มิโลวาน ราเยวัช เฮดโค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่ ขอพิจารณาอีกครั้งจะดึง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา, และ ธีราทร บุญมาทัน มาเล่นใน 2 เกมอุ่นเครื่องเดือน ต.ค.นี้ หรือไม่ ก่อนที่จะออกมาประกาศให้ได้ทราบกันอย่างถ้วนหน้า แม้ว่าจะเป็นช่วงฟีฟ่า เดย์ ก็ตาม

ตามที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาประกาศเกมอุ่นเครื่องนอกบ้านอย่างเป็นทางการของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเตรียมออกไปเยือน ฮ่องกง อันดับ 142 ของโลก และที่ 28 เอเชีย อีกทั้งจะเป็น ฟีฟ่า เดย์ ระดับ "เอ แมตช์" วันที่ 11 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตามในวันที 14 ต.ค.นี้ ที่จะกลับมาเล่นเกมอุ่นเครื่องในสนามราชมังฯ ยังไม่มีการประกาศออกมาว่าจะเป็นทีมใดที่จะเดินทางมาลับแข้งกับ "ช้างศึก"

โดยมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ มีรายงานจากสื่อญี่ปุ่นว่า ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ภายใต้การกุมบังเหียนของ มิโลวาน ราเยวัช จะมีการเรียกตัว 3 แข้งอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์คอนซาโดเล่ ซัปโปโร, ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า และ ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายวิสเซล โกเบ ไปร่วมทีมค่อนข้างจะแน่นอนเพราะระหว่างวันที่ 8-16 ต.ค.61 เป็นช่วงของ ฟีฟ่า เดย์ ประกอบกับ เจ ลีก จะทำการหยุดพัก หลังจากต้นสังกัดของ 3 แข้งไทย เสร็จภารกิจในนัดที่ 29 นั่นคือ วันที่ 5 ต.ค.61 คอนซาโดเล่ ซัปโปโร พบ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส (ย), วันที่ 6 ต.ค.61 ซานเฟรซเช่ ฮิโรชิม่า พบ คาชิม่า เรย์โซล (ห) และ วิสเซล โกเบ พบ วี วาเรน นางาซากิ (ห)

ล่าสุดมีรายงานว่า มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ จะขอพิจารณาอีกครั้งว่าจะดึง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา, และ ธีราทร บุญมาทัน มาเล่นใน 2 เกมอุ่นเครื่องเดือน ต.ค.นี้ หรือไม่ ซึ่งจะมีการประกาศออกมา ก่อนที่จะส่งรายงายชื่อผู้เล่นให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือไปขอตัวนักเตะยังต้นสังกัดต่อไป

ในช่วงดังกล่าว ญี่ปุ่น จะมีเกมฟีฟ่า เดย์ ในรายการ คิริน ชาลเลนจ์ คัพ 2018 ซึ่งวันที่ 12 ต.ค. พบ ปานามา ทีมจากฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่รัสเซีย และในวันที่ 16 ต.ค. ฟาดแข้งใน ไซตามะ สเตเดี้ยม ซึ่งยังไม่กำหนดว่าเป็นทีมใด

สำหรับการอุ่นเครื่องทั้ง 2 เกมของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เพื่อที่จะสร้างความพร้อมใน 2 รายการ คือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 รอบสุดท้าย ซึ่งจะฟาดแข้งกันระหว่าง วันที่ 8 พฤศจิกายน - 15 ธันวาคม 61 "ช้างศึก" อยู่ในกลุ่ม บี มีโปรแกรม ดังนี้  วันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 (บรูไน หรือ ติมอร์ เลสเต) พบ ไทย, วันที่ 17 พฤศจิกายน 2561 ไทย (เจ้าบ้าน) พบ อินโดนีเซีย, วันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 ฟิลิปปินส์ พบ ไทย และ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 ไทย (เจ้าบ้าน) พบ สิงคโปร์ ซึ่งจะนำอันดับ 1 และ 2 ของทั้ง 2 กลุ่ม ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศ แข่งขันนัดแรกในวันที่ 1-2 ธันวาคม 2561 ส่วนนัดที่สองจะแข่งขันกันในวันที่ 5-6 ธันวาคม 2561 ขณะที่รอบชิงชนะเลิศ จะแข่งขันกันในวันที่ 11 และ 15 ธันวาคม 2561 ต่อไป

นอกจากนี้ยังมี เอเชียน คัพ 2019 ซึ่งทีมชาติไทย อยู่ในกลุ่ม เอ มีโปรแกรม คือ วันที่ 6 ม.ค.2019 พบ อินเดีย ที่สนาม อัล นาห์ยาน สเตเดี้ยม ในอาบู ดาบี, วันที่ 10 ม.ค.2019 พบ บาห์เรน ที่สนาม อัล มัคทูม สเตเดี้ยม ในดูไบ และวันที่ 14 ม.ค.2019 พบ ยูออี ที่สนาม ฮาซซา บิน ซาเยด สเตเดี้ยม ในอัล ไอน์

หาก "ช้างศึก" ผ่านเข้ารอบสองได้จะเป็นครั้งแรกในรอบ 47 ปีของทีมชาติไทย หลังจากเคยก้าวไปคว้าอันดับ 3 เอเชียน คัพ เมื่อปี 1974 โดยเอเชียน คัพ 2019 รอบสุดท้ายแบ่งออกเป็น 6 สาย สายละ 4 ทีม จะนำที่ 1 กับ 2 ของกลุ่ม ผ่านเข้ารอบต่อไปแบบอัตโนมัติ และจะเอาอันดับ 3 ที่ดีที่สุดทั้งหมด 4 ชาติ จาก 6 กลุ่ม เข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย