4 เหตุผลสำคัญที่ ลิเวอร์พูล ชนะไม่เป็น 3 เกมล่าสุด
Posted 05/10/2018 by siamsport
หลังจากเริ่มต้นฤดูกาล 2018-19 ด้วยฟอร์มสุดยอดเก็บชัยชนะ 7 เกมรวดทั้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนนี้ ลิเวอร์พูล กำลังประสบกับปัญหาฟอร์มฝืดใน 3 แมตช์ล่าสุด และไม่สามารถควานหาชัยชนะได้เลยซึ่งทำให้ตอนนี้ทีมกำลังเจอวิกฤติที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน
"เดอะ เร้ดส์" ตกรอบ 3 ศึกคาราบาว คัพ ด้วยน้ำมือ เชลซี จากนั้นก็เสมอ "สิงห์บลูส์" ในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี จนกระทั่งในแมตช์ล่าสุดที่แพ้ นาโปลี ศึกถ้วยใบโตยุโรป ซึ่งว่ากันว่าพวกเขาโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เปิดซีซั่น เพราะ "หงส์แดง" ยิงไม่ตรงกรอบเลยสักครั้งเดียวซึ่งถือครั้งแรกในแชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่เกมพ่ายเบนฟิก้า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2006
แน่นอนว่าทั้งหมดทั้งมวลทำให้สาวก "เดอะ ค็อป" เป็นห่วงมากๆ เพราะพวกเขามีเกมสำคัญพบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันอาทิตย์นี้ และหากไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ งานนี้สถิติสะกดคำว่า "ชนะ" ไม่ได้เลย อาจจะเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นไปได้
แล้วทำไมผลงานของ ลิเวอร์พูล ถึงเป็นแบบนี้ แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญอาจจะมาจาก 4 เหตุผลเหล่านี้ที่กำลังทำให้ทีมต้องเจอวิกฤติหนัก
4. ขาดความหลากหลายในการเล่น
เป็นอีกครั้งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขายังไม่มีแผน บี เพื่อรองรับในเวลาที่ทีมพบกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถเจาะแนวรับคู่แข่ง เพราะหาก "หงส์แดง" พบกับสโมสรที่มีแท็คติกหลากหลายจากกุนซือเขี้ยวลากดิน งานนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่าเกมของพวกเขาออกแนวอึดอัด ยกตัวอย่างในเกมแพ้ นาโปลี ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
จะว่าไปแล้วด้วยขุมกำลังของทีมในเวลานี้ คล็อปป์ สามารถเลือกใช้งานผู้เล่นที่สามารถพลิกเกมได้อย่าง เซอร์ดาน ชากีรี่ ซึ่งเขาแสดงให้เห็นถึงคุณภาพแล้วในการเล่นเป็นจริงแมตช์ทุบ เซาธ์แฮมป์ตัน และสำรองในแมตช์เสมอ เชลซี เกมพรีเมียร์ลีก เมื่อสัปดาห์ก่อน
นอกจากนี้สไตล์การเล่นที่อาศัยศักยภาพของเกมรุกที่ฝีเท้าติดจรวด ต้องหงอยทุกครั้งเมื่อเจอทีมที่เน้นการเล่นรัดกุม ด้วยเหตุนี้ คล็อปป์ จำเป็นต้องใส่ความหลากหลายในการเล่นให้มากขึ้น เพราะหากเจอทีมระดับสามัญพวกเขาสามารถใช้แผนการเล่นแบบเดิมๆ โจมตีได้ แต่หากเจอประเภทเขี้ยวลากดิน บทสรุปก็จะเห็นเกมที่แพ้ เชลซี (คาราบาว คัพ) และ นาโปลี
3. อาการเหนื่อล้า
ยอดทีมแห่งลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ เริ่มต้นฤดูกาลด้วยฟอร์มที่สุดร้อนแรง และเต็มไปด้วยพละการทำลายล้าเมื่อพวกเขาสามารถเก็บชัยชนะ 7 แมตช์รวดจากการแข่งขันทุกรายการ โดย "เดอะ เร้ดส์" เป็นหนึ่งใน 3 ทีมที่ยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ฤดูกาลนี้ เคียงข้าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี
อย่างไรก็ตาม ด้วยโปรแกรมการแข่งขันที่สุดหินของพวกเขาที่ต้องพบกับคู่แข่งในระดับคุณภาพ แน่นอนว่านั่นทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องทุ่มพลังไปเยอะมากจนส่งผลกระทบกับฟอร์มการเล่นของพวกเขาอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างการที่ต้องดวลกับ เชลซี 2 เกมติดต่อกัน (คาราบาว คัพ และ พรีเมียร์ลีก), ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, นาโปลี, เซาธ์แฮมป์ตัน และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
เกมทั้งหมดนี้เกิดขึ้นไม่ถึง 20 วันซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้ว่าทีมของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องรับมือกับงานที่ยากลำบากจริงๆ ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะพวกเขายังมีโปรแกรมสำคัญในการดวลกับแชมป์เก่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคมนี้ ก่อนจะหยุดพักเบรกทีมชาติ ฉะนั้นหากสามารถเก็บ 3 แต้มจาก "เรือใบสีฟ้า" ได้ แน่นอนว่าทีมคงมีกำลังใจเพิ่มขึ้น และกลับมาสู่ฟอร์มแกร่งได้หลังจบช่วงฟีฟ่าเดย์
