การที่ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงความไม่พอใจในการเดินเรื่องเสริมทัพของบอร์ดบริหารอาจจะทำให้บางคนรำคาญ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเสริมทัพเป็นเรื่องที่สำคัญในแวดวงฟุตบอลสมัยนี้ และวันนี้เราจะมาลองย้อนดูกันว่า 5 ทีมไหนบ้างใน พรีเมียร์ลีก ที่เคยดำเนินนโยบายเสริมทัพได้แย่สุดๆ

ทุกวันนึ้การเสริมทัพถือเป็นเรื่องที่สำคัญต่อวงการฟุตบอลมากๆ เพราะมันคือหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ทีมมีสภาพที่แข็งแกร่งขึ้น และถ้าดำเนินการผิดพลาดไปมันก็จะส่งผลเสียกับทีมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อนักเตะที่ไม่คุ้มค่า, เสริมทัพน้อยกว่าความจำเป็น ฯลฯ

ทั้งนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพิ่งออกมาพูดเชิงตำหนิบอร์ดบริหารของทีมว่าไม่ยอมจริงจังกับการเสริมทัพมากเท่าที่ควรในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่แน่นอนว่าพวกเขาไม่ใช่ทีมแรกที่ทำการเสริมทัพได้แย่ และวันนี้เราก็จะมาย้อนรอยดูกันว่าทีมไหนบ้างใน พรีเมียร์ลีก ที่ดำเนินนโยบายเสริมทัพได้เลวร้ายสุดๆ

1. เลสเตอร์ ซิตี้ ฤดูกาล 2016-17

หลังจากได้แชมป์ลีกแบบหักปากกาเซียนทุกสำนักทั่วโลกในฤดูกาล 2015-16 มันก็มีการตั้งความคาดหวังกับทีมของกุนซือ เคลาดิโอ รานิเอรี่ มากขึ้นเยอะ

ด้วยความที่ได้เงินมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็นเงินจากด้านทีวี, จากเจ้าของทีม, จากสปอนเซอร์ต่างๆ ฯลฯ ทำให้มีการคาดกันว่า เลสเตอร์ จะใช้เงินเสริมทัพเพื่อทำให้ขุมกำลังของทีมแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่จะได้สู้ศึกใน พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้

ท้ายที่สุดแล้ว เลสเตอร์ ก็ใช้เงินในซีซั่น 2016-17 ไปรวมแล้วราว 82.44 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,709.8 ล้านบาท) เพียงแต่เงินที่พวกเขาใช้ไปมันไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเท่าที่ควร เพราะได้แค่เพียงนักเตะอย่าง น็อมปาลิส เมนดี้, อาห์เหม็ด มูซ่า และ อิสลาม สลิมานี่ เป็นต้น ซึ่งสุดท้ายแข้งเหล่านั้นก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้จนทำให้ซีซั่นนี้ เลสเตอร์ ได้อันดับที่ 12 ของลีก
   
2. ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2014-15

ภารกิจสำคัญในช่วงซัมเมอร์ ปี 2014 ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ลิเวอร์พูล คือการหาคนที่จะเข้ามาล่าตาข่ายแทน หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงชาวอุรุกวัยให้ได้ หลังจากที่ในซีซั่น 2013-14 ซัวเรซ ทำประตูได้บานเบอะจนช่วยให้ทีมเป็นรองแชมป์ลีกในสภาพที่มีลุ้นแชมป์แบบเต็มตัว ก่อนที่เขาจะย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า

สุดท้ายแล้วกองหน้าที่ ร็อดเจอร์ส เลือกเข้ามาร่วมทีมก็คือ มาริโอ บาโลเตลลี่ กับ ริคกี้ แลมเบิร์ต โดยในฤดูกาลนั้นเขายังดึงนักเตะอย่าง ลาซาร์ มาร์โควิช, อดัม ลัลลาน่า และ เดยัน ลอฟเรน มาเสริมแกร่งด้วย ทำให้โดยรวมแล้วในช่วงซัมเมอร์ของซีซั่นดังกล่าว ลิเวอร์พูล ใช้งบซื้อนักเตะไป 117 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,265 ล้านบาท)

น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นการตัดสินใจที่ย่ำแย่ เพราะแข้งเหล่านั้นไม่สามารถช่วยอะไรทีมได้มากนัก จน "หงส์แดง" จบฤดูกาลด้วยการเป็นที่ 6

