สถานการณ์ของ โชเซ่ มูริโญ่ กับการทำหน้าที่นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูเหมือนจะระส่ำมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในแมตช์ล่าสุดที่ทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอ บาเลนเซีย แบบไร้สกอร์ ทำให้ "ปีศาจแดง" ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลยในบ้านตัวเอง 4 แมตช์ติดต่อกัน

แน่นอนว่าเสียงวิจารณ์ทั่วทุกสารทิศถาโถมเข้าใส่ มูรินโญ่ อย่างหนัก โดยเฉพาะกับเกมที่เสมอ "ไอ้ค้างคาว" ซึ่งทุกเสียงพูดเหมือนกันว่าเป็นเกมที่น่าเบื่อมากๆ และมองไม่เห็นถึงความกระตือรือร้นจากบรรดานักเตะ "ปีศาจแดง" ในการที่จะเอาชนะคู่แข่งเลย

หากจะมองในแง่บวกในแมตช์นี้ อาจจะมีประเด็นจังหวะการเล่นที่ค่อนๆ ข้างดูดีกว่าแมตช์แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และนักเตะบางคนพยายามพิสูจน์ตัวเองได้ดีขึ้น แม้สุดท้ายจะไม่สามารถช่วยอะไรทีมได้มากก็ตาม

1. แรชฟอร์ด โดดเด่น ส่วน ซานเชซ ดับสนิท

ตั้งแต่ต้นเกม มาร์คัส แรชฟอร์ด ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามพิสูจน์ตัวเอง และทุ่มเทอย่างหนักมากกว่านักเตะคนอื่นๆ ในทัพ "ปีศาจแดง" แมตช์ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขามุ่งมั่นอย่างเต็มที่ และพยายามที่จะมีส่วนร่วมกับทีมในแมตช์รับมือ บาเลนเซีย

กองหน้าทีมชาติอังกฤษ มีโอกาสที่จะทำประตู 2 ครั้งในครึ่งแรก แต่ไม่สำเร็จ น่าเสียดายจริงๆ ที่เขาไม่ได้รับรางวัลแห่งความพยายาม  อย่างไรก็ตามมันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวกับกรณีของ อเล็กซิส ซานเชซ ซึ่งเป็นอีกเกมที่สาวก "เร้ด อาร์มี่" คงเขียนเครื่องหมายคำถาม "?" ตัวใหญ่เอาไว้ว่านี่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าจริงเหรอ

การเล่นที่ไร้คุณภาพ และขาดซึ่งความมุ่งมั่นทุ่มเท แน่นอนว่าตอนนี้แฟนบอล "ปีศาจแดง" ทั่วโลกคงเริ่มรู้สึกแล้วว่า หัวหอกทีมชาติชิลี ยังไม่สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองออกมาได้เหมือนสมัยที่อยู่กับ อาร์เซน่อล เมื่อ 12 เดือนก่อน และในแมตช์นี้เขาได้ลงเล่นไป 72 นาทีแถมแทบไม่มีโอกาสทำประตูด้วยซ้ำ

2. บาเลนเซีย ขาดความเฉียบคม

สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การที่สกอร์เสมอ 0-0 พวกเขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำ เพราะ บาเลนเซีย ทำผลงานได้ดีมากๆ โดยเฉพาะการเก็บบอลในแดนกลาง รวมไปถึงการผ่านบอลเพื่อสร้างโอกาสในการทำประตู สิ่งที่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์สำหรับทัพ "ไอ้ค้างคาว" ก็คือความเด็ดขาดราวเพชฌฆาตในพื้นที่สุดท้าย

มีหลายต่อหลายครั้งที่พวกเขาลำเลียงลูกหนังเข้าไปในพื้นที่อันตราย แต่ไม่สามารถที่จะตะบันลูกบอลเพื่อเป็นการทดสอบความเหนียวหนึบของ ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูทีมชาติสเปน อย่างกรณีของ  มิชี่ บาตชูอายี่ กองหน้าบาเลนเซีย ที่ยืมมาจาก เชลซี มีโอกาสงามหยดในจังหวะวอลเล่ย์แต่บอลก็พลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดาย

3. จังหวะการเล่นที่ค่อยๆ ดีขึ้น

มูรินโญ่ จัดการเปลี่ยนทีม 3 ตำแหน่งจากแมตช์แพ้ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนว่า "ปีศาจแดง" จะเป็นทีมที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงในแมตช์รับมือ "ไอ้ค้างคาว" ในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ในแมตช์ที่ลอนดอน สเตเดี้ยม พวกเขาขาดการเล่นที่รวดเร็ว, จังหวะไม่ต่อเนื่อง และไม่มีความกระตือรือร้น แต่ในเกมกับ บาเลนเซีย ทัศนคติช่างแตกต่างออกไป เมื่อ มารูยาน เฟลไลนี่, โรเมลู ลูกากู และ อเล็กซิส ซานเชซ พยายามใส่สปีดเต็มที่ตั้งแต่ต้นเกม และไล่กดดันสูง จนทำให้นักเตะทีมเยือนเล่นผิดพลาด

การเล่นแบบนี้ทำให้ทีมดังจากแดนกระทิงดุต้องลงไปตั้งรับ และทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสได้ไล่บี้พวกเขา รวมไปถึงทำให้ทีมมีพื้นที่ว่างมากมายเพื่อให้ ป็อกบา, ลุค ชอว์ และ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ได้วิ่งทะลุเข้าไปในพื้นที่สุดท้าย แม้ว่าผลการแข่งขันจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการ แต่นี่ก็คือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับสาวก "เร้ด อาร์มี่"
   
4. ลูกากู แทบไม่มีบทบาท

โรเมลู ลูกากู เป็นนักเตะที่มักจะโดนวิจารณ์อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะหากพิจารณาเรื่องเทคนิค และการสัมผัสบอลของเขา เขามีรูปร่างแข็งแกร่งเต็มไปด้วยความเร็ว และพละกำลัง อย่างไรก็ตามเจ้าตัวมักจะลืมไปว่าเป็นนักเตะที่มีเทคนิคดีไปซะงั้น อย่างในเกมกับ บาเลนเซีย ดูเหมือนว่านักเตะจะไม่สามารถควบคุมบอลได้ แถมยังพยายามที่จะลากบอลแหวกคู่แข่ง แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว

นอกจากนี้เขาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นนักเตะที่มีความเร็ว และพละกำลังเลย ขณะเดียวกัน ลูกากู ยังดูเหมือนกับหมดแรง สำหรับในตอนนี้ ดาวเตะทีมชาติเบลเยียม ดูเหมือนจะไม่สามารถงัดฟอร์มที่สุดอันตรายของเขาเวลาที่เล่นให้กับทัพ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" หรือสมัยเล่นให้ เอฟเวอร์ตัน ได้เลย

สำหรับตอนนี้ผลงานในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงเกมล่าสุดกับ บาเลนเซีย ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ ลูกากู อาจจะต้องเป็นตัวสำรองเพื่อให้โอกาสนักเตะคนอื่นได้ลงสนามพิสูจน์ตัวเองบ้าง
 
5. มาติช ไม่ท็อปฟอร์ม

เนมานย่า มาติช ทำผลงานได้ดีเยี่ยมกับ เชลซี และเป็นนักเตะที่ มูรินโญ่ อยากได้มาเล่นในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างมาก แน่นอนว่าประสบการณ์ของเขาน่าจะช่วยทีมในสถานการณ์แบบนี้ได้ แต่ดูเหมือนเขาแทบจะไม่มีบทบาทอะไรมากนักในแมตช์นี้เลย

ตอนนี้เริ่มมีเสียงค่อนขอดออกมาจากแฟนบอลแล้วว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล มีกองกลางที่เต็มไปด้วยพลังการขับเคลื่อน ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับทัพ "ปีศาจแดง" เพราะในแมตช์สำคัญแบบนี้ ดาวเตะเลือดเซิร์บ ทั้งช้า,  สะเพร่า และขาดไอเดียในการสร้างสรรค์เกม