การกลับมารวมกันเฉพาะกิจระหว่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของทีม หลังจากที่เขาได้รับโอกาสให้เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมขัดตาทัพจนกระทั่งจบฤดูกาลนี้ แทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่โดนปลดออกจากตำแหน่งเซ่นผลงานสุดห่วยในช่วงที่ผ่านมา

ความพ่ายแต่ต่อ ลิเวอร์พูล แบบสู้ไม่ได้เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ มูรินโญ่ โดนไล่ออก แถมทีมยังตามหลัง "หงส์แดง" จ่าฝูง ไกลสุดกู่ตั้ง 19 คะแนน นอกจากนี้โอกาสลุ้นติดท็อปโฟร์ก็ยากลำบากเมื่อตามหลัง เชลซี อันดับ 4 ซึ่งเป็นโควตาสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 11 คะแนน

สำหรับในเวลานี้ภารกิจสำคัญของ โซลชา นอกจากกจะนำทีมทำอันดับให้ดีที่สุดแล้ว พวกเขายังต้องโชว์ฟอร์มให้ดีในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งทีมทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายพบกับ ปารีส แซงต์-แมง ยิ่งไปกว่านั้น ตำนานหัวหอกซูเปอร์ซับ ยังต้องเรียกศรัทธาคืนจากแฟนบอล และนำความมั่นใจกลับสู่ผู้เล่นบางคน รวมทั้งดึงศักยภาพที่แท้จริงของ แข้ง"ผีแดง" กลับคืนมา

1. สร้างทีมโดยมี ป็อกบา เป็นแกนหลัก

โชเซ่ มูรินโญ่ ไม่เคยสนใจที่นำ ปอล ป็อกบา เป็นแกนหลักของทีม และนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาไม่สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงของ ดาวเตะเลือดเฟร้นช์ ซึ่งย้ายมาร่วมงานกับต้นสังกัดอีกครั้งด้วยค่าตัวมหาศาลประมาณ 89 ล้านปอนด์ (ราว 3,827 ล้านบาท)

ป็อกบาโดนดร็อปเป็นตัวสำรอง 3 เกมพรีเมียร์ลีกหลังสุด และการที่ มูรินโญ่ ปฏิบัติกับเขาอย่างเลวร้ายทำให้ กองกลางแชมป์โลก มีปัญหากับ "เฮียมู" ตลอด โดยเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้ นักเตะแสดงความต้องการที่จะอำลาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

สำหรับตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปหมดแล้ว เมื่อ มูรินโญ่ โดนไล่ออก และสโมสรแต่งตั้ง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามากุมบังเหียนด้วยสัญญาจนจบฤดูกาลนี้ โดยมีความเป็นไปได้ว่า ป็อกบา จะก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมอีกครั้ง เพราะอดีตเพชฌฆาตหน้าทารก เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าหากได้คุมทีมเขาจะสร้างทีมโดยให้ ป็อกบา เป็นศูนย์กลาง

ทั้งนี้ โซลชา ต้องแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถดึงศักยภาพ และพรสวรรค์ที่แท้จริงของนักเตะออกมาให้ได้ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ มูรินโญ่ ไม่สามารถทำได้
 
2. แก้ปัญหาเกมรับ

สำหรับผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมาตลอดสิ่งสำคัญก็คือการวางรากฐานที่แข็งแกร่งในเกมรับ สำหรับสถิติเกมรับของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การบริหารงานดีมีคุณภาพของ "เฮียมู" ในฤดูกาลนี้ต้องบอกว่าทำให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" ช็อกตาตั้งกันเลยทีเดียว

คิดดูก็แล้วกันในช่วงที่ นายใหญ่ชาวโปรตุกีส ยังรั้งบังเหียน เกมรับของเขาเสียประตูในเกมพรีเมียร์ลีกไปแล้ว 29 ประตู มากกว่าที่พวกเขาเสียไปตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา 1 ลูก โดยในช่วงที่ผ่านมาเขาไม่สามารถหาแบ็กโฟร์ที่แข็งแกร่งได้เลย นอกจากนี้ มูรินโญ่ ยังไม่ไว้วางใจผู้เล่นเกมรับของเขาด้วย

ในเวลานี้ โซลชา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างเกมรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด ให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และต้องแสดงความเชื่อมั่นด้วยการใช้กองหลังชุดเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งสำคัญก็คือต้องพัฒนาความเข้าใจให้กับเหล่าแบ็กโฟร์เพื่อจะได้เล่นเข้าขาเป็นหนึ่งเดียวกัน

3. สร้างสมดุลแผงกองกลาง

มูรินโญ่ หน้ามืดตาบอดไว้วางใจในตัว เนมานย่า มาติช แม้ว่านักเตะจะฟอร์มไม่ได้เลยเลยในฤดูกาลนี้ เขาไม่สามารถช่วยทีมได้เลยเนื่องจากฟอร์มการเล่นย่ำแย่สุดๆ แต่กระนั้น "เฮียมู" ก็ยังคงพยายามเข็นนักเตะลงคุมแดนกลางอย่างต่อเนื่อง

