ลิเวอร์พูล คือหนึ่งในสโมสรที่มีการทุ่มทุนเสริมทัพมากที่สุดในช่วงซัมเมอร์นี้ ไม่เพียงแค่ในพรีเมียร์ลีก แต่นับรวมไปถึงในระดับยุโรปด้วย เมื่อพวกเขาจัดการเทงบกว่า 170 ล้านปอนด์ รวบแข้งใหม่ทั้ง ฟาบินโญ่, เนบี เกอิต้า, เซอร์ดาน ชากิรี่ และ อลีสซง เบคเกอร์ เข้ามายังถิ่นแอนฟิลด์

แน่นอนว่าการลงทุนสูงย่อมตามมาด้วยความคาดหวังและแรงกดดันอย่างมหาศาลสำหรับฤดูกาลใหม่นี้ ซึ่ง ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องคว้าแชมป์มาครองให้ได้สถานเดียวเท่านั้น หลังจากที่ห่างหายจากความสำเร็จไปนานหลายปี

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีกระแสข่าวออกมาว่า ยอดทีมแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์อาจยังไม่หยุดเสริมทัพแต่เพียงเท่านี้ และอาจเดินหน้าสอย อารอน แรมซีย์ กองกลาง อาร์เซน่อล เข้ามาร่วมทีมอีกราย ก่อนตลาดซื้อ-ขายนักเตะของอังกฤษจะปิดตัวลงในวันที่ 9 สิงหาคมนี้

ดาวเตะทีมชาติเวลส์ วัย 27 ปี ปัจจุบันเหลือสัญญาการค้าแข้งในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อีกไม่ถึง 12 เดือนแล้ว และเขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะต่อออกไปแต่อย่างใด และ เอียน แม็คแกร์รี่ กูรูเรื่องการซื้อ-ขายนักเตะ ก็อ้างว่า "หงส์แดง" อาจสนใจดึงตัวมาร่วมถิ่นแอนฟิลด์ ก่อนถึงเดดไลน์

"มันมีความสนใจจาก ลิเวอร์พูล ผมเข้าใจอย่างนั้น ผมคิดว่ามันไม่มีที่ว่างใน ลิเวอร์พูล แล้วตอนนี้หลังการมาของ ฟาบินโญ่ และ นาบี เกอิต้า แต่ แรมซีย์ จะเป็นการเสริทัพที่ดีอย่างแน่นอนสำหรับทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในฐานะมิดฟิลด์แบบบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์"

"ดังนั้น แรมซีย์ ต้องใช้เวลาและพิจารณาให้ดีเพื่อชั่งใจเกี่ยวกับตัวเลือกของเขา ผมไม่คิดว่าเขากังวลกับเรื่องย้ายทีม (เนื่องจากเส้นตาย) เพราะในเดือนมกราคมเขาสามารถเซ็นสัญญาล่วงหน้ากับสโมสรไหนก็ได้นอกอังกฤษ เหมือนกรณี เอ็มเร่ ชาน กับ ยูเวนตุส แล้วค่อยย้ายแบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์หน้า ซึ่งค่าตัวเขาตอนนี้ 35-40 ล้านปอนด์ สามารถนำไปจ่ายเป็นค่าเหนื่อยและค่าเซ็นสัญญาของเขาแทนได้"

"สำหรับผมแล้ว แรมซีย์ คือหนึ่งในนักเตะสหราชอาณาจักรเพียงไม่กี่คนที่สามารถย้ายไปเล่นต่างประเทศได้และทำผลงานที่ดี รวมถึงเรียนรู้เรื่องภาษา, มีการปรับตัวและประสบความสำเร็จ ดังนั้น ตัวเลือกของเขาจึงไม่จำกัเพียงแค่ในพรีเมียร์ลีก ผมคิดว่ามันจะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของ อูไน เอเมรี่ และ อาร์เซน่อล แต่ขณะเดียวกันผมก็เข้าใจความรู้สึกของ เอเมรี่ ซึ่งเขาไม่ใช่คนที่ยึดถือประเพณีและวัฒนธรรม"

"เราเห็นแล้วจากกรณีของ แจ็ค วิลเชียร์ คนที่ปฏิบัติตามสัญญาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ถึงแม้เขากำลังฟื้นฟูร่างกายจากอาการบาดเจ็บ เราก็เห็นแล้วว่า เอเมรี่ เย็นชาแค่ไหนที่บอกกับเขาไปตรงๆ ว่า -นายอาจเป็นได้แค่ตัวสำรองนะ- มันยังไม่ได้เกิดกรณีแบบนั้นขึ้นกับ แรมซี่ย์ เขายังไม่ถูกฟันธงว่าจะไม่ได้เป็นตัวจริง" แม็คแกร์รี่ กล่าว

แรมซีย์ มีชื่อตัวจริงในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรี-ซีซั่นกับ เชลซี เมื่อวันพุธ แต่ต้องถอนตัวไปในนาทีสุดท้าย โดย เอมิล สมิธ โรว์ ไอ้หนูดาวรุ่ง ถูกส่งลงเล่นแทน ขณะที่ อูไน เอเมรี่ ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล กล่าวในเกมที่เอาชนะคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนด้วยการยิงจุดโทษ 6-5 ว่า "เขามีอาการเจ็บเล็กน้อยที่กล้ามเนื้อและเราก็ตัดสินใจไม่ส่งเขาเป็นตัวจริง เพราะกลัวว่ามันอาจเสี่ยงเกินไป แต่ผมก็เฝ้ารอการวิเคราะห์จากแพทย์และผมคิดว่ามันไม่ใช่ปัญหาใหญ่"

เมื่อถูกถามถึงสถานการณ์สัญญาของ แรมซีย์ กุนซือชาวสเปน ตอบนักข่าวว่า "ผมไม่รู้ นั่นคือคำถามสำหรับสโมสรและตัวนักเตะ ผมมีสมาธิเต็มที่ ผมจดจ่อ ตอนนี้ผมคิดถึงแต่เรื่องการฝึกซ้อมและนักเตะสำหรับแมตช์เจอกับ ลาซิโอ วันเสาร์นี้ จากนั้นก็เป็นเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (นัดเปิดฤดูกาลศึกพรีเมียร์ลีก)"

"เรื่องสัญญาเป็นคำถามสำหรับสโมสรและตัวนักเตะ ในความคิดของเรา ในความคิดของผมมันชัดเจน ผมอยากให้เขาอยู่กับเราต่อไป แต่มันคือคำถามยังคงต้องพูดคุยกับนักเตะและสโมสรต่อไป ในความคิดของผมเขาเป็นมืออาชีพ เขาเป็นนักเตะที่ผมต้องการในทีมนี้" เอเมรี่ กล่าว

ถึงตอนนี้นี้เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนที่ตลาดซื้อ-ขายนักเตะอังกฤษจะปิดตัวลง และดูแล้วก็ไม่น่าเป็นไปได้สำหรับ ลิเวอร์พูล ที่จะมาปฏิบัติการคว้าผู้เล่นในนาทีสุดท้าย เนื่องจากพวกเขาเป็นทีมที่วางแผนเรื่องการเสริมทัพอย่างเป็นระบบ และที่ว่างในแดนกลางก็ไม่เหลือสำหรับแข้งใหม่แล้ว

แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่าในวงการฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ และหาก แรมซีย์ ย้ายมายังถิ่นแอนฟิลด์จริงๆ ก็คงจะเหมือนกรณีที่ "หงส์แดง" ไปคว้า อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน มาจาก อาร์เซน่อล เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนปิดตลาดลงพอดี ชนิดที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้ใครหลายคนเลยทีเดียว และเป็นเรื่องที่บรรดา "เดอะ ค็อป" ต้องตามลุ้นกันต่อไป