โจ โกเมซผลผลิตที่คล็อปป์อดทนบ่มเพาะเป็นอย่างดี
Posted 04/09/2018 by siamsport
นับตั้งแต่ปิดฤดูกาล 2017-18 เจอร์เก้น คล็อปป์ มีปัญหาเต็มกระบุงที่จะต้องทำการแก้ไขปรับปรุง ลิเวอร์พูล เพื่อที่พวกเขาจะมีโอกาสในการก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แบบเต็มตัว ในฤดูกาลปัจจุบัน
คล็อปป์ มีการปรับเพิ่มเสริมแกร่ง "หงส์แดง" แบบค่อยเป็นค่อยไปด้วยการผ่าตัดกองกลางโดยดึง นาบี เกอิต้า กับ ฟาบินโญ่ รวมทั้ง เซอร์ดาน ชากิรี่ มาเสริมทัพ ขณะที่เกมรุกไม่ต้องพูดถึงการมี 3 ประสานอย่าง โม ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ยังคงสร้างความน่ากลัวให้กับคู่แข่งอยู่เสมอ
ขณะที่ตำแหน่งผู้รักษาประตูก็ได้ อลิสซง เบ็คเกอร์ มาเฝ้าเสา (แม้เพิ่งโชว์ห่วยเกมชนะ เลสเตอร์ ก็ตาม) ในส่วนของเกมรับการมี แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน คอยบัญชาการทางฝั่งซ้าย และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รับมือทางฝั่งขวาม ต้องบอกว่าสองคนนี้สามารถเติมเกมบุกได้ตลอดเวลา และเกมรับก็ไม่มีข้อบกพร่อง ขณะที่ตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ "เดอะ เร้ดส์" มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เป็นเสาหลักที่สุดแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ ต้องเจอกับเรื่องปวดหัวก่อนฤดูกาลเปิดเมื่อ เดยัน ลอฟเรน มีปัญหาบาดเจ็บจากการรับใช้ทีมชาติโครเอเชีย ชุดคว้ารองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ขณะที่ โจเอล มาติป ก็ต้องเดินทางกลับถิ่นแอนฟิลด์เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บในช่วงออกทัวร์ปรีซีซั่น
ทำให้ นายใหญ่เลือดด๊อยท์ช มีตัวเลือกเพียงแค่ โจ โกเมซ เท่านั้นในการจับมายืนเป็นคู่หูเซนเตอร์ฮาล์ฟร่วมกับ ฟาน ไดค์ ซึ่งก่อนหน้านี้ ดาวเตะเลือดผู้ดี มักจะโดนจับไปเล่นในตำแหน่งแบ็กขวาเป็นส่วนใหญ่ จึงทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า คล็อปป์ คิดผิดหรือไม่ที่ให้ ดาวเตะวัย 21 ปี ยืนเป็นหัวใจในเกมรับของ "เดอะ เร้ดส์"
แน่นอนว่าบรรดาสาวก "เดอ ค็อป" คงหายใจไม่ทั่วท้องกับการตัดสินใจของ คล็อปป์ ที่เลือก โกเมซ ยืนคู่กับ ฟาน ไดค์ (แม้จะเป็นภาวะจำยอม) เพราะผลงานของนักเตะเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ถือว่าไม่ค่อยน่าประทับใจมากนักกับการเล่นเกมรับหละหลวมจนเป็นเหตุให้ทีมเสียประตูบ่อยครั้ง
สำหรับตอนนี้คงไม่มีใครสงสัยกันแล้ว เมื่อ โกเมซ ทำผลงานได้ดีไม่มีที่ติในการจับคู่เกมรับกับยอดกองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ แต่ขอบอกว่าเรื่องนี้ คล็อปป์ ไม่ได้แปลกใจเลยเนื่องจากเขาตัดสินใจมานานแล้วที่จะให้ดาวรุ่งรายนี้เล่นตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง !!
เหตุผลสำคัญเพราะ โกเมซ แข็งแกร่งมากๆ ในการเล่นลูกกลางอากาศ และยังมีความแม่นยำในการเสียบสกัด รวมทั้งมีคุณสมบัติในแบบเซนเตอร์ฮาล์ฟแบบดั้งเดิม แต่ที่เหนือกว่าก็คือ เขายังมีคุณสมบัติในการเป็นกองหลังแบบสมัยใหม่ด้วย
โกเมซ สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในการเล่นหลากหลายตำแหน่ง และก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยมในทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะกับตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งนั่นทำให้เกิดคำถามใหม่ขึ้นมาว่า ลอฟเรน กับ มาติป หากฟิตสมบูรณ์แล้วจะมีโอกาสเบียดแย่งตำแหน่งคืนได้หรือไม่ !!??
