เมื่อปีที่แล้ว เอซี มิลาน คือหนึ่งในทีมที่ลุงทนซื้อนักเตะมากที่สุด และหนึ่งในนั้นก็คือการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำราคาถึง 60 ล้านยูโร กับการเซ็นสัญญาคว้า อันเดร ซิลวา และ นิโคล่า คาลินิช เข้ามาเสริมแนวรุกด้วยความหวังว่าทั้งคู่จะกระหน่ำประตูช่วยให้ทีมคว้าสิทธิ์ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ทั้งคู่ถูกดึงเข้ามาในฐานะนักเตะที่มีประสบการณ์กับผู้เล่นอนาคตไกล ซึ่งเป็นส่วนผสมที่น่าจะลงตัวเมื่อรวมกับดาวรุ่งอย่าง พาทริค คูโตรเน่ ซึ่งจะทำให้ "รอสโซเนรี่" มีลุ้นประสบความสำเร็จกับแนวรุกที่มีความหลากหลาย

    อย่างไรก็ตาม คาลินิช จบซีซั่นลงด้วยการยิงเพียง 6 ประตูและทำ 6 แอสซิสต์จาก 41 นัด ขณะที่ ซิลวา ยิง 10 ประตูจาก 2 แอสซิสต์จาก 40 เกม โดยในจำนวนนั้นเป็นการยิงได้แค่ 2 ประตูเท่านั้นจาก 24 นัดในศึกเซเรีย อา

ทั้งคู่โดนกลบรัศมีโดยไอ้หนูวัย 20 ปี ซึ่งปิดฉากฤดูกาลนั้นลงด้วยการเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมกับจำนวน 18 ประตู และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ มิลาน จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วยการเพิ่มศูนย์หน้าระดับเวิลด์คลาส ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาขาดหายไปนับตั้งแต่ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ย้ายออกไปในปี 2012

    การดึงตัว กอนซาโล่ อิกวาอิน มาจาก ยูเวนตุส นั้นเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาการแลกตัวกันระหว่าง มัตเตีย คัลดาร่า กับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ และถึงแม้ว่าสตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ยังไม่สามารถเบิกประตูแรกได้ในสีเสื้อ มิลาน เขาก็เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่านี่คือชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของ "ปีศาจแดง-ดำ"

อิกวาอิน แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เขาสามารถมอบให้กับต้นสังกัดได้ในเกมปรี-ซีซั่นนัดสุดท้ายกับ เรอัล มาดริด เมื่อเดือนสิงหาคม กับประตูสุดสวยที่ซัดในแมตช์ที่ซานติอาโก เบร์นาเบว ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขามีความเฉียบคมแค่ไหน

    ดาวเตะวัย 30 ปี มีปัญหาในเกมเจอกับ นาโปลี นัดเปิดซีซั่น แต่เจ้าตัวก็ได้ส่งสัญญาณที่ดีออกมาว่าเขาเป็นมากกว่าแค่ตัวจบสกอร์ โดยหลักฐานที่ชัดเจนคือผลงานในเกมที่ช่วย มิลาน เอาชนะ โรม่า 2-1 ก่อนถึงช่วงเบรกทีมชาติ

ขณะที่ ซิลวา, คาลินิช, คาร์ลอส บัคก้า และคนอื่นๆ ต่างล้มเหลวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อิกวาอิน คือคำตอบสุดท้ายสำหรับการยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า ซึ่งไม่เพียงแค่ยิงประตูเท่านั้น แต่ยังลงมาต่ำและเชื่อมเกมในจังหวะที่ทีมบุกได้ด้วย

  จากการที่ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ เทรนเนอร์ มิลาน นำทีมเล่นฟุตบอลอย่างมีสไตล์มากขึ้นในฤดูกาลนี้ ซึ่งรวมถึงการสร้างเกมจากแดนหลังและเล่นเกมรุกด้วยความอดทน, ความนิ่ง และคุณภาพด้านเทคนิค นั่นจึงทำให้ อิกวาอิน ฉายแววเจิดจรัสในชัยชนะเหนือ "จัลโล่รอสซี่"

จากความสามารถตั้งแต่การพักบอลไปจนถึงลงมาเล่นต่ำ, การเชื่อมเกมรุกและฉีกตัวไปรับบอลริมเส้น หรือจะเป็นการสร้างอันตรายด้วยการเคลื่อนที่ ดาวยิงอาร์เจนไตน์แสดงให้ถึงสิ่งที่ กัตตูโซ่ ต้องการจากผู้เล่นในตำแหน่งนี้ นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

    นี่คือนักเตะเจ้าของสถิติยิง 146 ประตูจาก 253 นัด นับตั้งแต่ย้ายมาอิตาลีในปี 2013 นั่นทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประตูของเขาจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันหัวหอกมากประสบการณ์ก็ยังมีบทบาทสำคัญในระหว่างเรียนรู้วิธีการเล่นในระบบ 4-3-3 ด้วย

นอกจากนี้ นักเตะที่มีคุณภาพมากมายอย่าง อิกวาอิน ยังสามารถช่วยพัฒนาฝีเท้าให้กับ คูโตรเน่ ได้ด้วย เนื่องจากดาวรุ่งชาวอิตาลีต้องการที่จะก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการช่วย มิลาน ไปให้ไกลกว่านี้ และการได้เล่นร่วมกับแข้งระดับโลกก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเขาด้วย 

    อิกวาอิน ผ่านบอลอย่างสุดสวยให้กับกองหน้าดาวรุ่งเข้าไปพังประตูชัยในเกมกับ โรม่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่สามารถที่จะเล่นร่วมกันได้เป็นอย่างดี หาก กัตตูโซ่ ตัดสินใจที่จะใช้ระบบหัวหอก 2 ตัว และนั่นก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขาสามารถที่จะเป็นผู้เล่นคนสำคัญในฤดูกาลนี้

จากฟอร์มอันโดดเด่นในเกมฟาดแข้งกับ "หมาป่าเหลือง-แดง" ทำให้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อิกวาอิน จะพังประตูแรกของเขาในสีเสื้อ มิลาน ได้ในเร็วๆ นี้แน่นอน รวมถึงนำต้นสังกัดประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในซีซั่นนี้ด้วย

    แน่นอนว่า กัตตูโซ่ สามารถที่จะรับประกันได้ว่าซูเปอร์สตาร์ของเขาจะไม่โดดเดี่ยวในแนวรุก หรือต้องแบกรับภาระหนักจนเกินไป เนื่องจาก มิลาน มีผู้เล่นตัวสร้างสรรค์เกมมากมาย ทั้ง ฮาคาน ชัลฮาโนกลู, ซูโซ่ และ จานโคโม่ โบนาเวนตูร่า ที่พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ และจะสร้างโอกาสอย่างมากมายให้กับเขาอย่างแน่นอน

กัตตูโซ่ ตัดสินใจที่จะนำ มิลาน เล่นฟุตบอลที่มีคุณภาพด้านเทคนิคและมีสไตล์ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปนานในถิ่นซาน ซิโร่ และหากว่ายังคงพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การคว้าผลการแข่งขันที่ดีนั้น มันก็จะสร้างความเชื่อมั่นในสิ่งที่ "รอสโซเนรี่" ต้องการประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ และไม่ต้องสงสัยเลยว่า อิกวาอิน จะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันนั้น