โชเซ่ มูรินโญ่ ชื่อนี้ต้องยกว่าเป็น "เดอะ สเปเชียล วัน" จริงๆ เพราะนอกจากจะมีกึ๋นในการจัดวางแท็กติคต่อกรกับคู่แข่งแล้ว การแสดงความสะใจหรือการฉลองความสำเร็จของเจ้าตัว คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ในการยียวนกวนประสาทคู่แข่งมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
    ล่าสุดที่เมืองตูริน เจ้าตัวก็ยังคงรักษามาตรฐานความเกรียนแม้อายุจะเยอะขึ้นก็ไม่มีผล แน่นอนว่าการแสดงพฤติกรรมในเชิงเย้ยหยันไม่ว่าจะกับคู่แข่ง หรือกับแฟนบอลย่อมส่งผลเสียมากกว่า แต่เมื่อคนเรามันเกิดอาการสะใจจะให้ทนเก็บอารมณ์เอาไว้ทำไม งานนี้มันต้องระบายออกมา !!!

    สำหรับเหตุการณ์หลังเกมกับ ยูเวนตุส ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะ "เฮียมู" ผ่านสมรภูมิเฉียด.....(เติมเอง) มาแล้วหลายครั้ง แต่เชื่อว่านี่ก็คงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย และอาจจะได้เห็นลีลาเด็ดๆ อีกในเกมดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ วันอาทิตย์นี้ก็ได้    

- วิ่ง 100 เมตรในโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 

   การฉลองชัยครั้งแรกของ มูรินโญ่ ที่ฮือฮาและได้รับการจดจำอย่างมากเกิดขึ้นในฤดูกาล 2003-04 ตอนที่เขากุมบังเหียน เอฟซี ปอร์โต้ ลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พร้อมกับคว่ำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบน็อกเอาต์ ซึ่งบอกเลยว่าหลังจบแมตช์นี้โคตรดราม่าจริงๆ

    หลังจากเกมแรกที่ชนะ 2-1 ในบ้านปอร์โต้ ดูเหมือนว่า "ผีแดง" ได้เปรียบจากอะเวย์โกล และในเกม 2 พวกเขาขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่ครึ่งแรกซึ่งหากผลการแข่งขันจบแบบนี้ แมนฯ ยูฯ จะได้ผ่านเข้ารอบต่อไปจากกฎประตูทีมเยือน แต่แล้วทุกอย่างก็สลายในพริบตาเมื่อ คอสตินญ่า ตีเสมอให้ผู้มาเยือนในนาทีสุดท้าย 

    ตอนนั้น มูรินโญ่ วิ่งแบบไม่คิดชีวิตจากซุ้มม้านั่งสำรองไปที่มุมธงเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับลูกทีม โดยชอตนั้นสาวก "ผีแดง" ไม่มีวันลืม เพราะเมื่อจบเกม ปอร์โต้ ได้ผ่านเข้ารอบต่อไป ด้วยสกอร์รวม 2 แมตช์ 3-2 ที่สำคัญพวกเขายังจบด้วยการคว้าแชมป์อีกต่างหาก

- ลีลายั่วโมโหในถิ่นคัมป์ นู ครั้งแรก

    กุนซือชาวโปรตุกีส กลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของสาวก "เจ้าบุญทุ่ม" มานานนมก่อนที่จะรับงานกุมบังเหียน "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ด้วยซ้ำ เพราะเรื่องนี้เริ่มต้นในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อเดือนตุลาคม 2006 ตอนที่ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ซัดประตูในนาทีที่ 90 ให้กับ เชลซี และตอนนั้น มูรินโญ่ ก็โคตรสะใจด้วยการคุกเข่าฉลองความสำเร็จ นั่นคือจุดกำเนิดแห่งการเกลียดชังชายชื่อ "เฮียมู" ของเหล่าสาวกบาร์ซ่า

- สะใจไม่แคร์เจ้าบ้าน

    หากนับรวมการฉลองความสำเร็จของ มูรินโญ่ แล้ว บางทีในแมตช์นี้น่าจะเป็นการแสดงความสะใจที่สุดจะบรรยายจริงๆ โดยในเวลานั้นเขานำ อินเตอร์ มิลาน บุกถิ่นคัมป์ นู และสามารถปราบ บาร์เซโลน่า ได้ชนิดหักปากกาเซียน พร้อมกับตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว อย่างยิ่งใหญ่

    หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวจากปากตุลาการสนาม มูรินโญ่ ได้วิ่งราวกับเด็กน้อยเข้าไปในสนามพร้อมกับยกกำปั้นขึ้นมาและชี้ไปที่แฟนบอล "งูใหญ่" โดยในจังหวะนั้น บิคตอร์ บัลเดส ผู้รักษาประตูเจ้าบ้านวิ่งเข้ามาห้ามเพราะเหมือนเป็นการยั่วยุสาวกบาร์ซ่า แต่ "เฮียมู" ไม่สนใจจนทั้งคู่เกือบมีเรื่องฟาดปาก หลังจากนั้นภายในสนามก็เปิดสปริงเกอร์ฉีดน้ำราวกับเป็นการไล่อาคันตุกะให้รีบๆ กลับอิตาลีไปซะที 

- ขี่หลังลืมวัย

    นี่คือหนึ่งในการฉลองที่ตลกมากๆ สำหรับคนที่ได้เห็นในเกม ลา ลีกา เมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่นำ เรอัล มาดริด เก็บชัยชนะที่เมสตาย่าในเดือนพฤศจิกายน 2011 โดย มูรินโญ่ ได้โชว์ลีลาความน่ารักด้วยการวิ่งไปกระโดดขี่หลัง โฆเซ่ กาเยฆ่อน นักเตะสำรองที่ยืนวอร์มอยู่ข้างสนาม พร้อมกับกำหมัดสะใจ ซึ่งการทำแบบนั้นเป็นการแจกความสดใสให้กับแฟนลูกหนังดีแท้

- ฉลองต่อหน้าซุ้มม้านั่งสำรองบียาร์เรอัล

    ในปี 2011 มูรินโญ่ ที่กุมบังเหียน เรอัล มาดริด นำทีมลงสนามในเกมลีกที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว รับมือ บียาร์เรอัล โดยเจ้าตัวแสดงความดีใจที่ "ราชันชุดขาว" ได้ประตูที่สี่จาก ริคาร์โด้ กาก้า ด้วยการชูแขนกำหมัดที่ด้านหน้าอัฒจันทร์ จริงๆ แล้วทุกอย่างดูเหมือนปกติไหม ? ไม่เลยเพราะปัญหามันอยู่ตรงที่ "เฮียมู" เลือกทำตรงหน้าซุ้มสำรองของ "เรือดำน้ำเหลือง"

    มูรินโญ่ ให้เหตุผลแบบสีข้างถลอกปอกเปิกว่า "ผมให้สัญญากับลูกชายว่าผมจะฉลองประตูให้กับเขาเพราะเขานั่งอยู่ที่ด้านหลังซุ้มม้านั่งสำรองของทีมเยือน"

- ลีลาสไลด์เข่าเกมแมนเชสเตอร์ ซิตี้

    มูรินโญ่ แสดงพฤติกรรมเหมือนที่เคยทำตอนที่เล่นในถิ่นคัมป์ นู อีกครั้ง โดยครั้งนี้เกิดขึ้นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2012 ตอนที่เขากุมบังเหียน เรอัล มาดริด พบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยในนาทีที่ 90 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซัดประตูชัยให้ทีม และตอนนี้ กุนซือเลือดฝอยทอง ก็โชว์ลีลาวิ่งสไลด์เข่าเข้าไปในสนามแข่งที่ปลูกด้วยหญ้าแสนนุ่มราวกับผ้าไหม โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเข่าจะถลอกเหมือน เอแด็น อาซาร์ !!

    บอกตามตรงการกระทำของ มาร์โก ยานนี่ สตาฟ์โค้ชเชลซี ที่แสดงอาการสะใจต่อหน้า มูรินโญ่ ตอนที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ได้ประตูตีเสมอในนาทีสุดท้ายเลย ถือว่าเด็กๆ เมื่อเทียบกับพฤติกรรมกวนประสาทของ มูรินโญ่ ที่ผ่านมา