มาติช ทำผลงานได้อย่างสุดยอดในฤดูกาลแรก หลังจากที่ย้ายมาจาก "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี แต่สำหรับฤดูกาลนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร อย่างไรก็ตามเขายังคงได้รับโอกาสลงสนามตลอดทั้งๆ ที่ฟอร์มไม่ได้เรื่องเอาซะเลย

อย่าลืมนะว่า แมนฯ ยูฯ มี เฟร็ด ซึ่งเซ็นสัญญามาในช่วงซัมเมอร์นี้ด้วยค่าตัว 52 ล้านปอนด์ (ราว 2,236 ล้านบาท) โดยดูเหมือนว่านี่จะเป็นการเซ็นสัญญาไม่คุ้มค่าสำหรับทีม อย่างไรก็ตาม การที่ โซลชา ได้รับโอกาสกุมบังเหียน เขาจำเป็นต้องปลดล็อกศักยภาพของดาวเตะชาวบราซิเลียนให้ได้ เพื่อจะได้งัดฟอร์มเก่ง เหมือนที่เขาแสดงให้เห็นกับ ชัคตาร์ โดเนตส์ และเป็นเหตุผลที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ดึงตัวเขามาร่วมทีม

4. ช่วยเรียกความมั่นใจลูกากูกลับคืนมา 

สโมสรทุ่มเงินให้ เอฟเวอร์ตัน จำนวน 75 ล้านปอนด์ (ราว 3,225 ล้านบาท) เพื่อให้ปล่อยลูกากู มาร่วมทีม โดย หัวหอกทีมชาติเบลเยียม โชว์ฟอร์มดีมีคุณภาพด้วยการซัดไป 27 ประตู ในฤดูกาลแรกที่เล่นให้ "ปีศาจแดง" และดูเหมือนว่าเขาจะทำได้ดีในฤดูกาลนี้

แต่ไม่เป็นดั่งเช่นที่คาดคิดเอาไว้ เพราะประสิทธิภาพของ ลูกากู ที่ช่วยให้ เบลเยียม คว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2018 ไม่ได้เกิดขึ้นเลยกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนกับฤดูกาลแรก โดยงานนี้ทำเอาแฟนบอล "ผีแดง" จำนวนมากเบื่อหน่ายกับผลงานของ "ลูลู่" อย่างมาก

สำหรับตอนนี้ยังไม่รู้ว่า โซลชา ยังคงเชื่อมั่นในตัว ลูกากู หรือไม่ เพราะทีมมีตัวเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจเช่นกันนั่นก็คือ อองโตนี่ย์ มาร์กซิยาล, มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อเล็กซิส ซานเชซ หากเขาฟิตสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามหาก ลูกากู กลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง เขาคงทำให้แนวรับและทีมคู่แข่งต้องหวาดหวั่นจนขาสั่นแน่นอน

5. สร้างแมนฯยูฯให้กลับมาเล่นสนุกเร้าใจ

โซลชา เคยผ่านการเล่นร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคที่โชว์ฟอร์มสนุกเร้าใจภายใต้การกุมบังเหียนของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดย "พ่อใหญ่" แห่งถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีปรัชญาการสร้างทีมที่เน้นการเล่นเอนเตอร์เทนเป็นหลัก โดยการเล่นเกมบุกเป็นมรดกตกทอดมาจากโคตรตำนานกุนซือเซอร์ แมทต์ บัสบี้

นับตั้งแต่ "เซอร์เฟอร์กี้" ตัดสินใจเกษียณตัวเอง แมนฯ ยูไนเต็ดต้องพบกับความยากลำบากในการเล่นในสไตล์ดุดันเหมือนเดิม และยิ่งตอนที่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีม สไตล์ของ "ผีแดง" กลายเป็นเชื่องช้าเน้นแท็คติก ที่สำคัญยังไร้ประสิทธิภาพอีกต่างหาก

ตำนานซูเปอร์ซับ ต้องนำสไตล์การเล่นที่สนุกเร้าใจกลับมาสู่ "ปีศาจแดง" อีกครั้ง และทำให้ทีมกลับมาเล่นน่าตื่นตาตื่นใจให้ได้ พร้อมกับการเล่นที่เน้นรวดเร็วใส่ไม่ยั้ง มากกว่าเล่นแบบน่าเบื่อเหมือนมีรถบัสจอดเต็มแนวรับอย่างที่ มูรินโญ่ รวมทั้ง เดวิด มอยส์ และ หลุยส์ ฟาน กัล เคยทำ ซึ่งนั่นทำให้ทั้ง 3 คนต้องโดนไล่ออก