"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ต้องเก็บชัยให้ได้เท่านั้นถึงจะมีโอกาสผ่านเข้ารอบต่อไปโดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงแข้งร้อนพร้อมนำล่าตาข่าย เกมรับ นาโปลี ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี) คืนวันอังคารที่ 11 ธ.ค. ศกนี้ ถ่ายทอดสด : Supersport 3, เวลา : 03.00 น.

ปรีวิวฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
(รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม ซี)
วันอังคารที่ 11 ธันวาคม 2561
ลิเวอร์พูล (อังกฤษ)   -   นาโปลี (อิตาลี)
ถ่ายทอดสด : Supersport 3, เวลา : 03.00 น.

สนาม : แอนฟิลด์
 ''หงส์แดง'' ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทัพของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์คนดังชาวเยอรมันวัย 51 ปี เพิ่งพาทีมบุกไปถลุง บอร์นมัธ มายับเยิน 4-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จากการทำแฮตทริกของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกชาวอียิปต์ ทำให้เก็บชัยชนะมา 5 นัดรวด และเก็บคลีนชีตได้เป็นนัดที่ 10 ขยับแซงหน้า ''เรือใบสีฟ้า'' แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาเป็นจ่าฝูงได้แล้ว

ขณะที่ผลงานในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เกมล่าสุดบุกไปเสียท่าให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยอดทีมของฝรั่งเศส 1-2 ทำให้มีอยู่เพียง 6 แต้ม จากการลงสนาม 5 นัด รั้งอันดับสามของกลุ่ม ซี โอกาสเข้ารอบยากลำบากทีเดียว โดยเงื่อนไขเกมนี้คือต้องชนะด้วยสกอร์ 1-0 (เฮด-ทู-เฮด จะเท่ากันทุกอย่าง และผลต่างประตูได้เสียในกลุ่มจะเท่ากัน แต่ หงส์แดง จะเข้ารอบด้วยการมีประตูได้ที่ดีกว่านาโปลี)

อีกกรณีหนึ่งคือ ลิเวอร์พูล ต้องชนะด้วยช่องว่างห่างสองประตู ถึงจะหลุดเข้ารอบต่อไปได้

ความพร้อมทั่วไปในเกมนี้ ลิเวอร์พูล ต้องขาด โจ โกเมซ กองหลังดาวรุ่งที่เจ็บข้อเท้า รวมไปถึง โดมินิก โซลันกี้ กองหน้าดาวรุ่งที่เจ็บขาหนีบ พร้อมรอเช็คอาการของ เดยัน ลอฟเรน แนวรับทีมชาติโครเอเชีย ที่มีอาการคอนคัสชั่น (กระทบกระเทือนทางสมอง) และ เนธาเนี่ยล ไคลน์ แบ็กขวาที่ไม่สมบูรณ์

ในรายของ อดัม ลัลลาน่า มิดฟิลด์ที่ศีรษะแตกในเกมเจอกับ บอร์นมัธ นั้น ต้องรอเช็กอาการอีกครั้ง

รูปแบบการเล่นยึดมั่นกับระบบ 4-3-3 วาง อลีสซง เบ็คเกอร์ นายทวารจอมหนึบดีกรีทีมชาติบราซิล ลงมาเฝ้าเสา

ส่วนแนวรับเรียก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลับมายืนเป็นแบ็คขวา พร้อมให้ โฌแอล มาติป ยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ส่วนแบ็กซ้ายเป็นหน้าที่ของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลงประจำการ

ขุมกำลังในแดนกลางวาง จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เจมส์ มิลเนอร์ ลงมาทำเกม

สามประสานแดนหน้าเรียก ซาดิโอ มาเน่ กลับมาเป็นตัวจริงลงล่าตาข่ายร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่

ฟาก ''อัซซูร์ร่า'' นาโปลี ทีมแกร่งของแดนมะกะโรนี เปิดรังไล่ถล่ม โฟรซิโนเน่ มาหายห่วง 4-0 ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี นัดล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้รั้งอันดับสองของตารางเหมือนเดิม มีแต้มตามหลัง ยูเวนตุส จ่าฝูงอยู่ 8 คะแนน

อย่างไรก็ตามผลงานในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว เกมล่าสุดเปิดรังไล่ทุบ เอฟเค เซอร์เวน่า ซเวซด้า จากเซอร์เบีย 3-1 ทำให้มี 9 คะแนนจากการลงสนาม 5 นัด ขยับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ซี มีแต้มเหนือกว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อยู่หนึ่งคะแนน และ ดีกว่า ลิเวอร์พูล อยู่สามคะแนนเต็ม
 
หากเกมนี้พวกเขาบุกไปชนะหรือเสมอลิเวอร์พูล ได้ จะทำให้ลอยลำเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายทันที

คาร์โล อันเชลอตติ เทรนเนอร์คนดังของนาโปลี ต้องขาด วลัด คิริเคสและ ซิโมเน่ แวร์ดี้ ที่มีอาการบาดเจ็บรุมเร้าอยู่

รูปแบบการเล่นยึดระบบ 4-4-2 สลับมาให้ ดาวิด ออสปิน่า ลงมาเฝ้าเสาบ้าง พร้อมได้ความช่วยเหลือจากแนวรับอย่าง นิโคล่า มัคซิโมวิช, ราอูล อัลบิโอล, คาลิดู กูลิบาลี่ และ มาริโอ รุย

แดนกลางส่ง โฆเซ่ กาเยฆอน, อัลลัน, มาเร็ค ฮัมซิค (กัปตันทีม) และ ฟาเบียน รูอิซ ช่วยกันปั้นเกมสนับสนุนคู่หน้าทั้ง ลอเรนโซ่ อินซินเย่ กับ ดรีส์ เมอร์เท่นส์ เข้าถล่มตาข่าย โดยรายของ อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค มีลุ้นเบียด เมอร์เท่นส์ ลงตัวจริงเหมือนกัน

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ลิเวอร์พูล : อลีสซง เบ็คเกอร์ - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน - จอร์จินโย่ ไวนัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (กัปตันทีม), เจมส์ มิลเนอร์ - โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่

นาโปลี : ดาวิด ออสปิน่า - นิโคล่า มัคซิโมวิช, ราอูล อัลบิโอล, คาลิดู กูลิบาลี่, มาริโอ รุย - โฆเซ่ กาเยฆอน, อัลลัน, มาเร็ค ฮัมซิค (กัปตันทีม), ฟาเบียน รูอิซ - ลอเรนโซ่ อินซินเย่, ดรีส์ เมอร์เท่นส์ (อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค) 
 
ผู้ตัดสิน: ดามีร์ สโคมิน่า (สโลวีเนีย)