แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกเป็นข่าวใหญ่มโหระทึกเมื่อมีรายงานว่าเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งประเทศซาอุดีอาระเบีย ทรงแสดงความสนใจพร้อมที่จะทุ่มเงินเพื่อซื้อสโมสรดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต่อจาก ตระกูลเกลเซอร์

ต้องบอกว่าหากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง "ปีศาจแดง" เปรียบดั่งหนูตกถังข้าวสารเพราะ เจ้าชายบิน ซัลมาน ทรงเป็นบุตรของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซิซ อัล ซะอูด  ซึ่งราชวงศ์ของพระองค์ทรงมีทรัพย์สินจำนวนมหาศาลประมาณ 1 ล้านล้านปอนด์ (ประมาณ 42,690,800 ล้านบาท)

ด้วยจำนวนเงินที่มีมากมายมหาศาลจึงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงที่เจ้าชายบิน ซัลมาน ที่ปัจจุบันทรงมีอายุ 33 พรรษา จะควักเงินเพื่อซื้อสโมสรเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีมากที่สุดจำนวน 20 สมัย เพราะเมื่อดูจากการใช้เงินของพระองค์ทั้งการซื้อคฤหาสน์ หรืองานศิลปะ ขอบอกว่าพระองค์จะซื้อแมนฯ ยูไนเต็ด จริงๆ งานนี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" คงเนื้อเต้นสุดๆ แน่นอน

พระองค์ซื้อคฤหาสน์ที่แพงที่สุดในโลก 

ในปี 2015 โลกต้องตกตะลึงเมื่อมีบุคคลนิรนามทุ่มเงินจำนวน 230 ล้านปอนด์ (ราว 10,350 ล้านบาท) เพื่อซื้อคฤหาสน์สุดหรูอลังการที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยในเวลานั้นคฤหาสน์ดังกล่าวถูกบันทึกว่าเป็นเคหะสถานที่มีการขายในราคาแพงที่สุดในโลก

สองปีหลังจากนั้นมีรายงานออกมาว่าบุรุษนิรนามที่ควักกระเป๋าจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อคฤหาสน์ในดินแดนน้ำหอมก็คือเจ้าชายบิน ซัลมาน ซึ่งพระองค์ทรงชื่นชอบสถานที่แห่งนี้ที่มีพื้นที่จำนวน  50,000 ตารางเมตร 10 ห้องนอน มีสระน้ำทั้งข้างในและข้างนอก นอกจากนี้ยังมีห้องนอนจำนวน 10 ห้อง และสระว่ายน้ำแบบในร่มและกลางแจ้ง รวมทั้งห้องสมุด เป็นต้น  ที่สำคัญมีการระบุว่าคฤหาสน์หลังนี้เคยเป็นที่พักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ด้วย

พระองค์ทรงมีเรือยอชต์ที่อลังการที่สุด

เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับพระองค์ เพราะมีรายงานว่าเจ้าชายบิน ซัลมาน ทรงควักกระเป๋าจ่ายเงินจำนวน 380 ล้านปอนด์ (ราว 17,100 ล้านบาท) ให้กับ ยูริ ชีฟเลอร์ นักธุรกิจผู้ผลิตวอดก้าชาวรัสเซีย เพื่อซื้อเรือยอชต์สุดอลังการงานสร้างเมื่อปี 2015

สำหรับเรือลำนี้มีชื่อว่า เซรีน เป็นหนึ่งในเรือยอชต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมกับมีความยาวถึง 439 ฟุต (ราว 133.8 เมตร) และความกว้างถึง 60 ฟุต (ราว  18.28 เมตร) แต่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เรือลำนี้ได้รับความเสียหายจากการชนหินโสโครกที่ทะเลสาบ เร้ด ซี ทำให้ต้องจอดซ่อมแซม
 
ไม่ใช่แค่คฤหาสน์กับเรือยอชต์เท่านั้น ยังมีงานศิลปะระดับโลกด้วย

สำหรับสิ่งนี้ก็คงเหมือนกับบรรดาอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆ ที่มีเงินเหลือใช้จนต้องหาของสะสมเพื่อประดับบารมี โดยเจ้าชายบิน ซัลมาน ทรงเป็นคนที่รักงานศิลปะมากๆ โดยเมื่อปี 2017 มีรายงานว่าบุรุษนิรนามได้ทำการประมูลภาพของ ลีโอนาโด้ ดาวินชี ศิลปินเอกระดับตำนานชาวอิตาเลียน ด้วยจำนวนเงินสูงถึง 340 ล้านปอนด์ (ราว 15,300 ล้านบาท)

