี่ บาตชูอายี่ ก็มีลุ้นลงตัวจริง โดยที่ โรเมลู ลูกากู, เควิน เดอ บรอยน์, เอแด็น อาซาร์ สามตัวเก่งจะยังลงสนามประคองทีมต่อไปเหมือนเดิม

ด้าน ''สิงโตคำราม'' อังกฤษ อกหักกันทั้งชาติกับการแพ้ให้โครเอเชีย 1-2 หยุดเส้นทางแห่งความฝันไว้ที่รอบรองชนะเลิศ แต่ก็มีโอกาสทำผลงานดีสุดนับแต่คว้าแชมป์โลกปี 1966 หากคว้าอันดับ 3 ได้ในครั้งนี้

แกเร็ธ เซาธ์เกต คงต้องมีการปรับทัพพอสมควรจากการที่ คีแรน ทริปเปียร์ วิงแบ็กขวามีอาการเจ็บจนต้องเดินออกจากสนามก่อนจบเกมช่วงต่อเวลานัดเจอโครเอเชีย

ขณะที่ ไคล์ วอล์คเกอร์ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็ไม่เต็มร้อย นัดนี้ต้องเช็กฟิต ด้าน แอชลี่ย์ ยัง และ เดเล่ อัลลี่ ก็ออกอาการหมดเช่นกัน

แนวรับ ฟิล โจนส์ จะได้ลงแทนถ้า วอล์คเกอร์ ไม่ฟิต ส่วนวิงแบ็กขวาจะเป็นโอกาสของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ด้านซ้าย แดนนี่ โรส ลงตัวจริง

กลางสนาม เอริก ดายเออร์ เสียบแทน เฮนโด้ เล่นคู่กับ ฟาเบียน เดลฟ์ ส่วนแดนหน้า แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมต้องลงต่อเพราะลุ้นดาวยิงรองเท้าทองคำอยู่ด้วย โดยอาจะมีการพัก ราฮีม สเตอร์ลิง แล้วใช้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หรือ เจมี่ วาร์ดี้ ลงแทน

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เบลเยียม  (3-4-2-1) : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แว็งซ็องต์ ก็องปานี, แยน แฟร์ต็องเก้น - โธมัส เมอนิเย่ร์, มารูยาน เฟลไลนี่, อักเซล วิตเซล, นาเซอร์ ชาดลี่ - เอแด็น อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์ - โรเมลู ลูกากู

อังกฤษ (3-5-2) : จอร์แดน  พิคฟอร์ด - ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็คไกวร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, เจสซี่ ลินการ์ด, เอริก ดายเออร์, รูเบน ลอฟตัส ชีค, แดนนี่ โรส - มาร์คัส แรชฟอร์ด, แฮร์รี่ เคน

ผู้ตัดสิน : อาลีเรซ่า ฟากานี่ (อิหร่าน)

ข้อมูลน่าสนใจ
- คู่นี้เพิ่งเจอกันในรอบแรก นัดสุดท้าย กลุ่ม จี ผลปรากฏว่าตัวสำรองปีศาจแดงแห่งยุโรปเฉือน 1-0 จากประตูโทนของ อั๊ดนาน ยานาไซ เมื่อ 28 มิ.ย.
- สถิติเจอกันรวม 7 นัด อังกฤษ ข่มใส่นิดๆ ชนะ 2 ชนะต่อเวลา 1 เสมอ 2 เบลเยียม ชนะ 1 ชนะจุดโทษ 1
- นับเฉพาะเจอกันในบอลโลกรอบสุดท้าย 3 นัด เบลเยียม ชนะ 1 ในเกมล่าสุด เสมอ 1 (4-4 รอบแรก เวิลด์ คัพ 1954) และอังกฤษ ชนะต่อเวลา 1 (1-0 จากประตูโทน เดวิด แพล็ทท์ นาที 120 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เวิลด์ คัพ 1990)
- นับเฉพาะเกมทางการ 4 นัด อังกฤษ ชนะต่อเวลา 1 เสมอ 2 เบลเยียม ชนะ 1
- การเสียท่า ฝรั่งเศส เมื่อวันอังคาร ทำให้ เบลเยียม ถูกหยุดสถิติชนะรวดในเกมบอลโลก (รวมรอบคัดเลือก) 10 นัดติดต่อกันตั้งแต่เปิดบ้านเสมอ กรีซ 1-1 ในรอบคัดเลือก วันที่ 25 มี.ค. 2017
- การเสียท่า ฝรั่งเศส ยังทำให้ เบลเยียม หยุดสถิติชนะรวดไว้ที่ 7 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการตั้งแต่เปิดบ้านอุ่นแข้งเสมอ โปรตุเกส 0-0 เมื่อ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา
- นับเฉพาะบอลโลกรอบสุดท้าย เบลเยียม ก็เพิ่งโดนหยุดสถิติชนะรวด 5 นัดตั้งแต่แพ้ อาร์เจนตินา 0-1 รอบก่อนรองชนะเลิศเวิลด์ คัพ 2014 เมื่อ 5 ก.ค. 2014 ในเกมล่าสุดอีกเช่นกัน
- 8 จาก 10 เกมบอลโลกหลังสุด (รวมรอบคัดเลือก) ของ เบลเยียม มีการยิงประตูรวมเกินนัดละ 2.5 ประตู
- เบลเยียม ยิงอย่างน้อย 2 ประตูใน 9 จาก 11 เกมบอลโลกหลังสุด (รวมรอบคัดเลือก)
- การเสียท่า ฝรั่งเศส ทำให้ เบลเยียม แพ้หนแรกรอบ 25 นัดรวมทุกรายการ (ชนะ 19 เสมอ 5) ตั้งแต่ประเดิมยุค โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ด้วยการอุ่นแข้งแพ้ สเปน 0-2 เมื่อ 1 ก.ย. 2016
- 3 จาก 4 เกมบอลโลกหลังสุดของ อังกฤษ มีการยิงประตูรวมน้อยกว่านัดละ 2.5 ประตู
- อังกฤษ แพ้เพียง 2 จาก 17 เกมบอลโลกหลังสุด (รวมรอบคัดเลือก) นอกนั้นชนะ 11 เสมอ 4
- อังกฤษ แพ้ 2 จาก 16 เกมหลังรวมทุกรายการ (ชนะ 10 เสมอ 4)
- นับเฉพาะบอลโลกรอบสุดท้าย อังกฤษ แพ้ 2 จาก 7 เกมหลังสุด (ชนะ 3 เสมอ 2)
- อังกฤษ ยิง 9 ประตูจากจังหวะเซตพีซในบอลโลกครั้งนี้ เป็นสถิติสูงสุดที่ทีมใดๆ ยิงได้ในบอลโลกครั้งเดียวตั้งแต่ปี 1966
- อังกฤษ หรือโครเอเชีย มีส่วนร่วมใน 4 จาก 5 เกมบอลโลก 2018 ที่ยืดเยื้อถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ (คู่เดียวที่เหลือคือ สเปน-รัสเซีย)
- อังกฤษ ตกรอบตัดเชือกรายการเมเจอร์ 4 จาก 5 ครั้ง -ยูโร 1968 แพ้ ยูโกสลาเวีย, บอลโลก 1990 แพ้ เยอรมันตะวันตก, ยูโร 1996 แพ้ เยอรมัน และฟุตบอลโลก 2018 แพ้ โครเอเชีย