เดลี่ เมล สื่อจากเกาะอังกฤษ จัดทีมรวมสตาร์พ่อค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก ซึ่งนำโดยบรรดาผู้เล่นชั้นนำของแต่ละทีม และหากทีมนี้ต้องไปเจอกับสตาร์จากลีกอื่นทั้ง กัลโช่ เซเรีย อา, ลาลี กา และบุนเดสลีกา พวกเขาจะเอาชนะได้ไหม?

ผู้รักษาประตู - ดาบิด เด เคอา (แมนฯยูไนเต็ด)

ไม่มีใครปฏิเสธว่านายด่านทีมชาติสเปน คือผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดของลีกในตอนนี้ ยังจำลูกเซฟในเกมกับเซบีย่าได้ไหม? มันคือหนึ่งในสุดยอดซูเปอร์เซฟที่เกิดขึ้นเมื่อซีซั่นที่แล้ว ก่อนที่จะจบฤดูกาลด้วยการคว้ารางวัลถุงมือทองคำ กับสถิติเก็บคลีนชีต 18 นัดในลีก

แบ็กขวา - ไคล์ วอล์เกอร์ (แมนฯซิตี้)

การมาอยู่กับเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำให้วอล์คเกอร์ เจิดจรัสได้เต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องเกมบุก พร้อมกับแอสซิสต์ให้เพื่อน 6 ครั้งในปีแรก

ค่าตัวแพงระยับระดับ 54 ล้านปอนด์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาคู่ควรกับมูลค่านั้น

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ - จอห์น สโตนส์ (แมนฯซิตี้)

เมื่อเข้าสู่รั้วเอติฮัด สเตเดี้ยม นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญในเส้นทางลูกหนังของพ่อหนุ่มรายนี้

แม้ในทีมซิตี้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว จะใช้นิโกคลัส โอตาเมนดี้ เป็นตัวหลัก แต่หลังมีความทรงจำที่งดงามกับศึกฟุตบอลโลก 2018 สโตนส์พัฒนาจนเป็นตัวเลือกแรกในทีมเรือใบสีฟ้า

ด้วยการไปกับบอลที่ดี และวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยม จึงทำให้บางที เป๊ป ก็จับสโตนส์ไปเล่นกองกลางตัวรับในบางครั้ง

เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ - เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ (ลิเวอร์พูล)

ฟาน ไดค์ เบียดเอาชนะกองหลังรายอื่น อย่าง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และ เอริค ไบยี่ การที่ลิเวอร์พูล ยอมทุ่มเงินมหาศาล 75 ล้านปอนด์ ถึงตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

เขามีทุกอย่างที่กองหลังระดับโลกพึงจะมี ทั้ง พลัง, ความเร็ว, การอ่านเกม, ภาวะผู้นำ, สภาพจิตใจ นี่แหละคือสิ่งที่เขามีทั้งหมด

แบ็กซ้าย - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (เชลซี)

แม้ในยุคของเมาริซิโอ ซาร์รี่ เขาถูกจับไปยืนด้านขวาเป็นหลัก แต่การยืนฝั่งซ้ายประสิทธิภาพของอดีตแข้งบิลเบาก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

ทุกบทบาทในแนวรับ เขาสามารถเล่นได้ดีทุกตำแหน่ง จึงทำให้เขาเบียด มาร์กอส อลอนโซ่ เพื่อนร่วมทีม และแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มายืนในทีมนี้

กองกลาง - เควิน เดอ บรอยน์ (แมนฯซิตี้)

หากเปรียบระบบการเล่นของซิตี้ เป็นวงดนตรีสักวงหนึ่ง เขาก็เปรียบเสมือนผู้ควบคุมจังหวะการบรรเลงเพลงในทุกเสียงเพลง

เขาเป็นผู้เล่นที่สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมมากที่สุดในเกาะอังกฤษ นอกจากจะติดทีมนี้แล้ว หากจัดทีมยอดเยี่ยมยุโรป เขาก็ควรเป็นหนึ่งในทีมนั้น

กองกลาง - เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เชลซี)

สองแชมป์พรีเมียร์ลีกสองปีติดกับต่างสโมสร ก่อนจะไม่สามารถป้องกันแชมป์ได้เมื่อปีที่แล้ว แต่ความเป็นแข้งระดับเวิลด์ คลาสของเขาก็ยังคงอยู่ ซึ่งมันต่อยอดจนทำให้เขาไปเป็นแชมป์โลกเมื่อกลางปีที่ผ่านมา

ความสามารถพิเศษของก็องเต้ ที่โดดเด่นที่สุดคือ การปิดพื้นที่ว่างระหว่างกองหลังและกองกลาง จนสร้างความสมดุลย์แก่ทีมได้แบบไม่มีที่ติ

กองกลาง - ดาบิด ซิลบา (แมนฯซิตี้)

แข้งพ่อมดแห่งเรือใบสีฟ้า จะก้าวขึ้นเป็นแข้งระดับตำนานของทีมแน่นอน  และฟอร์มของซิลบา ยังคงยอดเยี่ยมต่อเนื่องแม้เขาจะเจอช่วงยากลำบากเกี่ยวกับเรื่องภายในครอบครัวก็ตาม

กองหน้า - เอแด็น อาซาร์ (เชลซี)

ในขณะที่ตำแหน่งเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์หลายราย ทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ลีรอย ซาเน่, ซาดิโอ มาเน่ หรือแม้แต่ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่

แต่ฟอร์มการเล่นของอาซาร์ ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ คือสิ่งที่ทำให้เขาเบียดแข้งเหล่านั้นมาเป็นตัวจริงในทีมนี้ ซึ่งไม่แปลกใจเลยที่เรอัล มาดริด หมายปองเขาชนิดตาเป็นมัน

กองหน้า - แฮร์รี่ เคน (สเปอร์ส)

จำได้ไหมว่า เมื่อครั้งที่เคน ก้าวขึ้นมาเล่นพรีเมียร์ลีกปีแรกและยิงไป 21 ประตู หลายฝ่ายมองว่าเป็นเพียงแค่ปรากฎการณ์ช่วงสั้นๆ แต่ขอโทษ หลังจากนั้น 25 , 29 และ 30 คือจำนวนที่กัปตันทีมชาติอังกฤษคนนี้ พังตาข่ายบนเวที ลีกสูงสุดอังกฤษ

แม้ปีที่แล้วจะพลาดท่าเสียตำแหน่งดาวซัลโว ให้แก่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่เขาก็คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในตำแหน่งนี้จริงๆ

กองหน้า - โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)

เอาชนะเควิน เดอ บรอยน์ คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกไปครองเมื่อซีซั่นที่แล้ว

เพียงแค่ฤดูกาลแรกกับหงส์แดง เขาก็ทำลายหลากหลายสถิติของสโมสร อย่างไรก็ดี ปีนี้เป็นปีที่เขาต้องพิสูจน์ว่าจะรักษามาตรฐานเดิมที่เคยทำไว้ได้หรือไม่

สำรอง    

เอแดร์ซอน (แมนฯซิตี้)
โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ (สเปอร์ส)
มุสซ่า เดมเบเล่ (สเปอร์ส)
โรแบร์โต้ ฟีร์มีโร่ (ลิเวอร์พูล)
เซร์คิโอ อเกวโร่ (แมนฯซิตี้)