2. ขาดมิดฟิลด์สร้างสรรค์เกม
กองกลางของลิเวอร์พูล ได้รับคำชื่นชมจากบรรดากูรูลูกหนัง และแฟนบอลในช่วงระหว่าง 2-3 เกมแรกของฤดูกาลปัจจุบัน อย่างไรก็ตามฟอร์มที่สุดยอดังกล่าวค่อยๆ หดหายไปอย่างรวดเร็ว และตอนนี้ "หงส์แดง" เริ่มเล่นสะเปะสะปะไร้ทิศในช่วงที่ผ่านมา
มิดฟิลด์ลิเวอร์พูล เน้นการทำงานหนักมากกว่าการเล่นที่ชาญฉลาด, การคิดสร้างสรรค์ และมีไหวพริบ ซึ่งนั่นคือข้อเสียเวลาที่พวกเขาพบกับทีมที่มีระบบการเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น อย่างในแมตช์ล่าสุดที่แพ้ นาโปลี ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า "เดอะ เร้ดส์" ไม่สามารถตะบันบอลตรงกรอบแม้แต่ครั้งเดียว ฉะนั้นสิ่งนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ลิเวอร์พูล ขาดกองกลางที่มีประสิทธิภาพที่จะพลิกสถานการณ์ของทีม
การขาย ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ไปให้ บาร์เซโลน่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แน่นอนว่าส่งผลให้เกิดหลุมอากาศรูเบ้อเร่อในแผงกองกลางของ แชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 18 สมัย แม้ว่าพวกเขาจะได้ นาบี เกอิต้า เข้ามาเติมเต็มในช่วงซัมเมอร์นี้ แต่ ดาวเตะทีมชาติกีนี ยังไม่สามารถมีอิทธิพลกับทีมได้เหมือนที่ "คูตี้" สร้างเอาไว้
1. สามแนวรุกเท้าบอด
สามประสาน "เอสเอ็มเอฟ" (SMF) ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เคยได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดแนวรุกที่ขู่ทุกๆ สโมสรในยุโรปเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาซัดประตูรวมกัน 91 ลูกเมื่อซีซั่น 2017-18 และฉีกเกมรับคู่แข่งจนขาดวิ่นราวกระดาษชำระราคาถูกๆ
สำหรับฤดูกาลนี้ ทั้งสามคนต้องพบกับความยากลำบากในแต่ละเกมราวกับลืมฟอร์มเก่งทิ้งเอาไว้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา โดยพวกเขายิงรวมกันได้ 9 ประตูจาก 10 เกม โดยรายที่อาการหนักสุดก็คือ โม ซาลาห์ ที่ขาดความเฉียบคม, ฟีร์มีโน่ จับบอลไม่นิ่ง และ มาเน่ มีปัญหาเรื่องการตัดสินใจ
ลิเวอร์พูล สะกดคำว่า "ชนะ" ไม่ได้เลยพร้อมกับฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่จากแนวรุกทั้ง 3 คน โดยพวกเขาทั้งยิงประตู และสร้างโอกาสในการทำประตูไม่ได้เลยใน 3 เกมล่าสุด ที่สำคัญสุดสัปดาห์นี้การดวล แมนฯ ซิตี้ เป็นแมตช์สำคัญมาก และคงไม่มีอะไรที่เด็ดไปกว่านี้สำหรับ 3 ประสานรหัส "เอสเอ็มเอฟ" ที่จะเรียกฟอร์มสุดยอดกลับคืนมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
คนเก่าไปไหน!? วิเคราะห์สาเหตุทำ ซาลาห์ ฟอร์มตก
การออกไปแพ้ นาโปลี 0-1 ถึงสนาม ซาน เปาโล ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี เมื่อวันพุธที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้ ลิเวอร์พูล ไม่ชนะใคร 3 นัดติดต่อกันในทุกรายการ ซึ่งถือว่าสวนทางกับผลงานก่อนหน้านี้ของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง เพราะก่อนหน้านี้ "หงส์แดง" เก็บชัยชนะได้แบบรัวๆหงส์ปวดกบาล! เกอิต้า แอดมิทรพ.เมเปิลส์ ส่อชวดดวลเรือใบอาทิตย์นี้
ลิเวอร์พูล ต้องปาดเหงื่อ หลัง นาบี เกอิต้า กองกลางชาวกินี มีอาการเจ็บหลังจนต้องนอนโรงพยาบาล และอาจชวดลงสนามในเกมที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในสัปดาห์นี้โวซะหน่อย !! คาร์โล อันเชล็อตติ เผยแผนลับหยุด ลิเวอร์พูล อยู่หมัด
คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือใหญ่นาโปลี ได้ทีเลยจัดการโวยกใหญ่ว่าแผนการเล่นของเขานั้นเฉียบขาดสุด ๆ ขนาดยอดทีมฟอร์มแรงอย่าง ลิเวอร์พูล ยังโดนบีบจนเล่นไม่ได้ตามที่ถนัด จากรายงานของ dailymail.co.uk เมื่อ 4 ตุลาคม 2561นาโปลี 1-0 ลิเวอร์พูล
''อัซซูร์ร่า" นาโปลี รองแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ไม่ทำให้กองเชียร์ตัวเองต้องผิดหวัง หลังไล่บดเอาชนะ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ไปแบบหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของ ลอเรนโซ่ อินซินเย่ ที่ซัดนาทีสุดท้ายให้ทีมซิวสามแต้มแรก พร้อมขึ้นนำจ่าฝูงกลุ่ม ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์