โปรแกรมพรีเมียร์ลีกก่อนที่จะพักเบรคทีมชาติสองสัปดาห์ และเป็นนัดที่ 12 ของซีซั่น การคั่วหัวตารางยังเป็นไปอย่างสนุกเมื่อเชลซี, อาร์เซน่อล นัดกันสะดุด ขณะที่ แมนซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เก็บสามแต้มได้ ด้านผู้เล่นที่ฟอร์มโดดเด่น ต้องยกให้ ฮวน ฟอยธ์ ดาวรุ่งวัย 20 จากสเปอร์ส ที่แก้ตัวได้สมบูรณ์แบบจากนัดที่แล้ว ขณะที่ แฟร์นันดินโญ่ คือผู้เล่นสำคัญของซิตี้ที่ทีมจะขาดไม่ได้เลย

ผู้รักษาประตู - โจ ฮาร์ท (เบิร์นลี่ย์)

เป็นผู้เซฟชีวิตให้เบิร์นลี่ย์ไม่ตกเป็นฝ่ายตามหลัง โดยเฉพาะการป้องกันจังหวะหลุดเดี่ยวของเดมาไร เกรย์ ที่เขาออกมาปิดมุมได้อย่างยอดเยี่ยม

กองหลัง - แมทธิว โลวตัน (เบิร์นลี่ย์)

อีกหนึ่งคนที่โดดเด่นในแนวรับเบิร์นลี่ย์ จังหวะบล็อคลูกยิงของเจมี่ วาร์ดี้ คือช็อตสำคัญของเกม นอกจากนี้เขายังแย่งบอลกลับคืนมาจากคู่แข่งได้ถึง 8 ครั้ง และสัมผัสบอลมากที่สุดในทีม

กองหลัง - ฮวน ฟอยธ์ (สเปอร์ส)

เมาริซิโอ โปเชตติโน่ กุนซืออาร์เจนไตน์ ยังให้ความไว้วางใจแนวรับดาวรุ่งเพื่อนร่วมชาติ แม้จะเพิ่งเสียคนมาจากเกมกับวูล์ฟส์ และแข้งวัยทีนเอจคนนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แสดงถึงการอ่านเกมที่ดี ความนิ่ง และที่สำคัญยังเป็นผู้ทำประตูชัยอันล้ำค่าพาคลับไก่ บุกเก็บสามคะแนนที่เซลเฮิร์สท์ พาร์ค

กองหลัง - โซล แบมบ้า (คาร์ดิฟฟ์)

หลังปูพรหมบุกตลอด 45 นาทีหลัง จนมาได้ประตูในช่วงเวลาสำคัญจากเซนเตอร์ฮาล์ฟไอวอรี่ โคสต์ ส่วนเรื่องเกมรับเจ้าตัว เข้าปะทะสำเร็จ 3 ครั้ง, เคลียร์บอล 3 ครั้ง และบล็อคอีก 1 ครั้ง

กองหลัง - แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน (ลิเวอร์พูล)

แบ็กเลือดวิสกี้ทำได้ดีหมดทั้งเกมรุก-เกมรับ ลูกเออลี่ ครอส(Early Cross) ช่างแม่นยำเหลือเกินจนชากิรี่ ไม่ต้องแต่งบอลอะไรทั้งสิ้น

กองกลาง - เฟลิเป้ แอนเดอร์สัน (เวสต์แฮม)

ตอนนี้แข้งแซมบ้ากลายเป็นจุดศูนย์กลางเกมรุกของขุนค้อนไปแล้ว ฟอร์มการเล่นระยะหลังทำได้ดีมากๆ โดยยิงไป 3 ประตู จาก 2 เกมหลังสุด

กองกลาง - คัลลัม แพเทอร์สัน (คาร์ดิฟฟ์)

ความจริงแล้วแข้งวัย 24 รายนี้ เริ่มต้นอาชีพในตำแหน่ง แบ็กขวา แต่นับจากที่ย้ายเข้ามาอยู่คาร์ดิฟฟ์เมื่อปี 2017 ส่วนใหญ่จะเล่นตำแหน่งกองกลาง อย่างไรก็ดีในช่วงหลัง นีล วอร์น็อค ก็เห็นข้อดีในความแข็งแกร่งทางร่างกาย จึงจับมาเล่นกองหน้าตัวเป้า และก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกมล่าสุด ทัพบลูเบิร์ดคว้าสามแต้มในบ้านได้สำเร็จ

กองกลาง - แฟร์นันดินโญ่ (แมนฯซิตี้)

อายุไม่ใช่ปัญหาในการเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับเลย อดีตแข้งชัคตาร์คือฟันเฟืองสำคัญของซิตี้ทุกเกม ชนิดที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังหาตัวแทนที่เทียบเทียมเขาไม่ได้ และในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ดาวเตะแซมบ้า ก็แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าแค่มีเขาคนเดียวก็สามารถคุมพื้นที่กลางสนามได้ ขณะเดียวกันเขายังเอาชนะการดวลกับแข้งแมนยูได้ถึง 7 ครั้ง

กองกลาง - เบร์นาร์โด ซิลวา (แมนฯซิตี้)

ยามที่ทีมไม่มีเควิน เดอ บรอยน์ เป๊ปก็ยังอุ่นใจได้เมื่อมีเบร์นาร์โด ที่ทดแทนได้อย่างไม่มีที่ติ สองแอสซิสต์ในเกมนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาสมควรติดทีมยอดเยี่ยมของเราไหม?

กองหน้า - โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (ลิเวอร์พูล)

อาจไม่ใช่ฟอร์มที่ดีที่สุดของซาลาห์ แต่เขาก็มีส่วนสำคัญกับประตูที่ทีมได้จากจังหวะเปลี่ยนจากรับเป็นรุก โดยอาศัยความเร็วของปีกอียิปต์ ก่อนจะยิงอย่างเฉียบขาดให้หงส์แดงขึ้นนำ อีกทั้งยามใดที่เขาได้บอลก็สามารถสร้างความอันตรายได้เสมอด้วยเทคนิคอันแพรวพราว และความว่องไว ซึ่งประตูในเกมนี้ทำให้ซาลาห์ เจาะตาข่ายคู่แข่งพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 19 จาก 21 ทีม มีเพียงแมนฯยูไนเต็ดและสวอนซี เท่านั้นที่เขายังไม่เคยยิงได้

กองหน้า - ซาโลมอน รอนดอน (นิวคาสเซิล)

ได้โอกาสเป็นตัวจริงเกมที่สองติดต่อกัน ซึ่งเขาเป็นผู้เล่นสไตล์ที่ราฟา เบนิเตซ ต้องการ การเบิ้ลประตูในเกมนี้ เป็นเพียงครั้งที่สองเท่านั้นที่เจ้าตัวยิงได้มากกว่าหนึ่งประตูในเกมเดียว ต่อจากที่เคยยิงแฮตทริกใส่สวอนซี เมื่อ ธันวาคม ปี 2016