ภาพดังกล่าวเป็นภาพเขียนสีน้ำมันรูปพระเยซูที่มีชื่อว่า "ซัลวาตอร์ มุนดี" (ผู้ช่วยไถ่บาปโลก) ที่มีอายุราวๆ 50 ปี โดยเป็นผลงานชิ้นเอกของ ดาวินชี ซึ่งจากยอดตัวเลขที่มีการเปิดเผยทำให้ภาพนี้กลายเป็นงานศิลปะที่แพงที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนโลกใบนี้

รายงานออกมาหลังจากนั้นว่า ได้มีการปฏิเสธจากฝ่ายของผู้ที่ทำการประมูลว่า เจ้าชายบิน ซัลมาน ไม่ได้เป็นคนประมูลภาพดังกล่าว และปัจจุบันภาพนี้ถูกนำไปเก็บเอาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ในกรุงอาบู ดาบี  ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต์

พระองค์มีสหายเป็นคนระดับโลก และทรงอิทธิพล

เจ้าชายแห่งราชวงศ์ซัลมานพระองค์นี้ ทรงเดินทางไปรอบโลกเพื่อดำเนินงานด้านธุรกิจการเมือง รวมทั้งต้องพบกับบรรดาผู้ทรงอิทธิพลระดับโลกมากมาย ขนาด โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ปัจจุบันมีกรณีพิพาทกับ ซาอุดิอาระเบีย กรณีที่ จามาล คาชอกกี นักข่าวดินแดนเศรษฐีน้ำมันเสียชีวิต หลังจากมีเรื่องทะเลาะวิวาทภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบีย ประจำนครอิสตันบูล ของตุรกี แต่ก็เป็นพระสหายของเจ้าชายบิน ซัลมาน

อย่างเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา เจ้าชายบิน ซัลมาน ทรงเดินทางไปพบกับ ทรัมป์ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายเรื่องการแบนชาวมุสลิม และหลังจากการเข้าพบในครั้งนั้น เจ้าชายทรงตรัสว่าพระองค์พิจารณา ผู้นำสหรัฐฯ ในฐานะมิตรสหายแท้ของชาวมุสลิม

นอกจากนี้ เจ้าชายบิน ซัลมาน ยังทรงมีมิตรระดับโลกอีกมากมายรวมทั้ง วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย และ สมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ด้วยเช่นกัน

พระองค์ไม่เปิดเผยเกี่ยวกับพระชายา

แม้ว่าเจ้าชายบิน ซัลมาน จะทรงมีสถานะในฐานบุคคลสาธารณะ และต้องทรงปรากฎตัวต่อหน้าประชาชนอยู่บ่อยๆ ก็ตาม แต่พระองค์ทรงเลือกที่จะเก็บชีวิตส่วนตัวเอาไว้เป็นความลับ

พระองค์เคยตรัสว่าได้ทรงสมรสกับเจ้าหญิงซาราห์ บินต์ มัซฮูร์ หรือที่รู้จักกันในนามว่า "เจ้าหญิงบาร์บี้" เมื่อปี 2008 และมีพระบุตรกับพระธิดาจำนวน 4 พระองค์ แต่กระนั้นเจ้าชายก็ไม่เคยทรงพาเจ้าหญิงซาราห์ เดินทางไปไหนมาไหนกับพระองค์เลย หรือปรากฎตัวกับสื่อ

สำหรับเรื่องนี้ เจ้าชายบิน ซัลมาน ทรงตรัสว่า "ข้าพระเจ้าต้องการให้บุตรและธิดาใช้ชีวิตอย่างเช่นคนปกติและให้อยู่ห่างจากการเป็นจุดสนใจ, แรงกดดันทางการเมือง และการเป็นที่สนใจ ข้าพระเจ้าต้องการให้ลูกๆ มีชีวิตเฉกเช่นปกติชน และพระชายาของข้าพระเจ้าก็ต้องการแบบนั้นเช่นกัน"