ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » วิเคราะห์ขุมกำลังทุกตำแหน่ง ลิเวอร์พูล ถึงเวลาแชมป์ลีกหรือยัง ?

วิเคราะห์ขุมกำลังทุกตำแหน่ง ลิเวอร์พูล ถึงเวลาแชมป์ลีกหรือยัง ?

Posted 25/09/2018 by siamsport

ลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งเดียวในฤดูกาลนี้ที่เก็บชัยชนะเรียบวุธกับ 6 เกมแรกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แน่นอนว่านี่คือสถิติที่สุดเพอร์เฟกต์ของพวกเขา อย่างไรก็ตามหนทางในการลุ้นแชมป์ยังอีกยาวไกล แต่สัญญาณหลายๆ อย่างกำลังออกมาในเชิงบวกสำหรับ "หงส์แดง" ในเวลานี้

เกมที่ไล่ทุบ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-0 ในถิ่นแอนฟิลด์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทีมที่แข็งแกร่งในทุกตำแหน่ง และนั่นเริ่มเกิดคำถามว่าถึงเวลาแล้วที่ "เดอะ เร้ดส์" จะยุติ 29 ปีแห่งการรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ? ต้องลองมาวิเคราะห์ขุมกำลังในทุกๆ ตำแหน่งของพวกเขาว่าเอื้ออำนวยมากแค่ไหน
 
ผู้รักษาประตู

ตำแหน่งนี้ทำให้บรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" เป็นกังวลมาตลอดในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมาทั้งกับ ซิมง มิโญเลต์ และ ลอริส คาริอุส ที่ช่วยกันแบ่งปันการเล่นผิดพลาดจนทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูล อ่อนระทวยจนทำใจเอาไว้แล้วว่าหากสองคนนี้ลงสนามคงได้เห็นอะไรย่ำแย่แน่นอน

แน่นอนว่าเหตุการณ์ในนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่แพ้ เรอัล มาดริด สาวก "ราชันชุดขาว" ต่างแฮปปี้กันถ้วนหน้าสำหรับของขวัญชิ้นโบว์แดงจาก คาริอุส ที่มอบให้ถึง 2 ประตู ด้วยเหตุนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งต้องแก้ไขจุดด้อยในตำแหน่งนี้ และได้เคาะประตูห้องผู้บริหารเพื่อเซ็นเช็คก้อนโตให้กับ โรม่า จำนวน 67 ล้านปอนด์ (ราว 3,015 ล้านบาท) เพื่อยอมปล่อย อลิสซง เบ็คเกอร์ นายทวารชาวบราซิเลียน มาเฝ้าเสาในถิ่นแอนฟิลด์

ต้องยอมรับว่านี่คือการเซ็นสัญญาครั้งสำคัญ เพราะ อลีสซง ทำผลงานได้ดีเยี่ยมพร้อมกับสถิติรักษาคลีนชีต 4 เกมจาก 6 แมตช์แรกในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แถมเสียแค่ 2 ประตู แต่เจ้าตัวได้เรียนรู้แล้วว่าการเล่นในลีกผู้ดีไม่ควรใช้เวลาจับบอลนานเหมือนเกมเซเรีย อา เพราะไม่งั้นจะโดน เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ฉกบอลไปจากเท้าก่อนส่งให้  ราชิด เกซซาล ซัดประตู ในเกมเฉือนเลสเตอร์ ซิตี้

อย่างไรก็ตาม ผลงานโดนรวมของโกล์มือ 1 ทีมชาติบราซิล ถือว่าน่าพอใจและทำให้แฟนบอล "หงส์แดง" นึกถึง เปเป้ เรน่า นายทวารชาวสแปนิช ที่เฝ้าเสาได้อย่างเหนียวแน่นและทำผิดพลาดน้อยมาก

ค่าเฉลี่ยคุณภาพ : 8 

กองหลัง

นี่เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ยังคงห่างไกลจากความคำว่าคุณภาพโดยเฉพาะในช่วง 2 ฤดูกาลแรกภายใต้การกุมบังเหียนของ คล็อปป์ โดยนายใหญ่ชาวเยอรมันได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าเขาเป็นคนที่มีมันสมองเลิศเลอในการแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง

แม้ว่าการได้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ มาร่วมทีมจะต้องสูญเงินในบัญชีไปถึง 75 ล้านปอนด์ (ราว 3,375 ล้านบาท) เมื่อเขาย้ายมาร่วมทีมในเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ กองหลังเลือดดัตช์ แสดงให้เห็นแล้วว่าตอนนี้เขาคือหัวใจในเกมรับของ "เดอะ เร้ดส์" ที่ขาดไม่ได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่มีใครเจาะแนวรับเข้าไปยิงประตูในถิ่นแอนฟิลด์ได้เลยในเกมลีกนับตั้งแต่ที่ มิคาอิล อันโตนิโอ ดาวเตะเวสต์แฮม ทำได้ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นับรวมๆ แล้วก็นานกว่า 751 นาทีเลยทีเดียว  แน่นอนว่า ฟาน ไดค์ เป็นกองหลังระดับโลกของจริง แต่ก็ยังมีเซนเตอร์ฮาล์ฟอีกคนที่โชว์ฟอร์มพุ่งแรงขึ้้นมาอย่างน่าตื่นเต้น

โจ โกเมซ กองหลังชาวอังกฤษ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและเป็นคู่หูสำคัญของ ฟาน ไดค์ ซึ่งทำให้แนวรับของ "เดอะ เร้ดส์" แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทันตาเห็น โกเมซ ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว และในซีซั่นนี้เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเขามีอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า เขาปรับตัวได้ดีกับการเล่นทั้งแบ็กซ้าย และแบ็กขวาถ้าจำเป็นต้องลงเล่น

ขณะที่ เดยัน ลอฟเรน มีปัญหาบาดเจ็บในช่วงต้นฤดูกาล โกเมซ สามารถฉกฉวยโอกาสของเขาเอาไว้ได้ ส่วน โจเอล มาติป ซึ่งเพิ่งลงเล่นตัวจริงและทำประตูได้ในเกมชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเยี่ยมในแผงแบ็กโฟร์ของทีมเช่นกัน

นอกจากนี้ คล็อปป์ ยังได้โบนัสก้อนโตสำหรับฟอร์มสุดยอดเกินห้ามใจของไอ้หนู เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาวัย 19 ปี ที่ระเบิดฟอร์มสุดยอด และแทบจะกลายเป็นตัวหลักของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ในเวลานี้ด้วย "ไอ้หนูเทรนต์" คือผลผลิตเกรดเอจากศูนย์เยาวชนสโมสร เขาสร้างความอันตรายในการเล่นบริเวณริมเส้น และยังเปิดบอลได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งยังสามารถพัฒนาการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนทางฝั่งซ้าย แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการแบบเขย่งก้าวกระโดดจริงๆ หลังจากย้ายมาจาก ฮัลล์ ซิตี้ ทีมระดับแชมเปี้ยนชิพ และตอนนี้ฟูลแบ็กชาวสกอตแลนด์ กลายเป็นนักเตะกำลังสำคัญนับตั้งแต่ที่ย้ายมาร่วมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้ว โรเบิร์ตสัน เป็นนักเตะที่ไม่เคยกลัวที่จะเติมเกมรุก การเปิดบอลที่สามารถขู่แนวรับคู่แข่งได้เป็นอย่างดี และยังทำแอสซิสต์ไปแล้ว 3 ครั้งในซีซั่นนี้

แน่นอนว่าขุมกำลังของทีมในเกมรับมีการแข่งขันอย่างเข้มข้น เพราะยังมียางอะไหล่อย่าง อัลแบร์โต้ โมเรโน่ และ นาธาเนียล ไคลน์ โดยพวกเขาพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อจะมีโอกาสแย่งตำแหน่งของตัวเองกลับคืนมาให้ได้

 จากจุดอ่อนตอนนี้แนวรับของ ลิเวอร์พูล กลายเป็นจุดแข็งหนาปึ้กไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หากจะพูดกันตามจริงเกมรับของ "หงส์แดง" ยังไม่ได้โดนบททดสอบที่แท้จริงๆ มากนัก ในเกมกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งเป็นเพียงทีมท็อปซิกซ์ทีมเดียวเท่านั้นที่พวกเขามีโอกาสได้ปะทะแข้ง