3. อาร์เซน่อล ฤดูกาล 2011-12

ในช่วงซัมเมอร์ของปี 2011 อาร์เซน่อล ต้องวุ่นอยู่กับการรับมือกับสถานการณ์ของ เชส ฟาเบรกาส หลังจากที่ดาวเตะชาวสแปนิชมีข่าวลือกับ บาร์เซโลน่า อย่างหนัก ก่อนที่สุดท้ายเขาจะไปซบ "อาซูลกราน่า" จริงๆ แถมพวกเขายังต้องเสีย ซามีร์ นาสรี่ ไปด้วย

ท้ายที่สุดแล้วในฤดูกาลนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ อาร์เซน่อล ก็ซื้อนักเตะมาร่วมทีม 11 คน โดยที่ใช้เงินไปรวมแล้ว 51.2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,304 ล้านบาท) ซึ่งแข้งหน้าใหม่ของ "ไอ้ปืนใหญ่" ในซีซั่นนั้นมีอย่างเช่น คาร์ล เจนกินสัน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, มิเกล อาร์เตต้า และ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ เป็นต้น

การเสริมทัพที่ย่ำแย่แบบนั้นทำให้แฟนบอล อาร์เซน่อล ได้เจอกับประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน เพราะฤดูกาลนั้นทีมรักของพวกเขาเล่นได้แย่พอตัว แถมถึงขั้นเคยแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-8 ด้วย ยังดีที่สุดท้าย อาร์เซน่อล จบฤดูกาลด้วยการได้อันดับ 3 ของตารางคะแนน

4. เชลซี ฤดูกาล 2017-18

อันโตนิโอ คอนเต้ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจนช่วยให้ เชลซี ได้แชมป์ลีกในฤดูกาล 2016-17 ไปครอง ทั้งที่นั่นเป็นซีซั่นแรกในการคุมทีมของเขาแท้ๆ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะ "สิงโตน้ำเงินคราม" ทำการเสริมทัพได้ดี อย่างเช่นการได้ ดาวิด ลุยซ์ และ มาร์กอส อลอนโซ่ มาเสริมแกร่ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2017 เชลซี กลับเสริมทัพได้แย่ลงจนถึงขั้นมีข่าวลือว่า คอนเต้ ไม่พอใจมากๆ ที่สโมสรไม่สามารถดึงนักเตะที่เขาต้องการมาร่วมทีมได้ โดยพวกเขาได้นักเตะอย่าง อัลบาโร่ โมราต้า, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ มาเสริมแกร่งเท่านั้น

สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ก็เลวร้ายเกินห้ามใจ เพราะในฤดูกาล 2017-18 เชลซี แทบไม่เหลือคราบของทีมที่ได้แชมป์ลีกเลย ถึงแม้พวกเขาจะดึง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, รอสส์ บาร์คลี่ย์ และ เอแมร์ซอน พัลเมียรี่ มาร่วมทีมในช่วงเดือนมกราคม ปี 2018 แต่มันก็สายไปแล้ว ทำให้การใช้เงินซื้อนักเตะทั้งหมด 235.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 10,597.5 ล้านบาท) ทั้งในช่วงซัมเมอร์และหน้าหนาว จบลงที่การได้อันดับ 5 ในลีก ยังดีที่พวกเขาได้แชมป์ เอฟเอ คัพ มาปลอบใจ

5. ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ฤดูกาล 2013-14

ในซีซั่น 2012-13 สเปอร์ส ซึ่งนำโดย แกเร็ธ เบล เกือบจะได้อันดับ 4 ในลีก จนทำให้แฟนบอลตั้งความคาดหวังเอาไว้สูงกับการลงเล่นในซีซั่น 2013-14

อย่างไรก็ตาม ความฝันของสาวก "ไก่เดือยทอง" ก็แทบจะพังทลายลงตั้งแต่ก่อนเปิดซีซั่น หลังจากที่ เบล ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ทำให้ สเปอร์ส ต้องเจองานหนักในการถมช่องว่างที่ดาวเตะชาวเวลส์ทิ้งเอาไว้ ซึ่งพวกเขาก็ใช้เงินเสริมทัพในฤดูกาลนั้นรวมแล้ว 109 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,905 ล้านบาท) จนได้นักเตะมาร่วมทีมหลายคน อย่างเช่น คริสเตียน เอริคเซ่น, โรเบร์โต้ โซลดาโด้ และ เอริค ลาเมล่า เป็นต้น

น่าเศร้าที่ในกลุ่มแข้งหน้าใหม่ทั้งหมดนั้น มีแค่ เอริคเซ่น เพียงคนเดียวที่ดูเล่นได้น่าประทับใจ ก่อนที่สุดท้าย สเปอร์ส จะจบฤดูกาลด้วยการเป็นเพียงที่ 6