ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » ใครดีใครแย่? เช็คผลงาน Top 6 พรีเมียร์ลีกหลังผ่านมา 7 นัด

ใครดีใครแย่? เช็คผลงาน Top 6 พรีเมียร์ลีกหลังผ่านมา 7 นัด

Posted 01/10/2018 by siamsport

พรีเมียร์ลีกกำลังเข้มข้นกันเป็นอย่างมาก บรรดาทีมท็อปซิกซ์ต่างขับเคี่ยวกันอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะการลุ้นแชมป์ที่แต้มไม่ห่างกันมาก เหลืออีกหนึ่งนัดก่อนที่จะต้องเบรคให้กับโปรแกรมทีมชาติในช่วงสัปดาห์หน้า เรามาเช็คผลงานที่ผ่านมากันว่า 7 นัดท็อปซิกซ์แต่ละทีมเป็นอย่างไร


1.แมนฯซิตี้ (อันดับที่ 1)
ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 0 (ยิง 21 ประตู เสีย 3 ประตู)

จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ณ ปัจจุบัน ด้วยคะแนน 19 แต้ม เรือใบสีฟ้า เปิดฤดูกาลได้วยสวยงามด้วยการบุกไปอัด ปืนใหญ่ คารัง แต่ทว่าพวกเขามาพลาดท่าสะดุดในนัดที่ 3 ในเกมกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน  ทำให้ตลอดหลายสัปดาห์พวกเขาตามหลัง เชลซี และ ลิเวอร์พูล อยู่ตลอด แต่ทว่าหลังจากสะดุดหนึ่งนัดพวกเขาก็ซัด นิวคาสเซิ่ล, ฟูแล่ม, คาร์ดิฟฟ์ และ ไบรท์ตัน แบบไม่ยั้งพร้อมกับยิงไปมากถึง 12 ประตู ประกอบกับ เชลซีและลิเวอร์พูล ต้องตัดแต้มกันเอง เลยทำให้สัปดาห์เรือใบแซงขึ้นมาเป็นจ่าฝูงด้วยประตูได้เสียที่เหนือกว่าหงส์แดงอยู่ถึง 6 ลูกด้วยกันสำหรับดาวยิงสูงสุดของทีมในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้น เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่สอยตาข่ายไปแล้ว 5 ประตูในฤดูกาลนี้

โปรแกรมลีกนัดถัดไปเป็นนัดสุดท้ายก่อนเบรกทีมชาติ จะเป็นแมตช์สำคัญที่พวกเขาจะต้องไปเยือน แอนฟิลด์ ของหงส์แดง จะเรียกว่าเป็นศึกชิงจ่าฝูงก็ว่าได้ น่าจะเป็นบทพิสูจน์ว่าพวกเขามีดีพอที่จะสามารถป้องกันแชมป์ลีกหรือไม่

2.ลิเวอร์พูล (อันดับที่ 2)
ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 0 (ยิง 15 ประตู เสีย 3 ประตู)

รองจ่าฝูงพรีเมียร์ด้วยแต้มเท่ากับเรือใบสีฟ้า 19 แต้ม หงส์แดง กระซวกคู่แข่งมานักต่อนัก โดยหนึ่งในนั้นเป็นเกมสำคัญที่สามารถบุกไปเอาชนะ สเปอร์ส ได้ถึงถิ่นอีกต่างหาก นัดล่าสุดพวกเขาโกงความตายด้วยการบุกไปยิงใส่ เชลซี ช่วงท้ายเกมทำให้ยื้อแต้มกลับออกมาได้สำเร็จ แต่ก็ต้องเสียจ่าฝูงลีกไปให้กับเรือใบสีฟ้า ถ้ามองโลกในแง่ดีพวกเขาเก็บแต้มได้จากทีมใหญ่ทั้งสองนัดถือว่าสอบผ่านในช่วงโปรแกรมหฤโหดไปได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้การที่พวกเขาตกรอบ คาราบาว คัพ อาจจะเป็นการที่ที่สามารถมาโฟกัสกับการลุ้นแชมป์ลีกได้ ฤดูกาลนี้แนวรุกของหงส์แดงต่างสามารถทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ นำมาโดย ซาดิโอ มาเน่ ที่ตอนนี้ยิงไปแล้ว 4 ประตู ตามมาด้วยเจ้าของดาวซัลโวฤดูกาลที่แล้วอย่าง โมอาเหม็ด ซาลาห์ ที่ทำไป 3 ประตู ขณะที่ ดาเนี่ล สเอตร์ริจด์และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ต่างทำกันไปคนละสองประตู

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น นัดถัดไป หงส์แดง มีคิวเปิดบ้านดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนจะเบรคทีมชาติ หงส์แดงมีสถิติที่ดีในการเจอกันในบ้าน ดังนั้นน่าจะเป็นเกมที่พวกเขาหวังเป็นอย่างมากที่จะเอาชนะเพื่อทวงจ่าฝูงคืนให้ได้

