ถ้าจะบอกว่าตอนนี้บรรยากาศภายใน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นเหมือนสงครามมาเฟียก็คงไม่ผิดอะไร หลังจากที่ว่ากันว่า โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมชาวโปรตุกีส กับ ปอล ป็อกบา กองกลางคนดังกำลังผิดใจกันอย่างหนัก จนถึงขนาดมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันแล้ว
    แน่นอนว่าถ้าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริงมันก็ไม่ส่งผลดีต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด แม้แต่นิดเดียว จนหลายคนมองว่าทางเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้คือต้องมีใครคนใดคนหนึ่งออกจากทีมไป แต่การปรับเปลี่ยนแบบกะทันหันมันเสี่ยงพอตัว และที่จริงมันอาจจะมิวิธีอื่นที่ช่วยให้ "ปีศาจแดง" รอดพ้นจากความวุ่นวายนี้โดยไม่ต้องจับ มูรินโญ่ หรือ ป็อกบา บูชายัญก็ได้

    - รีบหาผู้อำนวยการกีฬาเก่งๆ แล้วให้เขาแก้ไขสถานการณ์นี้

   ช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มคิดที่จะหาคนมารับงานผู้อำนวยการกีฬาของทีมแล้ว เพราะพวกเขามองว่าการขาดคนในตำแหน่งดังกล่าวมันทำให้การบริหารทีมในยุคปัจจุบันเกิดปัญหาอย่างหนัก แถมทีมอื่นๆ ที่มีผู้อำนวยการกีฬาก็ทำผลงากันได้ดีพอตัว

    ทั้งนี้ ผู้อำนวยการกีฬาไม่ได้แค่ดำเนินเรื่องการซื้อ-ขายนักเตะเท่านั้น แต่คนเหล่านั้นยังสามารถเป็นตัวกลางระหว่างกุนซือ, นักเตะ และบอร์ดบริหารได้ด้วย นั่นหมายความว่าถ้าเกิด แมนฯ ยูไนเต็ด ได้คนที่มีฝีมือมารับงานนี้จริงๆ เขาก็น่าจะช่วยแก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายนี้ได้บ้าง

    บางคนอาจจะบอกว่าคนที่เป็นกัปตันทีมควรจะเข้ามารับหน้าที่ตรงนี้ อย่างเช่นการกล่อมให้ ป็อกบา ใจเย็นลง แต่ในกรณีของ แมนฯ ยูไนเต็ด คุณสามารถตัดประเด็นความช่วยเหลือจากกัปตันทีมไปได้เลย เพราะเจ้าของปลอกแขนกัปตันทีมในปัจจุบันของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ซึ่งแข้งชาวเอกวาดอร์เป็นพวกที่ไม่ค่อยพูดอะไรมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

    - หาที่ปรึกษาให้ มูรินโญ่

   ความสำเร็จมากมายก่ายกองที่เขาทำได้ตลอดอาชีพการคุมทีมถือเป็นเครื่องรับประกันว่า มูรินโญ่ เป็นกุนซือชั้นยอดคนหนึ่งแห่งยุค ไม่มีใครกล้าปฏิเสธถึงเรื่องนั้น แต่ถ้าจะบอกว่าตอนนี้เขามีทักษะการจัดการกับคนที่แย่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

    จริงอยู่ว่า มูรินโญ่ เคยรับมือแข้งดังๆ ได้หลายคนในอดีต แต่นักเตะในสมัยนี้ไม่เหมือนกับแต่ก่อนแล้ว แข้งยุคปัจจุบันต้องการสนิทสนมกับคนเป็นกุนซือมากขึ้น และเขาต้องระวังเรื่องคำพูดมากกว่าเดิมด้วย เพราะอะไรที่พูดไปแล้วมันก็ไม่สามารถถอนกลับมาได้ และอาจส่งผลให้เกิดผลกระทบที่เลวร้ายตามมา

    ด้วยเหตุนี้ มูรินโญ่ จึงต้องการที่ปรึกษาดีๆ ในเรื่องนั้น ซึ่งคนที่พอจะเข้าข่ายดังกล่าวได้ก็คือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะอดีตยอดนายใหญ่ชาวสกอตต์สามารถจัดการกับนักเตะได้ดีหลายคน และทำได้ในหลายรุ่น ตลอดช่วงราว 26 ปีที่กุมบังเหียนในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

    อีกหนึ่งคนที่น่าจะช่วยได้ดีก็คือ ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เพราะกุนซือทีมชาติฝรั่งเศสแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถจัดการกับนักเตะรุ่นใหม่ได้ดี โดยเฉพาะกับ ป็อกบา เพราะเขาทำให้ ป็อกบา เป็นคนละคนกับตอนเล่นในสีเสื้อของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ จนมีส่วนทำให้ทัพ "เลส์ เบลอส์" ได้แชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 ไปครอง

    - เอาใจ ป็อกบา ในระดับพอดี

   คนเราจะทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพก็เมื่อมีความสุข กรณีของ ป็อกบา ก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน โดยจะเห็นได้ชัดว่าฟอร์มของเขาตอนเล่นให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ทีมชาติฝรั่งเศส มันต่างกันราวฟ้ากับเหว ซึ่งส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะเขาไม่แฮปปี้กับทีมเท่าไหร่นั่นเอง

    ด้วยเหตุนี้ ถ้าเกิด แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน พวกเขาก็ควรจะหาทางทำให้ ป็อกบา มีความสุข แต่ก็ต้องไม่เอาใจเขามากเกินไปเช่นกัน ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลเสียกับสปิริตของนักเตะคนอื่นๆ ในทีม

    - พึ่งพา ไรโอล่า

   แน่นอนว่าถ้าถามความเห็นของแฟนบอลหลายคนที่มีต่อ มิโน่ ไรโอล่า เอเยนต์ของ ป็อกบา แล้วนั้น แทบทุกคนก็คงตอบว่า "เป็นพวกน่ารังเกียจ" จากการที่เขามีคดีความการงัดข้อกับสโมสรต่างๆ อยู่บ่อยๆ

    อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ไรโอล่า เป็นคนที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของนักเตะที่เขาดูแลอยู่แบบเต็มที่ ซึ่ง ป็อกบา ก็เชื่อใจในตัวนายหน้ารายนี้อย่างมากด้วย นั่นหมายความว่าถ้าเกิด แมนฯ ยูไนเต็ด ทำบางอย่างให้ ไรโอล่า พอใจ แล้วขอความช่วยเหลือจากเขานั้น ไรโอล่า ก็น่าจะกล่อมให้ ป็อกบา ยอมสงบศึกกับ มูรินโญ่ ได้บ้าง

    จริงอยู่ว่ามันอาจไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุดในระยะยาว แต่มันก็พอจะช่วยลดระดับความวุ่นวายได้บ้าง ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไปหาทางออกกันต่อหลังจากนี้