ขณะที่ในเกมพบ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดแรก รอบแบ่งกลุ่ม แนวรับ "หงส์แดง" เสียไปสองประตู ฉะนั้นในเกมที่จะต้องไปเยือน เชลซี เกมลีกวันเสาร์ที่ 29 กันยายนนี้ (ต้องเจอกันเกม คาราบาว คัพ วันพุธนี้ด้วย) ตามด้วยเปิดรังแอนฟิลด์ รับมือ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในอีกสัปดาห์ถัดไป จะเป็นบทพิสูจน์ว่าเกมรับของพวกเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน

ค่าเฉลี่ยคุณภาพ : 8.5

กองกลาง

ต้องยอมรับว่าตำแหน่งนี้คือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญในการเสริมทัพของ ลิเวอร์พูล โดยพวกเขาคว้าตัว นาบี เกอิต้า และ ฟาบินโญ่ มาร่วมทีม ขณะเดียวกับขุมกำลังที่มีอยู่ในปัจจุบันทำให้ คล็อปป์ ต้องปวดหัวมากๆ ในการเลือกลูกทีมลงสนาม แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีเพราะทำให้นักเตะทุกคนต้องแข่งขันกันเองเพื่อคว้าโอกาสของพวกเขา

เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งเล่นด้วยฟอร์มสุดยอดในวัย 32 ปี แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการจัดการกับ เนย์มาร์ เกมแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนฟอร์มการเล่นในลีกก็ถือว่าสุดยอดเกินห้ามใจจริงๆ แม้ว่าอายุของเขาจะเกินหลักสามสิบไปแล้วก็ตามแต่เรื่องพละกำลังยังเหลือเฟือ และการทุ่มเทให้กับทีมแบบเกินร้อย ฉะนั้นยากมากที่จะแย่งตำแหน่งของเขา

ขณะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีม มักจะโดนจับเป็นตัวสำรองในฤดูกาลนี้ โดย นาบี เกอิต้า ซึ่งย้ายจาก ไลป์ซิก ด้วยค่าตัว 52.75 ล้านปอนด์ (ราว2,373 ล้านบาท) ได้ลงเล่นตัวจริง 4 จาก 6 เกมแรก สำหรับผลงานของ ดาวเตะชาวกีนี เขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและการเป็นผู้นำในแผงมิดฟิลด์ ที่สำคัญ เกอิต้า สามารถปรับตัวเข้ากับวงการลูกหนังเมืองผู้ดีได้เร็วมากๆ

ส่วน จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม กับบทบาทใหม่ตอนนี้สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงแบบถาวรหลังจากเล่นเกมลีก 6 แมตช์แรก และยิงประตูเบิกร่องให้ทีมชนะ สเปอร์ส 2-1 ส่วน ฟาบินโญ่ ซึ่งย้ายมาจาก โมนาโก ด้วยค่าตัว 39 ล้านปอนด์ (ราว 1,755 ล้านบาท) ตอนนี้เขาต้องอดทนรอโอกาส แต่อย่างน้อยๆ ก็ได้สัมผัสเกมไปแล้วไม่กี่นาทีแมตช์ชนะ "เปแอสเช"

ดาวเตะเลือดบราซิเลียน ยังไม่มีประสบการณ์เกมพรีเมียร์ลีก อย่างไรก็ตาม คล็อปป์ รับประกันว่าเวลาของเขาใกล้จะมาถึงในเร็วๆ นี้ แต่กระนั้นมันก็ค่อนข้างจะยากมากๆ สำหรับเขาในการที่จะเบียดแย่งตำแหน่งเพื่อลงเล่นตัวจริง ในเวลานี้ เพราะต้องยอมรับเลยว่าแผงกองกลางของ "หงส์แดง" ตอนนี้ฟอร์มเข้าฝักทุกคนแน่นอนว่างานนี้ อดัม ลัลลาน่า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ คงต้องเจอกับงานสุดหินในการแย่งตำแหน่ง 

อย่างไรก็ตามการที่ คล็อปป์ เลือกเซ็นสัญญากองกลาง จะทำให้เกิดการแข่งขันเพื่อแย่งตำแหน่งกันอย่างเข้มข้นตลอดทั้งซีซั่น กระนั้นการที่ทีมมีโปรแกรมลงแข่งทั้ง 4 รายการ แน่อนว่าเป็นโอกาสสำหรับทุกๆ คนที่จะได้ลงเล่น หรือบางครั้ง กุนซือเลือดด๊อยท์ช อาจจำเป็นต้องใช้ระบบโรเตชั่นเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกทีมได้รับบาดเจ็บ
 