3.เชลซี (อันดับที่ 3)

ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 0 (ยิง 15 ประตู เสีย 5 ประตู)
ไม่นาเชื่อว่าฤดูกาลแรกของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ จะสามารถพาทีมบินสูงขึ้นได้ถึงขนาดนี้ ระบบทีมของเขาสร้างความลงตัวให้กับเชลซีเป็นอย่างมาก พวกเขาเดินหน้าเก็บแต้มเป็นว่าเล่นใน 5 นัดแรก โดยหนึ่งในนั้นมีนัดที่พวกเขาเปิดบ้านอัด อาร์เซน่อล ไป 3-2 ด้วย แต่ทว่า สิงห์บลูส์ มาสะดุดเสมอในสองเกมหลังสุดกับทั้ง เวสต์แอม และลิเวอร์พุล ทำให้สัปดาห์นี้พวกเขาต้องหล่นลงมาอยู่ในอันดับสามโดยมีแต้มห่างจากเรือใบสีฟ้าและหงส์แดง สองแต้มด้วยกัน สำหรับดาวซัลโวของทีม็ต้องให้ เอแด็น อาซาร์ ที่โชว์ผลงานน่าประทับใจตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา พร้อมกับทำไปแล้ว 6 ประตูในลีกนำดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีกอยู่ในตอนนี้

สำหรับสัปดาห์นี้ พวกเขามีคิวไปเยือนเซาธ์แฮมป์ตัน ส่งท้ายก่อนเบรคทีมชาติ แต่ทว่าหลังจากกลับมาจากโปรแกรมทีมชาติ สิงห์บลูส์ มีอีกหนึ่งบิ๊กแมตช์สำคัญในการเปิดบ้านรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังฟอรืมย่ำแย่ในช่วงนี้ มาดูกันว่า เชลซี จะโกยแต้มเพื่อทงจ่าฝูงกลับมาในมือได้หรือไม่

4.สเปอร์ส (อันดับที่ 4)

ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 2 (ยิง 14 ประตู เสีย 7 ประตู)
เป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ลีกที่ไม่เสริมทัพใครเลยเข้ามาใฤดูกาลนี้ ซึ่งถ้าดูในช่วงเปิดฤดูกาลก็ถือว่าสอบผ่านฉลุยเพราะพวกเขาเก็บ 9 แต้มเต้มจากสามนัด ซึ่งก็มีหนึ่งนัดที่บุกไปถล่ม แมนฯยูไนเต็ด คาโอลด์ แทรฟฟอร์ด ถึง 3-0 ทว่าหลังจากนั้นพวกเขาสะดุดแพ้ 2 เกมติดต่อกันให้กับ วัตฟอร์ด และลิเวอร์พูล ยังไม่รวมถึงในแชมเปียนส์ลีกที่พ่ายอินเตอร์ มิลาน ซึ่งทำให้พวกเขาพ่ายเป็นเกมที่สามติดต่อกัน หลายคนยกประเด็นถึงเรื่องการเสริมทัพมาพูดกันมากมายเพราะมันส่งผลต่อทีมมากขนาดไหน ยังดีที่สองเกมล่าสุดพวกเขากลับซิวชัยได้ ทำให้ยังเกาะอยู่กลุ่มลุ้นแชมป์โดยตามจ่าฝูง 4 คะแนน แน่นอนว่าสำหรับดาวซัลโวของทีมก็ต้องเป็น แฮร์รี่ เคน ที่ทำไปแล้ว 5 ประตู เป็นรองดาวซัลโวของลีกอยู่ ณ ขณะนี้

    โปรแกรมถัดไปพวกเขาจะเปิดบ้านรับการมาเยือนของทีมฟอร์มย่ำแย่อย่าง ดาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ถ้าไม่มีอะไรพลิกโผน่าจะเก็บสามแต้มได้ไม่ยาก และหลังจากเบรคทีมชาติ พวกเขามีโปรแกรมทำศึกลอนดอนดาร์บี้กับ เวสต์แฮม ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ ก่อนจะต้องรับมือบิ๊กแมตช์สำคัญในการเปิดบ้านเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในสิ้นเดือน ถือเป็นเดือนที่โหดพอสมควร แต่ถ้าพวกเขาจะขยับตัวเองขึ้นมาลุ้นแชมป์ก้ต้องผ่านนัดเหล่านี้ไปให้ได้

5.อาร์เซน่อล (อันดับที่ 5)

ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 2 (ยิง 14 ประตู เสีย 9 ประตู)
ปืนใหญ่ยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ อูไน เอเมรี่ เปิดฤดูกาลด้วยโปรแกรมโหดที่ต้องเจอกับทั้ง แมนฯซิตี้ และเชลซี ซึ่งพวกเขาก็พลาดท่าทั้งสองนัดพร้อมกับจมอยู่ช่วงท้ายตาราง แต่ทว่าหลังจากนั้นพอปืนใหญ่จูนกันติดก็สามารถซิวชัยรวด 5 นัด พร้อมถล่มตาข่ายไปถึง 12 ลูก ดีดตัวเองขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 5 อย่างรวดเร็ว มีแต้มตามหลังจ่าฝูงอยู่ 4 แต้ม และมีแต้มเท่ากับคู่อริตลอดกาลอย่าง สเปอร์ส อย่างไรก็ตามจุดอ่อนยังอยู่ที่เกมรับที่ยังไม่นิ่ง ตั้งแต่เปิดฤดูกาลพวกเขาโดนยิงไปแล้วถึง 9 ประตู อูไน เอเมรี่ ก็เล็งเห็นจุดนี้และแก้ไขด้วยการเก็บคลีนชีทในสองนัดล่าสุด ฟอร์มร้อนแรงขนาดนี้ต้องบอกเลยว่าตัดพวกเขาออกจากการลุ้นแชมปืไม่ได้จริงๆ สำหรับดาวยิงของทีมดูเหมือนฤดูกาลแข้งปืนใหญ่ยังเฉลี่ยกันยิงอยู่ แนวรุกทั้ง ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมย็อง, อเล็กซองดร์ ลากาแซตต์ และเมซุต โอซิล ต่างทำได้เท่ากัน 2 ประตู

สำหรับในเดือนตุลาคม ปืนใหญ่ มีสิทธิ์เดินหน้าสอย 9 แต้มเต็มหากยังรักษาฟอร์มได้แบบเดือนที่ผ่านมา เพราะพวกเขาจะได้เจอกับ ฟูแล่ม, เลสเตอร์ ซิตี้ และ คริสตัล พาเลซ ซึ่งถือว่าไม่เหนือบ่ากว่าแรงมากเท่าไหร่ เชื่อว่าถ้าพวกเขายังโกยแต้มต่อไปแบบนี้การลุ้นแชมป์อาจมีชื่อของปืนใหญ่เข้าไปมีเอี่ยวแน่นอน
   

6.แมนฯยูไนเต็ด (อันดับที่ 10)

ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 3 (ยิง 10 ประตู เสีย 12 ประตู)
ผีแดง เป็นทีมเดียวในท็อปซิกที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ใน 6 อันดับแรกของตารางพรีเมียร์ลีก พวกเขาจมอยู่ในอันดับที่ 10 ของตาราง โกยแต้มได้แค่ 10 แต้มจาก 7 นัดที่ลงเล่น ปัญหาทั้งตัวกุนซือและตัวผู้เล่นที่ต่างนัดกันฟอร์มตกอย่างหนักทำให้ผีแดงตอนนี้เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤติแล้ว พวกเขาพลาดท่าสองเกมล่าสุด นัดแรกผีแดงโดน วูล์ปแฮมป์ตัน บุกมาขโมยแต้มแบบเจ็บแสบ ส่วนอีกนัด ผีแดง โดน เวสต์แฮม กระซวกไป 3-1 นี่ยังไม่นับรวมถึงเกมคาราบาวคัพ ที่พวกเขาตกรอบอย่างน่าอับอายด้วยการพ่าย ดาร์บี้ สำหรับในลีกพวกเขาเสียไปแล้วถึง 12 ประตูด้วยกัน ทั้งที่ฤดุกาลที่แล้วพวกเขาถือเป็นที่เสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับสอง โดยเสียไป 28 ประตูเท่านั้น ส่วนแนวรุกตอนนี้ โรเมลู ลูกากู สอยไปแล้ว 4 ประตู แต่ทว่าช่วงนี้กำลังถูกวิพากษ์วิจารณือย่างหนักหน่วงหลังฟอร์มการถล่มประตูหายไปแบบหน้าตาเฉย

โปรแกรมในเดือนตุลาคมนี้ถือว่ายากพอสมควร ก่อนเบรคทีมชาติพวกเขาจะต้องเจอกับ นิวคาสเซิ่ล ในบ้าน ซึ่งเป็นเกมที่พวกเขาบังคับต้องได้สามแต้มเท่านั้น ส่วนหลังจากโปรแกรมทีมชาติ พวกเขาจะต้องเจอศึกหนักเมื่อต้องบุกไปเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ ของเชลซี และส่งท้ายเดือนด้วยการเจอกับ เอฟเวอร์ตัน ปัญหาสำคัญคือพวกเขาจะต้องโรเตชั่นผู้เล่นให้ดูเพราะจะต้องเจออาวุธหนักทั้ง บาเลนเซีย และยูเวนตุส ในศึกแชมเปียนส์ลีก น่าติดตามชมชะตากรรมของ มูรินโญ่ ว่าในเดือนนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »