ทำไมถึงเป็นข่าวดี ! เจาะ 5 เหตุผลกรณี เมสซี่-โรนัลโด้ ชวดบัลลงดอร์
Posted 03/12/2018 by siamsport
วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคมนี้ จะมีการประกาศรางวัลบัลลงดอร์ หรือบอลทองคำ โดยมีข่าวเล็ดลอดออกมาอย่างต่อเนื่องจากในปี 2018 จะเกิดการเปลี่ยแปลงครั้งสำคัญเพราะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ จะไม่ได้ขึ้นไปโอบอุ้มรางวัลทรงเกียรตินี้
ทั้งสองคนผลัดกันครอบครองบอลทองคำคนละ 5 สมัยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าในบางทีพวกเขาไม่น่าจะได้รับรางวัลนี้ อย่างไรก็ตามตอนนี้ดูเหมือนว่าถึงช่วงเวลาผลัดเปลี่ยนแล้ว และเข้าสู่ยุคใหม่ซึ่งทำให้นักเตะอีกหลายคนมีความหวังที่จะได้รับรางวัลดังกล่าว
แน่นอนว่ากระแสข่าวตอนนี้ชี้เป้าไปที่ ลูก้า โมดริช ที่เป็นตัวเต็งคว้าบัลลงดอร์ และถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ ก็จะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ที่มีนักเตะคนอื่นซึ่งไม่ใช่ เมสซี่ กับ โรนัลโด้ คว้าบอลทองคำไปนอนกอดที่บ้าน ฉะนั้นหากเป็นเรื่องจริงคงถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับยุคใหม่ของวงการลูกหนัง
5. เริ่มต้นยุคใหม่
ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด โดยยุคสมัยของ กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ และ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส กำลังจะถึงคราวล่มสลาย ซึ่งมันอาจจะเป็นข่าวร้ายสำหรับทั้งสองคน แต่ก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับนักเตะคนอื่นๆ ที่โลดแล่นอยู่บนถนนสายลูกหนัง
ต้องยอมรับว่าวงการฟุตบอลของโลกใบนี้จะเข้าสู่การเปลี่ยนถ่ายยุคใหม่เมื่อ เมสซี่ กับ โรนัลโด้ จะไม่ได้ครอบครองความสำเร็จส่วนตัวอีกต่อไปแล้ว ลองคิดดูตอนนี้ "ซีอาร์ 7" อายุอานามปากเข้าไป 33 ปี ขณะที่ หัวหอก "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า อายุ 31 ปี นั่นหมายความว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับพวกเขาที่จะครองความยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาต่อจากนี้
ทั้งสองคนแบ่งกันโอบอุ้มรางวัลบัลลงดอร์ หรือบอลทองคำ มาตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (รวมถึงสมัยตอนที่ใช่ชื่อว่า ฟีฟ่า บัลลงดอร์) โดยผลัดกันเชยชมกันคนละ 5 สมัย แต่ในปีนี้มีแนวโน้มสูงมากๆ ว่าผู้ที่จะได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้จะไม่ใช่พวกเขาแน่นอน
4. นักเตะคนอื่นเริ่มมีความหวัง
"ความหวังเป็นสิ่งที่ดี อาจจะเป็นสิ่งที่สุดของมนุษย์ และสิ่งที่ดีจะไม่มีวันตาย จึงอย่าไปกลัวที่จะมีความหวัง" นี่คือประโยคเด็ดจากภาพยนตร์สุดฮอต "The Shawshank Redemption" สุดท้ายแล้วความหวังเป็นสิ่งที่มีค่า และทุกๆ คนอย่างได้หมดหวัง
ในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา มันอาจจะดูเหมือนกับหมดสิ้นซึ่งความหวังสำหรับนักเตะหลายๆ คน และจะไปตำหนิ เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ได้ไหมล่ะ ? ลองยอ้นไปในปี 2010 เวสลี่ย์ สไนเดอร์ คว้าทริปเบิ้ลแชมป์กับ อินเตอร์มิลาน และจากนั้นก็มีส่วนช่วย ฮอลแลนด์ เข้ารอบชิงฟุตบอลโลกในปีเดียวกัน
ตามมาด้วยในปี 2013 ฟร้องค์ ริเบรี่ ได้ 3 แชมป์กับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค และในเวลานั้นไม่มีใครจะหยุดความร้อนแรงของปีกชาวฝรั่งเศสได้เลย แต่แล้วเขาก็แห้วรางวัลทรงเกียรติไปอย่างน่าเจ็บปวด