ผลงานช่วง 4 เกมแรกของฤดูกาล 2018-19 พร้อมกับการเสียเพียงประตูเดียว (จากความผิดพลาดของ อลิสซง ซะด้วย) เป็นเหตุผลสำคัญที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เรียกตัวนักเตะติดธงในแมตช์ดวล สเปน และ สวิตเซอร์แลนด์ ช่วงสัปดาห์นี้
จากผลงานชิ้นโบว์แดงของ โกเมซ ซึ่งโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานในช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา แสดงให้เห็นแล้วว่านักเตะรายนี้มีพัฒนาการในเรื่องศักยภาพอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเป็นนักเตะที่ใจเย็น และมีความนิ่งแม้จะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันก็ตาม
คล็อปป์ ก็เหมือนกับเจ้าของสวนผลไม้ที่ค่อยๆ ประคบประหงมผลไม้ของเขาด้วยความรัก และเอาใจใส่ โดยตอนนี้เขาได้ผลผลิตชั้นยอดที่เต็มไปด้วยคุณภาพสมกับที่รอคอยจริงๆ
แม้อาจจะเร็วไปหน่อยที่จะประเมินความสำเร็จของ โกเมซ แต่หากใครเป็นสาวก "เดอะ ค็อป" จะรู้ได้ทันทีว่านักเตะรายนี้มีพัฒนาการที่ดีมากๆ จากครั้งนึงเคยถูกเรียกว่า "บ่อน้ำมัน" ตอนนี้เป็นกองหลังที่ทีมขาดไมได้แล้ว
สถิติ โจ โกเมซ ในการเล่นพรีเมียร์ลีก ให้ลิเวอร์พูล ตั้งแต่ปี 2015- ปัจจุบัน (เกมพบ เลสเตอร์ วันที่ 1 ก.ย.)
ลงสนาม 32 แมตช์
ประตู 0 ประตู
แอสซิสต์ 3 ครั้ง
คลีนชีท 15 เกม
ชนะ 18 เกม
แพ้ 4 เกม
สถิติ โจ โกเมซ ในการเล่นพรีเมียร์ลีก ประจำฤดูกาล 2018-19
ลงสนาม 4 เกม
ประตู 0 ประตู
แอสซิสต์ 0 ครั้ง
คลีนชีท 3 เกม
ชนะ 4 เกม
ผ่านบอล 291 ครั้ง
ผ่านบอลต่อเกม 72.75 ครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ใครหายไปบ้าง!แบโผ25แข้งลิเวอร์พูลชุดลุยพรีเมียร์
พรีเมียร์ลีก เปิดเผยรายชื่อนักเตะที่แต่ละทีมลงทะเบียนกับพวกเขา ซึ่งในรายของ ลิเวอร์พูล นั้น ไม่มีชื่อของ ลาซาร์ มาร์โควิช ปีกเลือดเซิร์บ ขณะที่ ลอริส คาริอุส ยังมีชื่ออยู่ในทีมแข้งลิเวอร์พูลขอมีเอี่ยว! รวมทีมแข้งยอดแย่พรีเมียร์ลีก ประจำสัปดาห์
สัปดาห์ที่ มีผู้เล่นหลายคนที่เล่นผิดพลาดจนเป็นเหตุให้ทีมเสียประตูหลายราย ซึ่งเราได้นำพวกเขามาติดทีมยอดแย่ในสัปดาห์ จะมีใครบ้างไปดูกันได้เลยเลสเตอร์ 1-2 ลิเวอร์พูล
"แม้เกมนี้ลิเวอร์พูลจะขึ้นนำเลสเอตร์ ซิตี้ ถึงสองประตูในครึ่งแรก จาก มาเน่ และฟรี์มีโน่ อย่างไรก็ตามครึ่งหลังกลับเป็นหนังคนละม้วนเป็นทัพจิ้งจอกสยามที่เกมดีกว่ามากและได้ประตูตีไข่แตกจากความผิดพลาดของ อลีสซง เบ็คเกอร์ แต่หงส์แดงยังดีพอคว้าชัยไปได้ 2-1 กลับขึ้นไปนำจ่าฝูงชั่วคราว"
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์