พอล สโคลส์ คือหนึ่งในผลผลิตชั้นยอดของศูนย์เยาวชนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นบุคคลสำคัญของนักเตะดาวรุ่งรุ่นสร้างชื่อกระฉ่อนโลก "คลาส ออฟ 92" แต่เชื่อหรือไม่ว่า นักเตะคนนี้ดูเหมือนไม่มีอนาคตเอาซะเลยในตอนที่อยู่ที่อะคาเดมี่ของ "ผีแดง" โดยเรื่องนี้เป็นการยืนยันจากปากของ แกรี่ เนวิลล์ เพื่อนร่วมรุ่นยุคทอง
"คลาส ออฟ 92" ประกอบด้วยสองพี่น้องแกรี่-ฟิล เนวิลล์, ไรอัน กิ๊กส์, เดวิด เบ็คแฮม, นิคกี้ บัตต์ และ สโคลส์ โดยทั้งหมดนี้ได้ก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ภายใต้การบริหารงานดีมีคุณภาพของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พ่อใหญ่แห่งแมนฯ ยูไนเต็ด

พวกเขาเป็นกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนความสำเร็จให้กับทัพ "ปีศาจแดง" ทั้งการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมไปถึงการสร้างชื่อผงาดฟ้าด้วยการคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ในปี 1999 แม้ว่าปัจจุบันทั้งหมดจะแขวนเกือกไปเรียบร้อยแล้ว แต่ความยิ่งใหญ่ของพวกเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับดาวรุ่งในรั้วโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

สำหรับ สโคลส์ ตลอดอาชีพนักเตะของเขาสวมแต่เสื้อ "ปีศาจแดง" และได้รับการเชิดชูในฐานะหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของสโมสร โดยเขาเล่นให้กับทีมตั้งแต่ปี 1993-2013 จำนวน 718 เกม และยิงไปถึง 155 ประตู รวมทั้งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 11 สมัย, เอฟเอ คัพ 3 สมัย และ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย ขณะเดียวกันยังติดทีมชาติอังกฤษ 66 เกม

แต่เชื่อหรือไม่ว่า สโคลส์ ดูเหมือนนักเตะไร้อนาคตสิ้นดี โดยเรื่องนี้ เนวิลล์ผู้พี่ ยืนยันว่าเป็นความจริง แต่เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญทำให้ สโคลส์ การเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ของทีม เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่เขาถูกถามว่า สโคลส์ ควรเป็นหนึ่งในแข้งชุดคลาส ออฟ 92 หรือไม่ "ถ้าคุณถามผมตอนอายุ 12 หรือ 13 ปี สโคลซี่ จะเป็นหนึ่งในนักเตะชั้นยอดที่สุดหรือไม่ ? ผมบอกเลยว่าไม่มีทาง"

"เขาตัวเล็ก, บอบบาง เขาไม่มีพละกำลังอะไรเลย เขาไม่แข็งแรง คุณสามารถอัดเขาจนบอลกระเด็นไปได้สบายๆ เพราะเขาตัวผอมมาก เขายังเป็นโรคหืดด้วย เขาวิ่งช้ามาก เขาไม่เคยวิ่งชนะใครเลย ฉะนั้นคุณต้องนึกถึงตอนอายุ 12 หรือ 13 ปี คุณต้องสู้กับนิคกี้ บัตต์ ซึ่งเป็นเหมือนสัตว์ป่า เขาวิ่งอยู่รอบๆ ตัวคุณ มีพละกำลัง แข็งแกร่ง เขาเตะคุณตลอด เขาผ่านบอลดี เขามักวิ่งขึ้นไปเล่นเกมบุก"

"คุณคงเห็น เบน ธอร์นลี่ย์ ที่เอาชนะนักเตะทุกคน, รวดเร็ว, ว่องไว และคล่องแคล่ว คุณคงเห็น เบ็คส์ ตอนที่ลงสนาม ยิงประตูได้ดีมากๆ อย่างที่คุณเคยเห็นนั่นแหละ แล้วก็เปิดบอลแม่นมาก คุณได้เห็นนักเตะทุกคนเต็มไปด้วยคุณภาพ และจากนั้นคุณมองไปที่ สโคลซี่ แน่นอนว่าเขาจับบอลได้ดี แต่คุณคิดว่าเขาสามารถทำอะไรได้ล่ะ ? เขาทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง สภาพร่างกายก็ไม่สามารถรับมือกับทุกๆ สิ่งที่ประดั่งเข้าใส่ตัวเขา"

 "เขาไม่ค่อยได้ติดทีม ไม่ได้ลงเล่นมากนัก ในปีแรกช่วงปี 1992 เขาไม่ได้ลงเล่นให้กับทีมเยาวชนเลย ทันใดนั้นในปีถัดมา ผมคิดว่ามันเกิดจากการที่เขาหยุดดื่มเบียร์ และหยุดกินพายในช่วงวันศุกร์ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าเหลือเชื่อในช่วง 2-3 ปี สโมสรมองว่าเขาเป็นนักฟุตบอลได้ ไบรอัน คิดด์ (ผู้ช่วยโค้ชในเวลานั้น) ชื่นชอบเขา เซอร์อเล็กซ์ก็ประทับใจเขา และนั่นเกิดขึ้นตอนที่เขาอายุ 18 ปี"

"ในทีมเยาวชนชุดปี 92 มี นิคกี้ บัตต์ เป็นมิดฟิลด์ตัวกลางคู่กับ ไซม่อน เดวิส แล้วก็ เบน ธอร์นลี่ย์, คีธ กิลเลสพี และ เบ็คส์ ขณะที่ สโคลซี่ โดนมองข้ามตลอด ผมไม่คิดว่าเขาจะได้นั่งอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรองของทีมชุดนั้นด้วยซ้ำ ดังนั้นนี่คือหนึ่งในเรื่องที่ผมสุดช็อกที่สุดก็ว่าได้ และหลังจากนั้นเมื่อผมเลิกเล่น ผมพูดว่าเขาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดที่ผมเคยร่วมเล่นด้วย"

ยู
"ดังนั้นคุณลองคิดถึงการเขย่งก้าวกระโดดตอนอายุ 13 หรือ 14 ปี เมื่อคุณได้เห็นเขาในตอนแรก เด็กตัวเล็กที่ไม่แข็งแรงเลย อ่อนปวกเปียก วิ่งช้ามาก กลายสภาพเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดที่ผมเคยร่วมเล่นด้วย นั่นเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ สโมสรมองว่าเขาเต็มไปด้วยศักยภาพ และมีพรสวรรค์สูง"

"ผมยังจำตอนที่เขาอยุ 16 ปีได้เลย เขาได้อยู่ในทีมชุดบี และเขาลงเล่น 2 เกมในตำแหน่งแบ็กซ้าย จากนั้นก็ลงเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางบ่อยมาก สโมสรเชื่อมั่นในตัวเขา เขาเติบโตขึ้นและเก่งอย่างน่าเหลือเชื่อ" ตำนานฟูลแบ็กแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ ระบุ

จากประสบการณ์ที่ แกรี่ เนวิลล์ ได้แบ่งปัน ทำให้เห็นปรัชญาชีวิตที่สำคัญมากๆ ว่าคนเราเมื่อไม่มีพรสวรรค์ ร่างกายก็ไม่พร้อม แต่หากมีพรแสวง และความมุ่งมั่น ก็มีสิทธิ์ไขว่คว้าความสำเร็จได้เฉกเช่นที สโคลส์ ทำให้เห็นมาแล้ว