ในเวลานั้น ทั้งสองคนต้องพลาด "บอลทองคำ" โดย สไนเดอร์ ถูก เมสซี่ แย่งไปครอบครอง ส่วน ริเบรี่ โดน โรนัลโด้ ชิงไปหน้าตาเฉย ฉะนั้นในปีนี้ไม่ว่านักเตะทั้งสองคนจะได้บัลลงดอร์หรือไม่ (ตอนนี้เปอร์เซ็นต์ได้แทบริบหรี่) แน่นอนว่าถึงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว
3. นักเตะหลายคนพัฒนามากขึ้น
การที่มีความหวังเพิ่มมากขึ้นสำหรับบรรดานักเตะหลายๆ คน ดังนั้นพวกเขาเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่จะพัฒนาฝีเท้า เหตุผลสำคัญก็คือทุกๆ แมตช์ที่นักเตะหลายๆ คนลงสนาม พวกเขาพร้อมทุ่มเทอย่างเต็มที่เพราะรู้ว่าหากทำผลงานได้ดีก็มีความหวังที่จะได้ครอบครองบัลลงดอร์เช่นกัน
มีหลายคนอาจพูดว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม และรางวัลส่วนตัวเป็นเพียงส่วนเติมเต็มให้กับนักเตะบางคนเท่านั้น อย่างไรก็ตามสำหรับบัลลงดอร์ ต้องยอมรับว่านี่คือรางวัลทรงเกียรติที่บรรดานักเตะแต่ละคนปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้มันมาเคียงข้างกาย
รางวัลนี้จะทำให้นักเตะที่ได้รับถูกเชิดชูว่าเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ฉะนั้นสำหรับยุคใหม่ที่เตรียมจะมีการผลัดใบจาก เมสซี่ และ โรนัลโด้ แน่นอนว่านักเตะมากมายจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่พวกเขาจะมีโอกาสได้ได้โอบอุ้มบอลทองคำเอาไว้ในอ้อมแขน
ก่อนหน้านี้ นักเตะหลายคนอาจจะคิดว่าต่อให้พวกเขาทำผลงานได้ดีเลิศประเสิร์ฐศรีแค่ไหนมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะสุดท้ายแล้ว บัลลงดอร์ ก็มักจะตกเป็นของ เมสซี่ กับ โรนัลโด้ แต่ตอนนี้กำลังเข้าสู่ยุคใหม่แล้ว.....
2. กองกลางขนานแท้มีลุ้นได้รางวัลนี้
มีหลายเหตุผลที่ว่าทำไม เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ได้รางวัลนี้ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผลงานอย่างยอดเยี่ยม สำหรับ 10 ปีผ่านมาส่วนใหญ่แล้วผู้เล่นกองหน้าหรือแข้ง "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด กับ "เจ้าบุญทุ่ม บาร์เซโลน่า มักจะได้รางวัลทรงเกียรตินี้
กาก้า ซึ่งเล่นให้เอซี มิลาน ในเวลานั้นถูกมองว่าเป็นมนุษย์คนสุดท้ายที่คว้ารางวัลทรงเกียรติ โดยเขาเล่นในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ และบางครั้งอาจจะไปยืนเป็นหน้าต่ำ อย่างไรก็ตามถ้า ลูก้า โมดริช ได้รางวัลนี้เขาจะเป็นกองกลางขนานแท้ๆ คนแรกนับตั้งแต่ ซีเนดีน ซีดาน ที่เคยได้รับรางวัลทรงเกียรตินี้จากตำแหน่งมิดฟิลด์
ยังไม่หมดแค่นั้นหากเกิดพลิกโผ โมดริช ไม่ได้รางวัลนี้ และกลายเป็น อองตวน กรีซมัน หรือ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ได้รางวัลไปครอบครอง นั่นก็จะเป็นการยุติการผูกขาดบัลลงดอร์ของ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ตลอด 9 ปีเพราะ โรนัลโด้ เคยได้รางวัลนี้สมัยที่เล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2008
1. การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องดี
การเกิด, ความตายและการเปลี่ยนแปลงเป็น 3 สิ่งที่แน่นอนซึ่งเกิดขึ้นในชีวิตของมนุษย์
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงบางครั้งอาจจะเป็นข่าวร้ายสำหรับบางคน แต่ก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะการเปลี่ยนแปลงย่อมทำให้เกิดสิ่งดีๆ ตามมาเสมอ
ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แฟนลูกหนังต้องนั่งมอง เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ผลัดกันแจกความสดใสพร้อมกับโอบอุ้มบอลทองคำเอาไว้แนบอกมานานโดยในช่วงแรกๆ ก็น่าตื่นเต้นที่เห็นสองแข้งต่างดาวแย่งชิงความยิ่งใหญ่กัน แต่ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเป็นอะไรที่น่าเบื่อจริงๆ หรือจะเรียกว่าน่าผิดหวังก็ได้ เพราะบางปีมีนักเตะที่ทำผลงานได้ดีกว่าสองคนนี้ และสมควรได้รางวัลทรงเกียรติมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ก็แห้วไปตามระเบียบ
ดังนั้นหาก เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ไม่ได้บัลลงดอร์ ในปีนี้ ต้องถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีมากๆ และนี่จะทำให้เกิดแสงสว่างในยุคใหม่ และทำให้แฟนบอล รวมทั้งนักเตะหลายๆ คนเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะโลกนี้ไม่ได้มีแค่นักเตะสองคนนี้อีกต่อไปแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เรียกแขก!แฉสนั่นโรนัลโด้ไม่ร่วมงานประกาศบัลลงดอร์
สื่ออิตาลี ตีข่าวเรียกแขก ว่า คริสเตียโน โรนัลโด้ ดาวยิงจอมลีลาของ ยูเวนตุส จะไม่ร่วมเดินทางไปงานประกาศผลรางวัลบัลลงดอร์ ที่จะมีขึ้นในวันจันทร์นี้ โดยเหตุผลง่ายๆ สั้นๆ ไม่มีอะไรมากก็แค่ตัวเองไม่ได้รับรางวัลเท่านั้นเองคลีนชีตในลีกรอบ11เกม! บาร์ซ่าอัดบียาร์เรอัล ขึ้นจ่าฝูงชั่วคราว
แชมป์เก่า บาร์เซโลน่า เปิดคัมป์ นูคว้าสามแต้มสุดสำคัญหลังไล่อัด บียาร์เรอัล 2-0 ถือเป็นการเก็บคลีนชีต ไม่เสียประตูในลีกรอบ 11 เกมนับแต่ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามแต้มวันนี้ทำให้ขึ้นไปนำจ่าฝูงชั่วคราวก่อนเซบีย่าที่จะแข่งในคู่ถัดไป ในศึก ลา ลีกา สเปน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมาพิคฟอร์ดพลาด! "โอริกี้" ซัดทดเจ็บพาลิเวอร์พูลดับเอฟเวอร์ตันสุดเฮง
เมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้มีดราม่าในช่วงทดเจ็บ หลัง "หงส์แดง" มาได้ประตูในช่วงนาทีสุดท้ายแบบเฮงๆ เมื่อ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่ทำดีมาตลอดทั้งเกม พลาดปัดบอลมาเข้าทาง ดิว็อค โอริกี้ ซัดโล่งๆพา ลิเวอร์พูล คว้าชัยเหนือเอฟเวอร์ตันแบบเหลือเชื่อ 1-0 เก็บสามแต้มไล่จี้ แมนฯซิตี้ เหลือแค่ 2 แต้มเหมือนเดิม ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเจาะแผนลิเวอร์พูลในวันที่ไร้กัปตันเฮนเดอร์สัน
ส่องแท็กติก เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล จะใช้แผนไหนรับมือ เอฟเวอร์ตัน ในวันที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีมติดโทษแบน
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
วิเคราะห์บอล เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกอีลิท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด VS โปฮัง สตีลเลอร์
วิเคราะห์บอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบที่ 3: บาร์เซโลน่า vs บาเยิร์น
วิเคราะห์บอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบที่ 3: แบรสต์ vs เลเวอร์คูเซ่น
สถิติข้อมูล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แอสตัน วิลล่า VS บอร์นมัธ
สถิติข้อมูล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ VS เซาแธมป์ตัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์