ค่าเฉลี่ยคุณภาพ : 9
 
กองหน้า

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ซัดไป 135 ประตูจากการเล่นทุกรายการเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และสามประสานแดนหน้า "เอสเอ็มเอฟ" ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ช่วยกันตะบันตาข่ายคู่แข่งรวมเบ็ดเสร็จจำนวน 91 ประตูเลยทีเดียว

สำหรับสามประสานทำให้บรรดาคู่แข่งต้องหวาดหวั่นจนขาสั่น และสาวก "เดอะ ค็อป" ต่างยิ้มระรื่นที่เห็นพวกเขาลงสนามพร้อมกันในฤดูกาลนี้ โดย มาเน่ ซัดไปแล้ว 4 ประตู ส่วน ฟีร์มีโน่ กับ โม ซาลาห์ จัดการส่งบอลซุกก้นตาข่ายไปคนละ 3 ประตู

อย่างไรก็ตามตอนนี้เริ่มมีข้อสงสัยเกี่ยวกับฟอร์มของ ดาวเตะทีมชาติอียิปต์ ในช่วงต้นฤดูกาลนี้  มีความเป็นไปได้ว่าที่สถานการณ์เป็นแบบนี้เกิดจากการเปรียบเทียบมาตรฐานระดับสูงที่เจ้าตัวได้สร้างเอาไว้เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมามากกว่าปัญหาเรื่องฟอร์มตก

สำหรับในเกมล่าสุดกับ "นักบุญ" ซาลาห์ยิงได้ 1 ประตู แต่จริงๆ แล้วหากมองจากโอกาสเขาน่าจะซัดแฮตทริกด้วยซ้ำ ขณะที่ ฟีร์มีโน่ ก็กลับมาอยู่ในฟอร์มที่เฉียบคมอีกครั้ง เขาโชว์ลีลาชั้นยอดในแมตช์ช่วยต้นสังกัดชนะ เลสเตอร์, สเปอร์ส และ แซงต์-แชร์กแมง

 ด้าน มาเน่ ตอนนี้ฟอร์มฮอตเกินห้ามใจ ซัด 2 ประตูในเกมแรกที่พบ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด จากนั้นก็ซัด คริสตัล พาเลซ และ เลสเตอร์ ทีมละประตู อย่างไรก็ตามการที่จะทำผลงานได้อย่างสุดยอดเหมือนฤดูกาลที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ 

กระนั้น คล็อปป์ ก็ยังมีทางเลือกสำหรับ 3 กองหน้าตัวเอง ซึ่งบางครั้งอาจจะถูกจับลงเล่นแค่คนเดียวหรือสองคนเพื่อให้พวกเขาได้มีเวลาพักฟื้นร่างกายสำหรับลงเล่นเกมใหญ่ อย่างในกรณีที่ส่ง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ลงตัวจริง ในเกมพบ "เปแอสเช" และนักเตะก็ตอบแทนความไว้วางใจของเจ้านายด้วยการโหม่งประตูเบิกร่องในแมตช์นั้นด้วย

ขณะที่ เซอร์ดาน ชากีรี่ ดาวเตะเลือดสวิส เจ้าของค่าตัว 13.5 ล้านปอนด์ (ราว 607.5 ล้านบาท) ยังสามารถลงมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับทีมอย่างในแมตช์ล่าสุดที่ทุบ เซาธ์แฮมป์ตัน เขามีส่วนทำแอสซิสต์ 2 ครั้งในช่วงครึ่งแรก (หนึ่งในนั้นเป็นจังหวะฟรีคิกชนคานก่อน ซาลาห์ จะวิ่งมาซ้ำเข้าประตู) 

135 ประตูอาจจะเป็นเป้าหมายที่สูงมากในการพยายามที่จะทำให้ได้ แต่ด้วยแนวรุกที่เต็มไปด้วยการทำลายล้าง แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสที่จะยิงระเบิดเถิดเทงยิ่งกว่านี้หลายเท่า
 
ค่าเฉลี่ยคุณภาพ : 9.5

ผู้จัดการทีม

เกือบ 3 ปีนับตั้งแต่ที คล็อปป์ เข้ามาทำงานให้กับยอดทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ และเขาต้องเจอกับสภาวะกดดันอย่างหนักในการนำ "หงส์แดง" คืนสู่ความยิ่งใหญ่ แม้เจ้าตัวจะประสบความสำเร็จอย่างสูงสมัยที่อยู่กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็ตาม

 ลิเวอร์พูล แพ้นัดชิงชนะเลิศ 3 รายการในช่วงระหว่างที่ กุนซือเลือดด๊อยท์ช กุมบังเหียน ได้แก่ คาราบาว คัพ, ยูโรปา ลีก ในฤดูกาล 2015-16 และนัดชิง แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อซีซั่นที่ผ่ามา "เดอะ เร้ดส์" จบฤดูกาลในอันดับ 8, อันดับ 4 และอันดับ 4 จากทั้งหมด 3 ซีซั่นที่กุมบังเหียน

 คุมทัพ ในซีซั่นนี้การได้ผู้รักษาประตู และกองหลังที่เหนียวแน่นทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา แม้ว่า คล็อปป์ จะล้างแชมป์มานานก็ตาม แถมยังต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาล แต่ในฤดูกาลนี้พวกเขาเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยม และมีโอกาสดีมากๆ ที่จะประสบความสำเร็จ

"หงส์แดง" เป็นทีมที่เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ แฟนบอลก็ประทับใจกับสไตล์การเล่นที่เน้นเกมบุกเร้าใจ แต่สิ่งที่สำคัญมากๆ ก็คือสภาพจิตใจที่พร้อมจะยืดหยัดเบียดเสียดกับแรงกดดันสำหรับการลุ้นแชมป์ไปจนกระทั่งจบฤดูกาล โดยสถานการณ์แบบนี้คล้ายกับตอนที่ คล็อปป์ คุม ดอร์ทมุนด์ และเขาจัดการสิ่งเหล่านี้ได้อยู่หมัด จนกระทั่งคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ในฤดูกาล 2010–11 และ 2011–12 ซึ่งหวังว่ากับ ลิเวอร์พูล เขาจะทำได้แบบนี้เช่นกัน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • ไม่ได้หนีความผิด!คาริอุสเผยเหตุทำไมต้องลาลิเวอร์พูล
    ลอริส คาริอุส นายทวาร ลิเวอร์พูล ที่ตอนนี้ไปเล่นกับ เบซิคัส ด้วยสัญญายืมตัว ระบุ ที่บอกลา "หงส์แดง" ไม่ใช่เพราะอยากหนีจากความผิดพลาดที่ก่อขึ้น พร้อมลั่น ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ เจอร์เก้น คล็อปป์
  • ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 6 - แข้งลิเวอร์พูลนำทัพ ตามด้วยแมนซิตี้
    ลิเวอร์พูล ยังคงเดินหน้าเก็บสามแต้มได้ต่อเนื่อง และในทีมยอดเยี่ยมสัปดาห์นี้ ก็ยังมีผู้เล่นหงส์แดงติดมาในทีม และมีหนึ่งแข้งจากทีมเล็กที่ติดทีมเราอย่างต่อเนื่อง จะเป็นใครนั้นต้องไปดู
  • เดอะค็อป ใจชื้น!! JK อัพเดทอาการเดี้ยง ฟาน ไดจ์ค ไม่น่าเป็นห่วง
    เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือสายเพรสซิ่งของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อัพเดทอาการบาดเจ็บล่าสุดของ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังตัวเก่งของทีมที่ถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมเอาชนะ เซาแธมป์ตัน ไปด้วยสกอร์ 3-0 เมื่อคืนที่ผ่านมา
  • รวมสถิติตัวเลขน่าทึ่งจากเกมสุดมันส์วันเสาร์
    ศึกลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำวันเสาร์ที่ 22 กันยายน ผ่านพ้นไปด้วยความชื่นมื่นของแฟนบอล ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ส่วนสาวก "ปีศาจแดง" คงหัวเสียไม่น้อยกับการที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำได้แค่เปิดบ้านเจ๊า วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 1-1 แต่อย่างน้อยๆ เฟร็ด กองกลางตัวใหม่ เบิกสกอร์แรกกับทีมได้แล้ว และก็แน่นอนว่า มีสถิติน่าสนใจเกิดขึ้นมากมายจากเกมเมื่อคืน จะมีอะไรบ้างนั้น ลองไปดูกัน

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »